ตอนที่ 363 ภาพเหมือน / ตอนที่ 364 ผลสรุป

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 363 ภาพเหมือน

 

 

ตอนเหยียนเค่อทำหน้านิ่งแม้กระทั่งซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังกลัว แต่เบลล์นั้นเหมือนจงใจมองไม่ออกเสียอย่างนั้น เหยียนเค่อปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ผมไม่อยากไปทานข้าวกับคุณ”

 

 

“แต่ฉันอยากทานข้าวกับคุณนี่คะ” ดวงตาของเบลล์เป็นประกาย ฉายแววหยอกล้อซุกซน ถ้าเธออายุพอๆ กับเหยียนเค่อละก็ต้องตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เป็นแน่

 

 

แต่เหยียนเค่อกลับไม่ได้รำคาญเบลล์เหมือนที่เป็นกับผู้หญิงคนอื่น แต่เขาไม่สนใจจริงๆ “ถ้าผมเกลียดคุณละก็ ตอนนี้คุณคงจะหายสาบสูญไปแล้ว”

 

 

เบลล์พยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันอยากท้าทายขีดจำกัดของคุณ”

 

 

เหยียนเค่อมาเจอผู้หญิงแบบนี้ก็รู้สึกเอือมระอา “งั้นก็ไปกันเถอะครับ”

 

 

เบลล์นึกว่าเหยียนเค่อจะแยกย้ายกับเธอเสียอีก แต่กลับยอมถอยหลังหนึ่งก้าวและไปกินข้าวกับเธอ

 

 

“ตกใจเลย” เบลล์เดินตามหลังเขาไปติดๆ หลังจากพึมพำแล้วก็หยุดก่อกวนไปไม่น้อย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกินอาหารที่รสชาติพอทนกินได้ ก่อนจะนอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียงดูเสี่ยวฝูเอ๋อร์กินข้าว

 

 

“พี่ไม่ต้องมองฉันแล้วค่ะ แบบนี้ฉันจะคิดว่าตัวเองไปทำอะไรผิดมา” เสี่ยวฝูเอ๋อร์หันจานชามไปทางอื่น ก่อนจะนั่งหันหลังให้ซย่าเสี่ยวมั่วแล้วเริ่มกินข้าวอีกครั้ง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่เบื่อเท่านั้นเอง ดึงกระดาษทิชชูออกมาแผ่นหนึ่งแล้วตั้งท่าจะวาดรูป ตั้งแต่ที่รู้ตัวตนของเหยียนเค่อแล้วเธอก็ไม่อยากวาดการ์ตูนต่อ แต่ตอนเบื่อๆ อย่างเช่นตอนนี้เธอกลับอยากจะวาดมันต่อไปเสียอย่างนั้น “บอกฉินซื่อหลานให้ที ว่าตอนกลับมาช่วยเอากระดานวาดรูปกับคอมพ์จากที่บ้านมาให้ฉันด้วย กุญแจอยู่ใต้พรม”

 

 

“พี่คะ เมื่อคืนพี่เหยียนบอกว่าพี่ลีลาเรื่องมากด้วยล่ะ” จู่ๆ เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็นึกถึงคำพูดที่เหยียนเค่อว่าเธอ

 

 

“เคยได้ยินนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะไหม ฉันไม่เชื่อหรอก” ถึงปากซย่าเสี่ยวมั่วจะบอกว่าไม่เชื่อ แต่ความจริงในใจก็แอบเชื่อ เพราะคนเลวอย่างเหยียนเค่อก็ด่าเธอต่อหน้าเสี่ยวฝูเอ๋อร์ได้จริงๆ

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ยักไหล่ “จู่ๆ ฉันก็แค่นึกขึ้นได้ พี่เหยียนพูดเยอะกว่านี้อีก แต่ฉันลืมไปแล้ว”

 

 

“คิดไม่ถึงว่าเหยียนเค่อจะมีนิสัยแบบนี้ด้วย ฉันไม่ได้ไปแย่งผู้ชายกับเขาสักหน่อย ทำไมต้องมาว่าฉันลับหลังด้วย” ซย่าเสี่ยวมั่วใช้ปากกาลูกลื่นที่วางอยู่บนหัวเตียงจิ้มลงบนกระดาษทิชชู เริ่มวาดรูปร่างของเหยียนเค่อคร่าวๆ

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์กินข้าวเสร็จก็เก็บจานอาหารไปวางไว้อีกด้าน เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นว่าบนกระดาษทิชชูมีใบหน้าคนที่มีความคล้ายคลึงถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ จึงแอบถอยออกมาจ้องมองกระดาษทิชชูในมือซย่าเสี่ยวมั่วอย่างตั้งใจ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกถึงสายตาที่ส่งมาจากทางด้านหลังก็รีบใช้มือปิดไว้ ก่อนจะกระแอม “เธอกินข้าวอิ่มหรือยัง”

 

 

“อิ่มแล้วค่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์อาศัยจังหวะที่เธอไม่ระวังตัว ยื่นมือออกไปดึงกระดาษที่อยู่ใต้มือของซย่าเสี่ยวมั่วออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ตอนดึงออกมาไม่ทันระวังจึงทำขาดไปนิดหนึ่ง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองของในมือถูกเธอแย่งไปด้วยสีหน้างุนงง มือที่อยากจะคว้าแย่งกลับคืนมาค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ

 

 

นิ้วของเสี่ยวฝูเอ๋อร์เกี่ยวเข้าที่ใบหน้าของเหยียนเค่อจนขาดโดยไม่ทันระวัง จึงกะพริบตาปริบๆ “พี่คะ ฉันทำมันขาดแล้วอะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้จะตอบอย่างไร “ทิ้งไปเถอะ”

 

 

“พี่คิดถึงพี่เหยียนอยู่เหรอคะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ใช้นิ้วจับกระดาษที่ขาดให้มาต่อกัน “คนที่ยืนอยู่บนคันนาใบหน้างดงามประดุจหยก ไม่มีใครเปรียบได้ในโลกหล้านี้ วาดสวยมากเลยค่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยื่นมือ “เอามาให้ฉัน ไม่งั้นก็เอาไปทิ้ง” เธอกังวลเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เธอเป็นคนไข้ทำให้ถึงตบตีแย่งชิงมาไม่ชนะเสี่ยวฝูเอ๋อร์แน่นอน

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ถอยหลังไปหลายก้าว ให้มั่นใจว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะเอื้อมไม่ถึงตน “ขอบคุณที่ให้นะคะพี่ ฉันขอเก็บไว้แล้วกัน” ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตนออกมาแล้วสอดเข้าไปด้านในเคสโทรศัพท์

 

 

เด็กสมัยนี้ทำไมทำตัวน่ารำคาญแบบนี้นะ จะมายุ่งวุ่นวายทำไมกันนะ! ซย่าเสี่ยวมั่วใช้ส่วนที่เป็นที่กดของปากกาลูกลื่นจิ้มลงบนขาอ่อนของตน อยากเอามันกลับคืนมาแต่ก็ไม่รู้ควรจะพูดอย่างไร “เดี๋ยวฉันวาดอันที่สวยกว่านี้ให้ เธอเอาคืนให้ฉันได้ไหม”

 

 

“ฉันว่าอันนี้ก็สวยมากแล้วนะคะ ไม่ลำบากให้พี่ต้องวาดอีกรูปหรอก” เสี่ยวฝูเอ๋อร์แกล้งโง่ ทำเอา

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโมโหจนรู้สึกท้อแท้ใจ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 364 ผลสรุป

 

 

“ฉันนึกว่าเธอจะเป็นเด็กดีซะอีก สุดท้ายเธอก็แกล้งฉันแบบนี้” ซย่าเสี่ยวมั่วเปลี่ยนไปวาด

 

 

ฉินซื่อหลานบนกระดาษทิชชูแทน ก่อนจะใช้ปากกาจิ้มเข้าไป

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย “ฉินซื่อหลานเห็นหน้าเขาถูกจิ้มเละขนาดนี้ต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ เลยค่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะเถียงกับเสี่ยวฝูเอ๋อร์ต่อ แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน

 

 

เมื่อเห็นชื่อผู้ติดต่อที่เมมไว้แล้ว เธอถึงเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เธอต้องไปทำงาน แล้ววันนี้เธอก็ยังไม่ได้ลาหยุดไว้เลยด้วย!

 

 

“ฮัลโหล” ซย่าเสี่ยวมั่วกดเสียงต่ำ เงียบเพื่อรอฟังอันหร่านอาละวาด

 

 

นึกไม่ถึงว่าอันหร่านจะสงบนิ่งกว่าที่คิด แต่เสียงกดลงต่ำยิ่งกว่าเธอเสียอีก [เธอจะมาทำงานเมื่อไร]

 

 

“ฉันบาดเจ็บน่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” ซย่าเสี่ยวมั่วเรียกคะแนนความสงสาร น้ำเสียงโศกเศร้าจนทำให้คนฟังแล้วรู้สึกไม่ดี

 

 

ความจริงอันหร่านรู้ตั้งนานแล้วล่ะ เหยียนเค่อโทรมาลาหยุดให้ซย่าเสี่ยวมั่วตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ก็แค่แสร้งเล่นละครหน่อยก็เท่านั้น [อ๋อ ฉันว่าแล้วเชียว เห็นเธอไม่มาฉันก็เลยเขียนใบลาหยุดให้แล้วล่ะ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรต้องมายื่นเรื่องลาหยุดก่อนนะ!]

 

 

“ขอบคุณนะที่รัก!” ซย่าเสี่ยวมั่วซาบซึ้งสุดใจ

 

 

[แล้วเธอไปเจ็บตัวอีท่าไหนล่ะเนี่ย] อันหร่านไม่รู้เรื่องราวโดยละเอียด แต่เหยียนเค่อยังรู้ว่า

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วบาดเจ็บ เหตุการณ์ในตอนนั้นคงต้องตลกมากแน่นอน

 

 

ตีให้ตายซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ยอมพูด เรื่องน่าขายหน้าแบบนั้นเธอไม่อยากให้ให้อันหร่านเป็น

 

 

ฉินซื่อหลานคนที่สอง ฉินซื่อหลานหัวเราะเธอทั้งวันแถมยังเอาไปเล่าให้หลี่หมิงฉวีฟังอีก

 

 

“ฉันเจ็บที่เข่าน่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดอย่างเลี่ยงประเด็นสำคัญ

 

 

อันหร่านเลิกคิ้ว [เข่า?] เธอได้ยินว่าขาเจ็บนี่ ไปทำอีท่าไหนถึงทำให้เข่าเจ็บได้

 

 

“อือ”

 

 

[เธอไปคุกเข่าให้ใครมา ทำไมถึงเจ็บเข่าได้] อันหร่านก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้น แต่คนปลายสายกลับเงียบ

 

 

อันหร่านเงียบไปสักพัก เธอคงไม่ได้พูดความจริงออกไปหรอกนะ

 

 

[เธอไปคุกเข่าให้เหยียนเค่อมาเหรอ]

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ทันพูดอะไรแต่เขาก็ทายถูก ทำให้เธอเกิดรู้สึกสงสัยในชีวิตของตัวเองขึ้นมา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีสักอย่างที่ไม่ถูกต้อง “เธอรู้ได้ไงว่าเป็นเหยียนเค่อ!”

 

 

คนที่เผลอพลั้งปากไป ดีใจมากเกินจนพาตัวเองซวยเสียแล้ว จึงรีบร้อนสรรหาคำโกหก สุดท้ายก็เหตุผลที่เข้าเค้ามากที่สุดแล้วพูดโกหกออกไป [ฉันเดาน่ะ]

 

 

“…ทำไมเธอไม่ไปเป็นหมอดูนะ เดาแม่นขนาดนั้นเลย?” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เชื่อ

 

 

[ปกติถ้าเธอไปคุกเข่าเธอก็ต้องพูดออกมาเรียกร้องคะแนนสงสารแล้ว แต่ต้องเป็นเพราะว่าคนที่เธอไปคุกเข่าให้มันไม่น่าพูดถึงแน่ๆ เธอถึงไม่ยอมบอกอะไรฉันเลย] อันหร่านพูดร่ายเป็นชุดจนเหนื่อยหอบ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วฝืนตัวเองให้เชื่อ อย่างไรเสียอันหร่านก็รู้เรื่องนี้ไปแล้ว เธอต้องปิดปากอันหร่านไว้สิถึงจะถูกต้อง “เธอห้ามบอกคนอื่นนะ ฉันอายจะตายอยู่แล้ว”

 

 

[ได้ๆๆ] อันหร่านรับคำแบบส่งๆ พลันนึกถึงเรื่องของเซียวอู๋อี้ขึ้นได้ จึงรายงานเรื่องนี้ให้ซย่าเสี่ยวมั่วฟัง [ตอนนี้เซียวอู๋อี้ออกจากบริษัทแล้วนะ แต่เหมือนเจ้านายเก่าของเราจะยอมรับเขาเข้ามา วันนี้หัวหน้าบก. โทรมาหาฉัน บอกว่าเซียวอู๋อี้เข้าไปหาเขาแล้ว]

 

 

“อือ” ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่อยากทำให้เขาหมดสิ้นหนทางจนเกินไป

 

 

[เรื่องฟ้องร้องเราก็ชนะ เดี๋ยวบ่ายนี้ฉันจะโอนเงินค่าเสียหายไปให้นะ]

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วตาสว่าง “ได้เงินด้วยเหรอ”

 

 

[เหอะๆ] ที่แท้ยายนี่ก็ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีการชดเชยค่าเสียหายด้วย ถ้าเขาฮุบเงินไว้คนเดียวเธอก็คงจะไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน

 

 

“โอย ลำบากหน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะแบ่งเงินให้เธอ” ซย่าเสี่ยวมั่วกลัวว่าอันหร่านจะโมโหขึ้นมา จึงรีบทำตัวเป็นเด็กดี

 

 

อันหร่านเหยียดยิ้ม [ชิ ฉันแบ่งส่วนของตัวเองไว้ตั้งนานแล้วย่ะ ไม่ต้องให้เธอมาบอกหรอก”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกระตุกมุมปาก “งั้นก็เอาที่เห็นสมควรแล้วกัน ฉันวางแล้วนะ”

 

 

อันหร่านยิ้มลำพองใจ ถ้ายายนี่ไม่รู้ตัวสักทีละก็ สักวันหนึ่งคงต้องโดนเล่นงานจนไม่เหลือคราบแน่ๆ