บทที่ 314 คนทั้งสองต่างกระอักกระอ่วนใจ

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์ตะลึงงันกับคำพูดของเขา ไม่นานเธอก็ได้สติกลับมา และอยากที่จะหัวเราะ

ไม่ใช่ความต้องการของตนเอง?

หรือว่ามีคนที่สามารถควบคุมเขาได้งั้นเหรอ?

มายมิ้นท์ไม่ได้มองว่าคำพูดของเปปเปอร์เป็นความจริง เห็นเพียงเขาต้องการทำตนเองให้ขาวสะอาดจึงได้จงใจพูดขึ้นเช่นนั้น พลางชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือ เพื่อเปลี่ยนเรื่องพูด “ประธานเปปเปอร์ จวนจะถึงเวลาประชุมแล้วค่ะ”

เมื่อเปปเปอร์เห็นเธอเป็นเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเธอไม่ยอมเชื่อเขา จึงถอนหายใจเล็กน้อยพลางพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ”

ทั้งสองเดินตรงไปที่ห้องประชุมพร้อมกัน และไม่มีคำพูดใดออกมา

ผู้ช่วยเหมันตร์เดินตามมาข้างหลัง มองเงาหลังของทั้งสองพลางส่ายศีรษะอย่างจนปัญหา

สองคนนี้มาจนถึงจุดนี้ ส้มเปรี้ยวมีส่วนช่วยไม่น้อยจริงๆ!

การประชุมเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

เปปเปอร์นั่งอยู่หัวโต๊ะพูดถึงข้อเสียของการใช้พลังงานใหม่ ฟังดูแล้วตั้งใจเป็นอย่างมาก

ในช่วงเวลานี้ มายมิ้นท์กำลังศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพลังงานใหม่ บางครั้งยังไปหาความรู้เพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยด้วย

ดังนั้นเมื่อฟังเนื้อหาการประชุมในครั้งนี้ ก็ไม่เหมือนการประชุมในครั้งที่แล้วที่เธอไม่ค่อยเข้าใจแล้ว

หลังจากสองชั่วโมงต่อมา การประชุมก็จบลง

เปปเปอร์ลุกขึ้น“มายมิ้นท์อยู่ก่อน ส่วนคนอื่นออกไปได้”

เมื่อมายมิ้นท์ที่กำลังเตรียมเก็บของแล้วเดินจากไปได้ยินประโยคนี้ ก็หยุดชะงักลง รีบเงยหน้ามองไปยังเปปเปอร์ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงให้เธออยู่ก่อน

ส่วนคนอื่นๆก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม แค่มองทั้งสองด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ จากนั้นก็ออกจากห้องประชุม

และในช่วงเวลาที่ประตูของห้องประชุมปิดลง มายมิ้นท์ก็ได้ยินคนพูดว่า:“คุณว่าประธานเปปเปอร์ให้มายมิ้นท์อยู่ต่อทำไมกัน?คงไม่ใช่เรื่องชู้สาวหรอกนะ?”

มุมปากของมายมิ้นท์กระตุก

คนพวกนี้ชอบสร้างภาพต่อในสมองด้วยการมโนเสียจริง

เรื่องชู้สาว?

พวกเขาคิดกันออกมาได้!

มายมิ้นท์คลึงขมับ มองไปยังเปปเปอร์ที่กำลังเดินเข้ามาหาตน“ประธานเปปเปอร์ คุณให้ฉันรออยู่ก่อน มีธุระอะไรเหรอคะ?”

“ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไรครับ”เปปเปอร์หยุดที่ด้านหน้าของเธอ สายตาหยุดอยู่ที่สมุดโน้ตของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ“ฟังเข้าใจหมดแล้วใช่ไหมครับ?”

มายมิ้นท์มองตามสายตาของเขา เข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร ดึงมือออกมาจากสมุดโน้ต“รู้แค่งูงูปลาปลาค่ะ ยังมีข้อมูลบางส่วนที่ต้องกลับไปแปล”

มิฉะนั้นการเยี่ยมชมโรงงานครั้งต่อไป เธอจะไม่เข้าใจการทำงานของพลังงานใหม่เป็นแน่!

