รูม่านตาของราเม็ง หดลงอย่างกะทันหัน “คุณ……”
“ดูเหมือนว่าฉันจะพูดถูกใช่ไหม คุณคือคุณชายน้อยจริงๆ”ชาหวานยิ้มออกมา
ราเม็งแสดงออกอย่างน่ากลัว ไร้ซึ่งร่องรอยของความอ่อนโยน“คุณกำลังโกหกผม?”
“ก็ไม่ทั้งหมด”ชาหวานกระดิกนิ้ว“ฉันสงสัยมาโดยตลอดว่าคุณเป็นลูกชายของคุณท่าน อีกทั้งคุณเองก็รู้ เพียงแต่ว่าฉันไม่มีหลักฐาน ดังนั้นจึงแกล้งพูดเรื่องพวกนี้ อยากที่จะเห็นปฏิกิริยาตอบกลับของคุณ คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะเดาได้ถูก อีกทั้งเมื่อสักครู่นี้พอฉันพูดถึงชื่อของคุณท่าน แววตาบอกฉันถึงความเกลียดชังของคุณ คุณยังคงมีความทรงจำตอนออกมาจากตระกูลอัคคเดชโภคินใช่ไหม?”
ไม่งั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าตนเป็นลูกชายของคุณท่าน อีกทั้งยังต่อต้านหล่อนด้วย!
มีเพียงคำตอบเดียว นั้นก็คือเขาจำเรื่องสมัยเด็กได้ และไม่อยากที่จะกลับไป
ราเม็งเม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไรออกมา
ชาหวานถอนหายใจ“คุณไม่พูดก็ถือว่าคุณยอมรับ แต่ว่าฉันก็ยังต้องการเส้นผมของคุณ เพื่อการทดสอบความเป็นพ่อลูก แล้วส่งกลับไปยังเมืองปักษา”
แม้ว่าจะมั่นใจแล้วว่าผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ก็คือคุณชายน้อย
แต่เพื่อความปลอดภัย ก็ยังคงต้องการทำการพิสูจน์
ขณะที่คิด มือของชาหวานก็ยื่นไปที่ศีรษะของราเม็ง
ราเม็งเผยแววตาที่ไร้ความปรานีออกมา จู่ๆก็จู่โจมอย่างกะทันหัน
แววตาของชาหวานเปลี่ยนไป รีบการป้องกันตัว
ทั้งสองต่อสู้กันที่ระเบียง
แม้ว่าราเม็งจะเป็นผู้ชาย รูปร่างสูงใหญ่ อีกทั้งเคยเรียนมวยจีนและเทควันโด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชาหวาน กลับไม่มีโอกาสที่จะชนะเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าชาหวานได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก เรียนรู้วิธีฆ่าคน สองสามกระบวนท่าก็สามารถสยบราเม็งได้แล้ว หล่อนพลิกหลังมือของราเม็งกดติดกำแพง
เห็นสีหน้าของราเม็งไม่ยอมจำนน อีกทั้งยังท่าทางยังดูโกรธแค้น ชาหวานลูบที่ใบหน้าของเขา “น้องชาย ตอนที่พี่สาวไล่ฆ่าคน คุณยังเรียนอยู่เลย ดังนั้นคุณจะสู้ชนะพี่สาวอย่างฉันได้ยังไง ตอนนี้พี่สาวต้องการใช้เส้นผมของคุณ”
เมื่อพูดจบ หล่อนเอามือออกจากใบหน้าของราเม็ง จากนั้นดึงเส้นผมบนศีรษะของเขาสองสามเส้น
ราเม็งฮึหนึ่งทีด้วยความเจ็บปวด พลางจ้องมองเขม็งชาหวาน
ชาหวานปล่อยเขาอย่างไร้ซึ่งความกลัว “โอเค ตอนนี้ในที่สุดเส้นผมก็อยู่ในมือของฉันแล้ว”
“ผมไม่ปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน”ราเม็งกำหมัดแน่น เสียงนั้นพูดอย่างเย็นชาและไม่ลดละ
ชาหวานยิ้ม“ดีเลย ฉันจะรอ ขอเพียงคุณกลับไปยังตระกูลอัคคเดชโภคิน แล้วใช้สถานะของคุณชายน้อยแก้แค้นฉัน ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ต่อต้าน เป็นยังไงล่ะ?”
