เปปเปอร์ที่กำลังเคาะโต๊ะอยู่หยุดชะงักลง ในใจยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้
เพราะไม่เช่นนั้นก็ยากที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมพวกเขาจะต้องสร้างชวนชมตัวปลอมเพื่อเข้าไปอยู่ในตระกูลภักดีพิศุทธิ์ คงไม่น่าจะปรารถนาดีที่จะปลอบใจเยี่ยมบุญสองสามีภรรยาหรอก
เมื่อคิดเช่นนี้ ดวงตาของเปปเปอร์มองไปยังผู้ช่วยเหมันตร์“ทำลายข้อมูลที่คุณตรวจสอบพบทิ้งให้หมด อีกทั้งเบาะแสสมัยก่อนของ เจินเจินก็ลบทิ้งให้หมดด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เพิ่มความปลอดภัยของตัวอย่างดีเอ็นเอที่ทามทอยทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลและหน่อยรับรอง อีกชั้นหนึ่ง”
แม้ว่าทามทอยจะปกปิดสถานะของเจินเจิน แต่ว่าก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครสงสัยว่าเจินเจินไม่ใช่ชวนชม
ผู้ช่วยเหมันตร์ยังตรวจสอบพบว่าเจินเจินไม่ใช่ชวนชม ไม่แน่ว่าคนอื่นก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน ดังนั้นเขาทำได้เพียงช่วย มายมิ้นท์และทามทอยปกปิดสถานะของเจินเจินให้เข้มงวดขึ้น อย่างน้อยไม่ให้คนสามารถตรวจสอบได้อย่างง่าย
ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ทราบจุดประสงค์ที่ชัดเจนของเปปเปอร์ พยักหน้า ไม่ได้เห็นต่าง รีบทำตามคำสั่งทันที
หลายวันต่อมา ในอินเทอร์เน็ตมีข่าวของมายมิ้นท์กับส้มเปรี้ยว และค่อยๆจางหายไป มีเพียงสื่อจำนวนน้อยมากที่ยังคงรายงานข่าวอยู่
เพราะถึงยังไงทั้งสองก็ไม่ใช่ดารา คงไม่มีการพาดหัวข้อข่าวนานนัก
วันนี้มายมิ้นท์กับราเม็งกำลังพูดคุยเรื่องที่จะไปชมการเดินแบบที่เมืองน้ำรุ้ง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตำรวจทางด้านนั้นเป็นคนโทรมา
มายมิ้นท์รับสายโทรศัพท์“สวัสดีค่ะ”
“คุณมายมิ้นท์ วันขึ้นศาลของคุณส้มเปรี้ยวประกาศออกมาแล้วครับ เป็นวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองโมงครับ ในฐานะที่ท่านเป็นฝ่ายโจทก์ คุณจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมด้วย ”ตำรวจพูดขึ้น
มายมิ้นท์พยักหน้าอย่างตั้งใจ“ได้ค่ะ ฉันไปตรงเวลาอย่างแน่นอน”
เมื่อการพูดคุยสิ้นสุดลง เธอก็วางสายโทรศัพท์ลง
ราเม็งมองไปที่เธอ“พี่ มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“วันขึ้นศาลของส้มเปรี้ยวออกมาแล้ว พรุ่งนี้ตอนบ่ายสองโมง”มายมิ้นท์โยนโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะพลางพูดขึ้น
ดวงตาของราเม็งเผยเงาแห่งความมืดออกมา ยิ้มหน้าบานพลางพูดขึ้นว่า“ถ้างั้นก็ดีเลย พรุ่งนี้ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
“ได้ค่ะ”มายมิ้นท์อึมครู่หนึ่งพลางรับปาก
“มายมิ้นท์”เลขาซินดี้เคาะประตูเข้ามา
มายมิ้นท์กับราเม็งมองไปที่หล่อนพร้อมกัน
“มีเรื่องอะไร?”มายมิ้นท์ถามขึ้น
เลขาซินดี้ยืนอยู่หน้าประตู ไม่ได้เข้ามา “โรงพยาบาลต่างประเทศที่ท่านให้ฉันนัดหมาย ตอนนี้นัดหมายไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ทางฝั่งของโรงพยาบาลถามว่าคุณจะไปเมื่อไหร่เหรอคะ?”
“พี่ โรงพยาบาลอะไรเหรอครับ?พี่ป่วยเหรอ?”สีหน้าของราเม็งเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบมองมาที่มายมิ้นท์
มายมิ้นท์ยิ้ม“ไม่ต้องตื่นตระหนก ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันให้ซินดี้นัดโรงพยาบาลสูตินรีเวช”
ขณะที่พูด เธอก็มองไปที่เลขาซินดี้อีกครั้ง“ฉันทราบแล้ว ฉันแพลนที่จะไปเย็นวันเสาร์ของสัปดาห์นี้”
วันนี้เพิ่งจะวันพุธ วันศุกร์ไปดูราเม็งเดินแบบที่เมืองน้ำรุ้ง วันเสาร์ไปผ่าตัดที่ต่างประเทศ วันอาทิตย์กลับมา ตารางเวลาจัดได้พอเหมาะพอดี
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างงั้นฉันจะได้ตอบกลับรับคำค่ะ”เลขาซินดี้พยักหน้าเล็กน้อย พลางปิดประตูห้องทำงานแล้วจากไป
ราเม็งก้มหน้ามองไปยังท้องของมายมิ้นท์“พี่ คุณจะไปตรวจครรภ์ที่ต่างประเทศเหรอครับ หรือว่า……”
“ฉันจะไปทำแท้งเด็กคนนี้ที่ต่างประเทศ”มายมิ้นท์ลูบที่ท้อง พลางตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“เนื่องจากเรื่องก่อนหน้านี้ที่ส้มเปรี้ยวให้การันต์ทำ ดังนั้นตอนนี้ฉันไม่กล้าผ่าตัดโรงพยาบาลในประเทศ ที่จริงก็ได้วีซ่ามาระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นเพราะงานยุ่งก็เลยยังไม่ได้ไป ตอนนี้เด็กในท้องก็สามเดือนแล้ว ไม่สามารถชักช้าต่อไปได้ หากยังยื้อเวลาไปอีก ก็คงจะเอาเด็กออกลำบาก”
แน่นอน นี่ก็เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น
อีกสาเหตุหนึ่งเธอกลัวว่าหากยังชักช้าอยู่นาน ความรักของแม่ปะทุ คงทำใจไม่ได้ที่จะเอาเด็กคนนี้ออก
เมื่อได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์ สายตาของราเม็งก็หดลงครู่หนึ่ง แววตาเผยความเสียใจออกมาเล็กน้อย แต่ว่าไม่นานก็จางหายไปลดเปลือกตาลงยังคงรักษาความอ่อนโยนและรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง ”
“ไม่ต้องหรอก ก่อนหน้านี้คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่า หลังจากที่เดินแบบที่เมืองน้ำรุ้งเสร็จวันรุ่งขึ้นจะต้องไปอัดรายการวาไรตี้ ซึ่งเป็นวันเสาร์พอดี คุณจะมีเวลาไปกับฉันเหรอ ตั้งใจทำงานเถอะ ลาเต้จะเป็นคนไปเป็นเพื่อนฉันเอง”มายมิ้นท์ตบที่ไหล่ของเขา
ราเม็งแกล้งถอนหายใจด้วยความผิดหวัง “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
มายมิ้นท์เห็นท่าทางของเขาที่ราวกับเด็กน้อยไม่ได้ลูกอม ยิ้มจนต้องเปิดลิ้นชักออกมา ชงชามิ้นท์ให้กับเขาหนึ่งแก้ว “ไม่ต้องเสียใจหรอก ดื่มชาแก้วนี้ก่อน เป็นชาที่คุณชอบที่สุด”
เมื่อมองชามิ้นท์ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆแก้วนั้นอยู่เบื้องหน้า ดวงตาของราเม็งขรึมลงเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “ขอบคุณพี่สาว คุณยังคงรู้ใจผมเช่นเคย”
เขาจิบชาหนึ่งอึก ท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า เขานั้นไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย เขาเกลียดการดื่มชามิ้นท์ที่สุด
คนที่ชอบดื่มชามิ้นท์ที่สุดแท้จริงแล้วคือเปปเปอร์ ไม่ใช่เขา!
แต่ว่าคำพูดพวกนี้เขาไม่สามารถพูดได้ เขาไม่กล้าที่จะคิดเลยว่าอีกพี่สาวรู้ว่าเขาพยายามเลียนแบบเปปเปอร์ เธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับยังไง และจะมองเขายังไง
เมื่อคิดว่าพี่สาวจะต้องใช้สายตาประหลาดมองเขา เขาต้องเป็นบ้าแน่ๆ!
เมื่อดื่มชามิ้นท์ในแก้วจนหมด ราเม็งก็ขอตัวกลับ
เดิมทีมายมิ้นท์ต้องการที่จะไปส่งเขา แต่กลับถูกเขาปฏิเสธ
เมื่อเดินออกจากห้องทำงาน หลังจากที่ราเม็งปิดประตู รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆจางหายไป แต่สีหน้าเย็นชากลับเข้ามาแทนที่
เมื่อเขาเดินไปที่หน้าลิฟต์ หลังจากกดปุ่มเพื่อลงไปด้านล่าง ก็ก้มลงที่บอนไซกระถางหนึ่งด้านหน้าลิฟต์ จากนั้นเขาก็อ้าปาก พลางใช้นิ้วล้วงเข้าไปในปาก กระทั่งถึงลำคออย่างไร้อารมณ์ และอาเจียนชามิ้นท์ที่ดื่มเมื่อสักครู่นี้ออกมาจนหมด
หลังจากอาเจียนออกมาจนหมดแล้ว เขาก็หายใจออกเล็กน้อย ยืนตรงพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า ขณะที่กำลังจะเช็ดปาก ด้านหลังก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่นว่า “คุณเพิ่งออกมาจากห้องทำงานของมายมิ้นท์ พอออกมาก็อาเจียนเครื่องดื่มที่ดื่มเมื่อสักครู่นี้ออกมาจนหมด คุณว่าหากมายมิ้นท์รู้เข้าจะเป็นยังไง?”
สีหน้าของราเม็งเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาทันที มองไปยังผู้หญิงที่พูดจาราวกับงูพิษ
แววตาของเขาทำให้หญิงสาวนั้นตกใจ หลังจากที่สงบสติครู่หนึ่ง ผิวปากและหัวเราะพลางพูดขึ้น“อุ๊ย แววตาน่ากลัวมากจริงๆ นี่คงเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณใช่ไหม”
“ถ้าคุณกล้าบอกเรื่องที่คุณเห็นเมื่อสักครู่นี้กับพี่สาว ผมจะหักคอคุณแน่”ราเม็งกำผ้าเช็ดหน้าแน่น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ชาหวานบิดเกลียวผมให้เล่นอย่างสนุกสนานพลางพูดขึ้นว่า:“คุณนี่เก่งจริงๆ”
“……”มุมปากของราเม็งกระตุกครู่หนึ่ง
กลัว?
เขาไม่เห็นความกลัวของผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย
ก็ใช่ ผู้หญิงคนนี้เคยฆ่าคน จะกลัวคำข่มขู่ของเขาได้ยังไง
ในใจของราเม็งรู้สึกอึดอัด ไม่อยากที่จะแยแสหล่อน หันลำตัวกลับเพื่อขึ้นลิฟต์
“เดี๋ยวก่อน”ชาหวานรีบคว้าแขนของเขา“ฉันไม่บอกมายมิ้นท์ก็ได้ แต่ว่าคุณจะต้องให้เส้นผมฉันสองสามเส้น”
“เป็นไปไม่ได้!”ราเม็งหรี่ตาลง ปฏิเสธในทันที
ชาหวานยิ้ม “ถ้างั้นฉันก็จะบอกมายมิ้นท์”
“แล้วแต่คุณ”ราเม็งมองหล่อนอย่างประชดประชัน“แม้คุณจะไปฟ้อง ผมก็บอกพี่สาวได้เหมือนกันว่าผมไม่สบายก็เลยอาเจียน คุณคิดว่าพี่สาวจะเชื่อคุณหรือเชื่อผม”
“นี่……”ชาหวานสำลัก
แน่นอนว่าต้องเชื่อเขาสิ
เพราะถึงยังไงเขาก็รู้จักกับมายมิ้นท์มานานแล้ว
“ช่างเถอะ ถือซะว่าฉันคิดแผนผิด แต่ว่าไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องเอาเส้นผมของคุณมาให้ได้”ชาหวานก็ไม่ได้หยอกล้ออีกต่อไป แต่กลับดูจริงจังขึ้น “คุณปฏิเสธฉันสองครั้งแล้ว โดยปกติแล้ว แม้ว่าจะไม่เชื่อว่าพ่อของตนมีคนอื่น ก็จะต้องอยากที่จะหาหลักฐานเพื่อยืนยันอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่คุณกลับปฏิเสธเช่นนี้ ดังนั้นฉันก็คงจะต้องคิดว่า คุณกำลังหลบหนีอยู่”
“อ่อ ?ผมหนีอะไรอยู่เหรอ?”ราเม็งกำหมัดแน่น
ชาหวานมองดูท่าทีของเขา ริมฝีปากเกี่ยวกัน“คุณกำลังหลบหนีที่จะยอมรับความเป็นพ่อ เพราะว่าคุณรู้ดีว่าคุณไม่ใช่ลูกแท้ๆของตุลธรแต่เป็นลูกของฐาวิทย์ฉันพูดถูกไหม?”