เมื่อถึงเวลานั้นพวกประธานทั้งหลายก็คงหัวเราะเยาะเธอ

“ไม่เข้าใจตรงไหน เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟัง!”เปปเปอร์เอ่ยปากถามขึ้น

“อ่า?”มายมิ้นท์กะพริบตาอย่างแปลกใจ

เปปเปอร์เผยรอยยิ้มจางๆออกมา “อ่า ทำไมกัน นั่งลงสิ”

ในเวลานี้มายมิ้นท์เข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว ที่แท้เขาให้เธออยู่ต่อ ก็เพื่อต้องการที่จะอธิบายส่วนที่เธอไม่เข้าใจให้เธอฟัง

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากแน่น“คงไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันกลับไป……”

“พรุ่งนี้มีการตรวจเยี่ยมโรงงานแล้ว คุณแน่ใจเหรอว่าจะกลับไปแปลข้อมูลทัน?อีกทั้งข้อมูลจำนวนมากก็เป็นข้อมูลเก่า ยังไม่อัปเดต ไม่สอดคล้องกันกับพลังงานใหม่ที่ห้องปฏิบัติการของผมพัฒนาขึ้นมา คุณดูข้อมูลไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร!”เปปเปอร์มองดูเธอพลางพูดขึ้น

มายมิ้นท์อ้าปากพูดไม่ออก

ใช่ พลังงานใหม่ยังไม่สุกงอม อัปเดตใหม่ทุกวัน อีกทั้งข้อมูลก็ตามการพัฒนาของพลังงานใหม่ไม่ทัน ดังนั้นข้อมูลในมือของเธอ แน่นอนว่าแตกต่างจากข้อมูลพลังงานใหม่ในตอนนี้ ดังนั้นอาศัยเพียงให้เธอกลับไปอ่านข้อมูล คงไม่สำเร็จแน่

ดูเหมือนว่าเธอคงต้องรบกวนเขาแล้ว

“ฉันทราบแล้ว ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนประธานเปปเปอร์ด้วยนะคะ!”มายมิ้นท์โค้งคำนับเปปเปอร์

ขณะที่เปปเปอร์ต้องการเรียกเธอ สายตาก็เหลือบไปเห็นคอเสื้อที่เผยผิวขาวผุดผ่องออกมา ดวงตาของเขาหดลงทันที

วินาทีต่อมา ลำคอของเขาขยับเล็กน้อย สายตาเคลื่อนไปทางอื่น น้ำเสียงกดลงต่ำเล็กน้อยพลางตอบกลับว่า:“ไม่มีอะไรครับ ก็เพื่อความร่วมมือ คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ อีกอย่างต่อไปอย่าใส่เสื้อผ้าแบบนี้แล้วโค้งคำนับให้กับคนอื่นอีก โดยเฉพาะผู้ชาย”

“ฮืม?”มายมิ้นท์ยืนตัวตรงด้วยความสงสัยก่อน จากนั้นก้มหน้ามองยังเสื้อผ้าของตน

เมื่อมองดูแล้ว เธอก็เข้าใจอะไรบางอย่างทันที

เพื่อให้เข้ากับเสื้อกันลม เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์คอวีหลวมเล็กน้อยอยู่ข้างใน

สเวตเตอร์ตัวนี้สวยมาก แต่พอก้มลงมา คอเสื้อจะหลุดลงไปข้างล่าง จากนั้นคนที่สูงกว่าเธอ ขอเพียงแค่ก้มหน้าลงมา ก็จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพภายในคอเสื้อของเธอได้

เมื่อคิดถึงเมื่อสักครู่นี้ที่เปปเปอร์มองเห็น มายมิ้นท์ก็รีบปกปิดคอเสื้ออย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงก่ำ แดงกระทั่งใบหู

ในใจของเธอก็มีความโมโหอยู่เล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าตนไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปกล่าวโทษเปปเปอร์

เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นคนใส่เสื้อผ้าตัวนี้และโค้งคำนับให้กับเขาเอง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะมอง

อีกทั้งเขายังเตือนเธอว่าหากใส่เสื้อผ้าเช่นนี้อย่าได้โค้งคำนับให้กับใครอีก ไม่งั้นแม้เขาจะไม่เห็น ก็คนอื่นก็อาจจะเห็นได้

ไม่แน่คนอื่นอาจจะลามกอนาจารมากกว่านั้นก็เป็นได้

สักพักทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ

ผ่านไปไม่นาน เปปเปอร์เม้มริมฝีปากพลางกระแอมสองที“เริ่มกันเถอะ จะได้เสร็จเร็วขึ้น คุณยังต้องไปศาลอีกไม่ใช่เหรอ?”

เขาจงใจคลายความกระอักกระอ่วนใจลง แน่นอนว่ามายมิ้นท์ก็คงต้องหาทางลงโดยคล้อยตามเขาเช่นเดียวกันพลางพยักหน้าอึม หนึ่งที“ได้ค่ะ”

เธอติดกระดุมเสื้อกันลมและนั่งลง พลางเปิดสมุดโน้ตที่อยู่ตรงหน้าออก

เปปเปอร์ดึงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเข้ามาพลางนั่งลง มือข้างหนึ่งวางบนหลังเก้าอี้ข้างหลังเธอ

