ตอนที่ 365 แตกต่างไปตามบุคคล / ตอนที่ 366 ความต่างของอายุ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 365 แตกต่างไปตามบุคคล

 

 

เบลล์รู้สึกว่าการได้กินข้าวกับเหยียนเค่อเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

 

 

ทำตามใจตัวเองแต่ก็ยังมีท่าทีที่สง่างาม ท่าทางราวกับไม่ใส่ใจสิ่งรอบกายนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ช่างดูดีเหลือเกิน

 

 

“คุณอย่าเอาแต่จ้องผมได้ไหมครับ” เหยียนเค่อหงุดหงิดกับสายตาของคนตรงข้าม

 

 

เบลล์ยักไหล่ “ขอใช้โอกาสนี้มองคุณนานๆ หน่อย ต่อไปก็คงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว”

 

 

เหยียนเค่อสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าคงกินข้าวมื้อนี้ไม่ลงแล้ว เขาอยากจะโยนผู้หญิงคนนี้ออกไปจากร้านจริงๆ

 

 

“เอาล่ะๆ ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเองค่ะ” เบลล์เบนสายตาออก ก่อนจะก้มหน้ามองอาหารสีสันสดใสน่าลิ้มลองในจาน “ฉันเห็นเหยียนเฟิงเคยสืบเรื่องผู้หญิงคนที่คุณชอบด้วย ผู้หญิงคนนั้นรับนิสัยแย่ๆ ของคุณได้ด้วยเหรอคะ”

 

 

เหยียนเค่อหั่นเค้กไอศกรีมรสบลูเบอร์รี่โยเกิร์ตอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเซ็ง “นิสัยแย่ๆ อะไรครับ”

 

 

“ไม่ให้คนอื่นมอง ไม่ให้คนอื่นชม ไม่ให้คนอื่นมาท้าทายขีดจำกัดของคุณ เป็นต้น” เบลล์ยังจำเด็กสาวหน้าตาสวยใสบนเอกสารชุดนั้นได้ดี จึงสงสัยว่าเหยียนเค่อจะมีท่าทีอย่างไรกับสาวน้อยคนนั้น

 

 

ไม่รู้ว่าคำพูดของเบลล์ไปสะกิดความรู้สึกส่วนไหนของเหยียนเค่อเข้า ทำให้เหยียนเค่อนั่งคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะเฉลยข้อสงสัยให้เธอได้รู้ “ตอนเขากินข้าว ในสายตาของเขาจะมีแค่อาหารตรงหน้า ไม่มองผมเลย ผมให้เขาชมผมเขาก็ชมไม่เป็น การเผชิญหน้ากับเขาไม่มีขีดจำกัด ดังนั้นนิสัยแย่ๆ ในสายตาของคุณนั้น ไม่เคยปรากฏขึ้นในสายตาของเขาเลย”

 

 

เบลล์กัดส้อมจนริมฝีปากเกือบจะเป็นแผล เธอเริ่มสงสัยในตัวเองแล้วว่าหูฝาดไปหรือเปล่า

 

 

บนโลกนี้มีซย่าเสี่ยวมั่วเพียงคนเดียวเท่านั้น ใครก็มาแทนที่ไม่ได้

 

 

“ผู้หญิงคนนั้นช่าง…” เบลล์คาดไม่ถึงว่าจะหมดคำพูดไปเสียดื้อๆ ในตอนที่วิพากษ์วิจารณ์ผู้หญิงสักคน

 

 

“ตอนคุณเห็นพี่ชายผมก็หลงใหลได้ปลื้มเหมือนกันหรือเปล่า” เหยียนเค่อถามกลับ

 

 

เบลล์ตอบทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด “ไม่ค่ะ”

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นผมเหมือนที่คุณเห็นพี่ชายผมนั่นแหละ” เหยียนเค่อเปรียบเปรยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน

 

 

เบลล์ยกแก้วทรงสูงตรงหน้าขึ้นมาก่อนจะเม้มปากให้ริมฝีปากชุ่มชื้น “พี่ชายคุณไม่หล่อเท่าคุณ แล้วเราสองคนก็ไม่เหมือนพวกคุณสองคนหรอกค่ะ”

 

 

เหยียนเค่อไม่ค่อยรู้เรื่องของเหยียนเฟิงมากนัก เพียงแต่เห็นเบลล์แล้วก็คิดไม่ถึงว่าพี่ชายเขาจะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้

 

 

“ไม่เหมือนกันตรงไหนเหรอ คุณเป็นคนสนิทที่สุดของเขานี่นา”

 

 

“เขาไม่มีคนที่สนิทที่สุดหรอก” ภาพลักษณ์สดใสของเบลล์ที่เหยียนเค่อเห็นมาโดยตลอด ในที่สุดก็ปรากฏความมืดมนในใจออกมา “เขาไม่มีคนที่เขาเชื่อใจ ฉันก็แค่ได้รับความเมตตาจากเขาในตอนที่ฉันอายุยังน้อยก็เท่านั้น ก็เลยอยู่เคียงข้างเขาเรื่อยมา ความจริงพวกเราไม่ได้รักกันหรอก”

 

 

เหยียนเค่อหลุบตามองต่ำ ความจริงข้อนี้ผิดจากสิ่งที่เขาคาดคะเนไปเล็กน้อย

 

 

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ฉันอยากตีตัวออกจากเขาตั้งแต่ฉันยังอายุเท่าคุณแล้วล่ะ จนถึงตอนนี้ก็ยังหลีกหนีไปไม่พ้น” เบลล์บรรยายออกมาเงียบๆ คิดถึงอดีตแล้วยังรำพึงรำพัน นึกไม่ถึงว่าเธอต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาจนถึงทุกวันนี้

 

 

“พี่ชายผมก็น่าจะให้ความสำคัญกับคุณอยู่นะครับ” เหยียนเค่อพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ของที่เขาไม่ชอบจะถูกกำจัดออกไปในทันที ไม่มีใครหรือว่าสิ่งใดที่อยู่เคียงข้างกายเขาได้เกินสามปี คุณเป็นข้อยกเว้น”

 

 

“ไม่ต้องปลอบใจฉันหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย การที่เขาให้ความสำคัญก็เป็นเพียงหายนะสำหรับฉันเท่านั้นเองค่ะ”

 

 

เหยียนเค่อปรายตามองเธอปราดหนึ่ง “ผมไม่มีนิสัยปลอบใจคนอื่น” แฝงความนัยไว้ในคำพูดนั้น เขาก็แค่ว่าไปตามเนื้อผ้าเท่านั้น เบลล์แค่คิดมากไปเอง

 

 

เบลล์แทบกระอักเลือด รู้สึกโมโหเหยียนเค่อจนแทบบ้า “คุณพูดให้มันน่าฟังหน่อยจะตายไหม  คุณมายืนอยู่ในตำแหน่งนี้โดยไม่โดนคนฆ่าตายได้อย่างไรกันนะ”

 

 

ปกติเหยียนเฟิงจะปฏิบัติกับลูกน้องอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองมากกว่า แต่เหยียนเค่อเห็นได้ชัดว่าเขานั้นกวนประสาท

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 366 ความต่างของอายุ

 

 

“ในฐานะพนักงาน คุณไม่มีแม้แต่ความสามารถในการรับแรงกดดันเลย ดาดฟ้าของบริษัท YAN ยินดีต้อนรับ” เหยียนเค่อจะพูดกับพนักงานใหม่เช่นนี้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครกระโดดลงมาจากดาดฟ้าเลยสักคน เพราะว่าสวัสดิการของ YAN ดีจนคนไม่อยากตาย

 

 

เบลล์จับด้ามมีดแล้วหั่นเนื้อต่อ ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วและเสี่ยวฝูเอ๋อร์นั่งหัวชนกัน ดูภาพยนตร์ด้วยความเบื่อหน่าย

 

 

ภาพยนตร์ความรักวัยรุ่นเรื่องใหม่ ซย่าเสี่ยวมั่วดูจนนั่งหาวแล้วหาวอีก

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์สะกิดเธอ “พี่ คนอายุเท่าพี่มาดูหนังแบบนี้ควรจะรู้สึกอินมากเลยไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วปล่อยหยดน้ำที่ปริ่มอยู่ที่หางตาให้ไหลลงมาตามใบหน้า “ใช่ อินมากเลย”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์หัวเราะ “ตอนนี้ฉันก็ไม่ชอบดูหนังแบบนี้แล้ว นี่มันเรื่องราวในช่วงมอปลายของคนอื่น ตอนมอปลายเราไม่มีชีวิตแบบนี้สักหน่อย”

 

 

“ถ้าเธออายุเท่าฉัน อยู่ห้องเดียวกันละก็ เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ทุกคนต้องอิจฉาแน่นอน ตอนนี้ฉันเริ่มสงสารเด็กผู้หญิงคนอื่นในห้องเธอแล้วล่ะ”

 

 

“ทำไมล่ะคะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์รู้สึกว่าเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุดมากกว่า ฉินซื่อหลานเอาแต่หาเหตุผลไม่ให้เธอไปเรียน ไปนั่งฟังในคาบไม่ได้แถมยังต้องขยันตั้งใจเรียนอย่างสุดความสามารถอีก เธอเหนื่อยเสียยิ่งกว่าเพื่อนที่นั่งเรียนในห้องเสียอีก

 

 

“ความสุขอยู่กับตัวแท้ๆ แต่ไม่รู้” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดแสดงความเห็นออกมาเช่นนี้

 

 

ตอนท้ายของภาพยนตร์ ในที่สุดพระเอกและนางเอกในชุดนักเรียนต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง ช่วงเวลาวัยรุ่นสิ้นสุดลง กลายเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุด แต่ก็น่าเศร้าที่สุดของทั้งสองคนเช่นกัน

 

 

“พี่คะ คู่รักตอนมอปลายของพวกพี่ไม่มีใครที่คบกันไปถึงตอนสุดท้ายเลยใช่ไหม” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ซาบซึ้งไปกับภาพแผ่นหลังโดดเดี่ยวของพระนาง ก่อนจะหันหน้าไปถามซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัว “ฉันไม่รู้” ตอนมัธยมปลายเธอไม่ได้มีเวลาอยู่ในโรงเรียนมากนัก เธอไม่รู้เลยว่าในห้องมีเพื่อนคนไหนที่คบหาดูใจกันบ้าง “ห้องเรียนศิลปะของฉันมีหลายคู่ที่ไปกันรอด ตอนนี้แต่งงานกันไปหมดแล้วล่ะ”

 

 

“ห้องเรียนศิลปะไม่ค่อยเคร่งครัดเหรอคะ”

 

 

“ใช่ ครูจะมาสอนเธอแค่ครึ่งเทอม จำชื่อเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ปรารถนาอยากมีชีวิตเหมือนซย่าเสี่ยวมั่วในตอนนั้น “มอปลายสมัยนี้เคร่งมากเลยค่ะ ไม่เหมือนกับในนิยายสมัยก่อนเลยแม้แต่นิด”

 

 

“นักเขียนนิยายพวกนั้นอายุมากกว่าฉันอีก ช่วงเวลาที่ประสบพบเจอก็เป็นคนละช่วงกับเธอ ตอนนี้เธอก็ชีวิตดีแล้วนี่ มีฉินซื่อหลานอยู่ข้างๆ คอยปกป้องคุ้มครองเธอ ไม่ต้องหาแฟนแล้ว”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์รู้สึกว่าความคิดของซย่าเสี่ยวมั่วแปลกประหลาด “กว่าฉันจะอายุเท่าพี่ ฉินซื่อหลานก็จะสี่สิบแล้ว” ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะชอบฉินซื่อหลานมากก็ตาม แต่ช่วงเวลาสิบปีหลังจากนี้ คิดๆ ดูแล้วก็ยังหวาดกลัวอยู่

 

 

“เธอไม่ชอบฉินซื่อหลานเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างแปลกใจ ทั้งๆ ที่รู้สึกได้ว่าเสี่ยวฝูเอ๋อร์ขาดฉินซื่อหลานไปไม่ได้ ทำไมยังสนใจเรื่องอายุอยู่อีกล่ะ

 

 

“ใครจะไปรู้เรื่องราวหลังจากนี้ล่ะคะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์มองโลกตามความเป็นจริง ต่อให้ตอนนี้จะชอบ แต่ใครเลยจะล่วงรู้ว่าฉินซื่อหลานจะยอมรอให้เธอเติบโตกว่านี้อีกหรือเปล่า และตอนนี้ฉินซื่อหลานก็ไม่ได้ชอบเธอ กว่าเธอจะโตบางทีฉินซื่อหลานอาจจะแต่งงานไปแล้วก็ได้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าเสี่ยวฝูเอ๋อร์คิดอย่างไร แต่เธอไว้ใจฉินซื่อหลานอยู่พอสมควร “ในบรรดาผู้ชายที่อายุเท่าเธอ ฉันมั่นใจว่าเธอหาผู้ชายที่มีกลิ่นอายแบบฉินซื่อหลานไม่ได้อีกแล้ว”

 

 

“กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อน่ะเหรอ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์เล่นมุกฝืดด้วยสีหน้าจริงจัง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแบมือ “กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อก็ยังดีกว่ากลิ่นของพวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็แล้วกัน”

 

 

ฉินซื่อหลานที่ยืนแอบฟังอยู่ (อีกแล้ว) รู้สึกโหวงๆ ในใจ ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงผลักประตูเข้าไปในห้อง แสร้งทำราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ที่กำลังจะพูดต่อรีบหยุดลงทันที ก่อนจะหันไปหัวเราะกับซย่าเสี่ยวมั่ว