“ผมไม่ใช้สถานะของธิติผมก็ยังคงสามารถต่อกรกับคุณได้”ราเม็งจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงพลางพูดขึ้น
ไม่สามารถเอาชนะหล่อนในด้านการต่อสู้ได้
แต่ในด้านสมองแล้ว เขาไม่เชื่อว่าเขาจะเอาชนะหล่อนไม่ได้
สีหน้าของชาหวานเคร่งขรึมขึ้น“พอได้แล้ว ฉันไม่ทะเลาะกับคุณแล้ว ฉันขอบอกคุณตอนนี้นะว่าคุณควรที่จะกลับตระกูลอัคคเดชโภคิน เมื่อวานพ่อของฉันบอกฉันว่า คนของคุณชายสี่มาถึงเมืองเดอะซีแล้ว แสดงให้เห็นชัดว่าคุณชายสี่มั่นใจแล้วว่าคุณอยู่ที่เมืองเดอะซี ไม่นานก็น่าจะหาคุณพบ เมื่อถึงเวลานั้น คุณและคนรอบข้างจะได้รับผลกระทบ”
เมื่อพูดถึงจุดจุดนี้ หล่อนมองไปยังราเม็ง“คุณจำเรื่องสมัยเด็กได้ คุณก็น่าจะรู้ว่าคุณชายสี่เป็นคนยังไง เพื่อที่จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลอัคคเดชโภคิน เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง สิ่งแรกที่เขาต้องการทำก็คือกำจัดทายาทดั้งเดิมอย่างคุณ หากเขาไม่สามารถต่อกรกับคุณได้ เขาก็จะลงมือกับคนที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด ให้คุณต้องทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิต คนที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือมายมิ้นท์ คุณจะยอมให้มายมิ้นท์ตกเป็นเป้าของชายสี่งั้นเหรอ?”
สีหน้าของราเม็งมืดมนและเปลี่ยนไป
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการ
เขาจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายพี่สาวเด็ดขาด!
ราวกับว่ารู้ความคิดของราเม็ง ชาหวานยิ้มอย่างพึงพอใจ“ฉันรู้ว่าคุณเกลียดคุณท่านแต่เพื่อมายมิ้นท์ และเพื่อแม่ของคุณ คุณจำเป็นต้องกลับไป อย่าลืมนะว่า แม่ของคุณต่างหากที่เป็นภรรยาของคุณท่าน คุณต่างหากที่เป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายของ ตระกูลอัคคเดชโภคิน แล้วทำไมจะต้องยอมปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลอัคคเดชโภคินตกเป็นของพวกลูกนอกสมรสด้วย คุณลองคิดให้ดีแล้วกัน”
เธอหยิบเอกสารที่พื้นแล้วตบเบา ๆ แล้วเดินไปยังห้องทำงานของประธาน
ก่อนหน้าหล่อนก็อยู่ชั้นนี้มาโดยตลอด แต่ว่าอยู่ในห้องทำงานของซินดี้ และคุยธุระเรื่องงานกับซินดี้ หลังจากที่คุยเสร็จก็เตรียมที่จะไปพบมายมิ้นท์เพื่อให้เธอเซ็นชื่อ
คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากออกมาจากห้องทำงานของมายมิ้นท์ จะเห็นราเม็งอยู่ที่นี่ และเสียเวลาพูดคุยกับราเม็งมาเป็นเวลานานแล้ว มายมิ้นท์ก็น่าจะร้อนใจแล้ว
ราเม็งมองไปยังเงาหลังของชาหวาน สองมือกำหมัดแน่น ในหัวเต็มไปด้วยคำพูดประโยคของเธอที่ว่า‘เพื่อมายมิ้นท์ เพื่อแม่’
เขาควรที่จะกลับสู่ตระกูลอัคคเดชโภคินจริงๆเหรอ?
เช้าวันรุ่งขึ้น มายมิ้นท์มาถึงยังบริษัทตระกูลนวบดินทร์
ช่วงเช้า เธอได้รับแจ้งว่าให้มาประชุมที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์ เป็นการประชุมเกี่ยวกับการทดลองใช้พลังงานใหม่
ตอนนี้เทคโนโลยีพลังงานใหม่ค่อนข้างที่จะสุกงอมแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการทดลองใช้ขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น
หากได้ทำการทดลองใช้แล้ว พลังงานใหม่ก็จะสามารถนำไปใช้อย่างเป็นทางการในโรงงานใหญ่ๆได้ ดังนั้นการประชุมในครั้งนี้สำคัญมาก ทุกคนห้ามขาดการประชุมอย่างเด็ดขาด
มายมิ้นท์จอดรถเรียบร้อย แล้วเดินไปยังลิฟต์ของลานจอดรถ
โชคดีมาก ลิฟต์อยู่ชั้นใต้ดินพอดี หลังจากที่มายมิ้นท์กดลิฟต์แล้ว ประตูก็เปิดออกทันที
เธอเดินเข้าไป ขณะที่กำลังจะปิดประตู ด้านนอกก็มีเสียงรีบร้อนดังเข้ามา“รอด้วยครับ”
มายมิ้นท์ขวางประตูเพื่อไม่ใช้ประตูปิดอย่างอัตโนมัติ
ประตูลิฟต์เปิดขึ้นมาอีกครั้ง
วินาทีต่อมา ผู้ช่วยเหมันตร์เดินเข้ามาจากข้างนอก ยิ้มให้กับมายมิ้นท์ครู่หนึ่ง“ขอบคุณครับคุณมายมิ้นท์”
เมื่อมายมิ้นท์เห็นว่าเป็นเขา ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ว่าไม่นาน เธอก็กลับสู่ภาวะปกติ
การที่เห็นผู้ช่วยของเปปเปอร์อยู่ที่นี่นั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะถึงยังไงที่นี่ก็คืออาณาบริเวณของเปปเปอร์
“ไม่ต้องเกรงใจ”มายมิ้นท์พยักหน้าพลางรับคำ
ผู้ช่วยเหมันตร์กดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ พลางมองออกไปนอกประตูราวกับว่ากำลังรอใครอยู่
ริมฝีปากแดงของมายมิ้นท์เม้มเล็กน้อย
เธอพอจะเดาออกว่าเขารอใคร
บริษัทตระกูลนวบดินทร์บริษัทยักษ์ใหญ่ คนที่สามารถทำให้เขารอได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือเจ้านายของเขาโดยตรง เปปเปอร์
ที่แท้ก็เป็นอย่างที่คิด ไม่กี่วินาทีต่อมา เปปเปอร์ก็ปรากฏตัว
เขายืนอยู่ด้านนอกลิฟต์ เมื่อเห็นมายมิ้นท์ แววตาก็เป็นประกายครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวเข้ามา“อรุณสวัสดิ์!”
มายมิ้นท์เขยิบเข้ามาด้านข้างหนึ่งก้าว เพื่อเว้นระยะห่างจากเขา “อรุณสวัสดิ์”
เปปเปอร์เห็นท่าทีของเธอที่หลบเขาอย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว“คุณไม่รู้สึกว่ามันช่างประจวบเหมาะเหรอ?”
“อะไรนะ?”มายมิ้นท์มองเขาอย่างสงสัย
เปปเปอร์มองไปยังประตูลิฟต์“ขอเพียงเป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานใหม่ พวกเรามักที่จะพบเจอกันที่หน้าลิฟต์”
ดวงตาของมายมิ้นท์เบิกกว้าง
ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ!
มีเพียงผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ตรงมุมเท่านั้นที่อดไม่ได้ที่จะกลอกตา
ประจวบเหมาะบ้าอะไรกัน!
สองครั้งก่อนหน้านั้นถือว่าประจวบเหมาะจริง แต่ว่าครั้งนี้ประธานเปปเปอร์จงใจชัดๆ เมื่อรู้ว่าคุณมายมิ้นท์จะมาประชุมที่นี่ ก็ตั้งใจนั่งรออยู่ที่รถ กระทั่งคุณมายมิ้นท์มาถึง ก็แกล้งทำเป็นเจอกันที่ลิฟต์
เหอะ เหอะ เป็นอุบายทั้งนั้น!
“วันนี้เป็นวันเปิดศาลพิจารณาคดีของส้มเปรี้ยวใช่ไหม?”เปปเปอร์หันศีรษะมองมายมิ้นท์ จู่ๆก็ถามขึ้น
มายมิ้นท์อึมหนึ่งทีพลางพยักหน้า“ใช่ค่ะ”
สำหรับเรื่องที่ทำไมเปปเปอร์ถึงทราบนั้น เธอไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าได้มีการเปิดเผยวันเปิดศาลพิจารณาคดีในอินเทอร์เน็ต
“ยินดีกับคุณด้วยนะครับ ในที่สุดก็สามารถทำให้หล่อนเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้”เปปเปอร์ล้วงกระเป๋ากางเกงพลางพูดขึ้น
มายมิ้นท์เหลือบมองเขา“หากก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นเพราะคุณปกป้องหล่อน หล่อนก็คงถูกฉันนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายตั้งนานแล้ว”
เปปเปอร์ตะลึงงัน จากนั้นก้มหน้าพลางพูดขึ้นว่า“ขอโทษครับ”
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าเขาก็เป็นคนทำจริงๆ
“ช่างเถอะถือว่าผ่านมาแล้ว คุณก็ช่วยเหลือฉันไม่มากมาย ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะคิดเล็กคิดน้อยเรื่องอดีตที่ผ่านมากับคุณ ดังนั้นคุณไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ”
เมื่อพูดจบ เสียงลิฟต์ดังดิ๊งด่อง ประตูพลางเปิดออก ถึงบนตึกแล้ว
มายมิ้นท์ยืนไม่ขยับเขยื้อน ให้เปปเปอร์ออกไปก่อน
เพราะถึงยังไงเปปเปอร์ก็เป็นเจ้าของ
เปปเปอร์ก็เข้าใจความหมายของเธอ เดินออกมาก่อน เมื่อมายมิ้นท์เห็นเช่นนั้นจึงได้ก้าวเท้าออกไป
หลังจากออกมา เธอกลับพบว่าเปปเปอร์ไม่ได้เดินออกไปไหน แต่กลับยืนอยู่ข้างๆรอเธอ
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คุณต้องเชื่อผมนะครับว่า ก่อนหน้าที่ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กับส้มเปรี้ยว ไม่ใช่ความต้องการของผม”เปปเปอร์มองไปยังมายมิ้นท์ ด้วยแววตาที่ซับซ้อน