ทั้งสองนั่งใกล้กันมาก มองจากด้านหน้า ดูเหมือนเปปเปอร์กำลังโอบไหล่มายมิ้นท์อยู่

มายมิ้นท์ไม่ได้สังเกตเห็นอาการคิดไม่ซื่อของชายคนนี้ สมาธิของเธอทั้งหมดอยู่ที่สมุดโน้ต จะมีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องอื่นได้ยังไง

อีกทั้งเปปเปอร์ก็โชคดีมากที่เธอไม่ได้สังเกตเห็น ไม่เช่นนั้น เขาไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้เลย

ขณะที่คิด เปปเปอร์ก็หดสายตาลง เพื่อปกปิดแววตาที่ดำมืด

จู่ๆโทรศัพท์ของมายมิ้นท์ก็ดังขึ้น ขัดจังหว่ะการอธิบายของเปปเปอร์

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว ในใจไม่พอใจเล็กน้อย

ใครกันที่ไม่มีตา โทรมาเวลานี้?

สายตาของเปปเปอร์กวาดมอง เห็นหน้าจอโทรศัพท์ของมายมิ้นท์มีตัวอักษรสองคำคือ ลาเต้ ปรากฏขึ้น กำลังเคลื่อนไหวไม่หยุด

มายมิ้นท์ปัดปุ่มสีเขียวเพื่อกดรับสาย พลางพูดขึ้น “ลาเต้!”

“ที่รัก วันหยุดนี้คุณจะไปเมืองน้ำรุ้งเหรอครับ?”ลาเต้เอ่ยปากถาม

มายมิ้นท์พยักหน้า“ใช่ค่ะ”

แน่นอนว่าเปปเปอร์ที่นั่งอยู่ถัดจากเธอได้ยินเนื้อหาของการสนทนา คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย

เธอไปทำอะไรที่เมืองน้ำรุ้ง?

คำถามนี้ลาเต้ถามขึ้นมาพอดี

มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ปิดบัง เอ่ยปากพลางตอบกลับว่า:“เป็นงานเดินแบบของราเม็ง เขาเชิญเธอไปชมการแสดง แต่ว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังจะไปเมืองน้ำรุ้ง?ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้บอกคุณนะคะ”

“ซินดี้เป็นคนบอกผมเอง ผมไปเอาเอกสารที่เทนเดอร์กรุ๊ป พอดีได้เจอซินดี้ที่กำลังจองโรงแรมที่เมืองน้ำรุ้งให้กับคุณ”ลาเต้พูดขึ้นอธิบาย

จู่ๆมายมิ้นท์ก็ยกคางขึ้น “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”

“ที่รัก วันหยุดสุดสัปดาห์นี้คุณจะไปเมื่อไหร่?”ลาเต้ถามขึ้นอีกครั้ง

“วันศุกร์ค่ะ”

วันศุกร์……

ดวงตาของเปปเปอร์เป็นประกาย ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

อีกด้านหนึ่งของคู่สาย ลาเต้หรี่ตาลงเล็กน้อยพลางพูดขึ้นว่า:“งั้นก็ได้ เดี๋ยวผมจะแบ่งเวลาให้เรียบร้อย แล้วผมจะไปกับคุณเอง ผมจะต้องจับตาดูราเม็งเจ้าหนุ่มนั้นสักหน่อย หากว่าเจ้าหนุ่มนั้นแอบพาคุณหนีไปผมจะทำยังไง!”

เขาไม่ได้พูดล้อเล่น แต่พูดความจริง

เพราะว่าเจ้าหนุ่มราเม็งคนนั้น ทำได้อย่างแน่นอน

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าลาเต้กำลังคิดอะไรอยู่ ส่ายศีรษะพลางหัวเราะ“พูดอะไรกัน ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย จะลักพาตัวฉันได้ยังไง พอได้แล้ว ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันมีประชุมต่อ วางสายแล้วนะคะ”

“เดี๋ยวก่อนครับ”ลาเต้รีบเรียกเธอ

มายมิ้นท์นำโทรศัพท์แนบที่ข้างหูอีกครั้ง “ทำไมอีก?”

“เย็นนี้กินข้าวด้วยกันนะครับ วันนี้เป็นวันตัดสินคดีของส้มเปรี้ยว ควรที่จะฉลองกันหน่อย”ลาเต้ยิ้มพลางพูดขึ้น

มายมิ้นท์ก็คิดเช่นนั้น พยักหน้ารับปาก“ได้ค่ะ สถานที่คุณตัดสินใจได้เลยนะคะ เมื่อถึงเวลานั้นก็ชวนราเม็งไปด้วย”

“ได้เลย!”ลาเต้รับปากอย่างดีอกดีใจ

เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง มายมิ้นท์ก็วางสายโทรศัพท์ลงพลางมองไปยังผู้ชายที่อยู่ข้างๆ และยิ้มอย่างขอโทษ“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา”