ตอนที่ 367 หาเรื่องใส่ตัว / ตอนที่ 368 พอใจในสิ่งที่มี

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 367 หาเรื่องใส่ตัว

 

 

ฉินซื่อหลานแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น มองพวกเธออย่างงุนงง “ทำไมจู่ๆ ก็เงียบไปล่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่ได้ยินอะไรบ้างเลย ภาพคราวก่อนที่ฉินซื่อหลานแอบฟังเธอกับหลี่หมิงฉวีคุยกันเขายังจำได้อย่างชัดเจน คนพวกนี้เล่นละครเก่งกันทั้งนั้นแหละ มีแค่เด็กไร้เดียงสาอย่างเสี่ยวฝูเอ๋อร์นี่แหละที่เชื่อเขา

 

 

“คุยเรื่องลับๆ กันอยู่ ค่ะแล้วพี่ก็เข้ามาพอดี” เสี่ยวฝูเอ๋อร์พูดแค่นั้นก่อนจะปล่อยผ่านไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วทำได้เพียงยักไหล่อย่างให้ความร่วมมือ

 

 

ฉินซื่อหลานยื่นของให้ซย่าเสี่ยวมั่ว ก่อนจะนึกไปถึงภาพตัวบ้านของซย่าเสี่ยวมั่วก็อดค่อนแคะไม่ได้ “เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ แต่บ้านรกอย่างกับอะไรดี อยู่ห่างๆ จากเสี่ยวฝูเอ๋อร์ไว้ดีกว่า อย่าทำให้เด็กบ้านฉันเสียคนเลย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเปิดกระเป๋าโน้ตบุ๊ก ของด้านในครบถ้วนดี “นายไปหาจากตรงไหนอะ ฉันวางของเละเทะขนาดนั้นยังเอาออกมาให้ฉันได้ครบเลย”

 

 

ฉินซื่อหลานตอบโดยไม่คิด “ก็บนโซฟาที่เหยียนเค่อให้เธอไง”

 

 

“หืม?” ซย่าเสี่ยวมั่วคิดจนหัวแทบแตกก็ยังไม่รู้ว่าโซฟาตัวไหนในบ้านที่เหยียนเค่อเป็นคนให้

 

 

ฉินซื่อหลานยังอธิบายอย่างใจเย็น “ก็เก้าอี้เม็ดโฟมไง เสิ่นจิ้งเฉิน…” เขาพูดถึงชื่อของเสิ่นจิ้งเฉินก็ชะงักไป ราวกับนึกขึ้นได้ว่าเรื่องราวในตอนนั้นมันเป็นอย่างไร “เอ่อ…”

 

 

“เหยียนเค่อเป็นคนให้เหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วมึนงง ไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฉินให้หรอกเหรอ?

 

 

ฉินซื่อหลานทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “เหยียนเค่อช่วยเสิ่นจิ้งเฉินส่งไปให้ไง”

 

 

“เหอะๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่พูดอะไรต่ออีก

 

 

ฉินซื่อหลานพรูลมหายใจ โชคดีที่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ซักไซ้ต่อ ไม่อย่างนั้นเขาคงแฉเหยียนเค่อจน

 

 

หมดเปลือกแน่ๆ

 

 

พวกเขาไปตกลงกันลับหลัง ต่อให้ถามจนได้คำตอบมาก็อาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้ แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรยังจะดีเสียกว่า

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสะใจให้ฉินซื่อหลาน

 

 

ฉินซื่อหลานยื่นมือไปลูบหัวเธอ “ผู้ใหญ่จะคุยกัน ไปนั่งตรงนั้นก่อนไป”

 

 

“เชอะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์หลบมือของฉินซื่อหลานอย่างแง่งอน “ฉันไปดื่มน้ำดีกว่า”

 

 

“เด็กดื้อเอ๊ย” ฉินซื่อหลานเก็บมือกลับ ก่อนจะหันไปยีผมซย่าเสี่ยวมั่วระบายความโมโห “ทำตัวน่าโมโหทั้งคู่”

 

 

“เกี่ยวอะไรกับฉันเล่า!” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้หลบ จึงถูกเขาขยี้จนผมยุ่งเหยิงไปหมด ถึงแม้ว่าหลังจากตื่นนอนแล้วเธอยังไม่ได้หวีผมก็ตาม แต่พอโดนขยี้มันก็ยิ่งยุ่งมากขึ้นกว่าเดิม

 

 

ฉินซื่อหลานนั่งพิงขอบโซฟา “ทำไมจะไม่เกี่ยวกับเธอ สอนเสี่ยวฝูเอ๋อร์จนเสียคนหมดแล้ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโดนเข้าใจผิดต่างหาก เสี่ยวฝูเอ๋อร์ยังกล้าหลอกลวงเล่นงานเธอเลย เห็นๆ กันอยู่ว่าฉินซื่อหลานเป็นคนสอน ยังจะมาปัดความรับผิดชอบอีก

 

 

“ฉันว่าเสี่ยวฝูเอ๋อร์ควรจะเรียกนายว่า ‘อา’ มากกว่ามั้ง”

 

 

ฉินซื่อหลานได้ยินชื่อเรียกนั้นก็หันหน้าไปมองเธอ “เขาพูดอะไรกับเธอ”

 

 

“ฮะ?” ซย่าเสี่ยวมั่วคิดตามไม่ทัน ฉินซื่อหลานเห็นปฏิกิริยาของเธอก็รู้ว่าเสี่ยวฝูเอ๋อร์ไม่ได้เล่าอะไร แต่ทำไมคนที่มีความคิดประหลาดอย่างซย่าเสี่ยวมั่วถึงเดาถูกจุดทุกทีเลยนะ

 

 

“เฮ้อ แต่ละคนต่างก็มีปัญหาของตัวเอง” ฉินซื่อหลานรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ชราลงแล้ว “อิจฉาพวกคนที่เมื่อถึงอายุที่เหมาะสมก็ได้แต่งงานมีลูกจัง”

 

 

“นายเลยอายุที่เหมาะกับการแต่งงานนานแล้ว นายอยากแต่งก็ไม่มีใครห้ามไว้นี่” ซย่าเสี่ยวมั่วกลอกตาใส่เขาหนึ่งที หน้าตาหล่อเหลาเสียขนาดนี้ มีหลายคนที่อยากจะเข้าหา หาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ

 

 

“ไม่มีใครห้ามหรอก แต่ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้มีแค่เรื่องความชอบหรือไม่ชอบหรอกนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วคงไม่รับรู้ถึงความขมขื่นของผู้ชายอย่างพวกเขาหรอก ถ้าไม่มีคนที่ชอบแล้วแต่งงานกับผู้หญิงสักคน สุดท้ายแล้วก็ยังมีความรู้สึกรักใคร่กันอยู่บ้าง แต่ถ้ามีคนที่ชอบแล้ว คนที่เหลือก็จะกลายเป็นอุปสรรค

 

 

“โลกของพวกนายนี่ซับซ้อนจัง ไม่แต่งงานแล้วยังไงล่ะ ถ้าคบกับคนที่ชอบไม่ได้ แต่งงานกับอยู่เป็นโสดตลอดชีวิตจะต่างอะไรกัน” อย่างไรเสียซย่าเสี่ยวมั่วก็มั่นใจแล้วว่าเธอจะไม่แต่งงาน

 

 

ฉินซื่อหลานจนปัญญา บอกแล้วว่าเธอคงไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่ายุคสมัยนี้ผู้คนจะไม่ได้หัวโบราณเท่าเมื่อก่อน แต่เขาที่เป็นลูกชายคนเดียวของบ้านก็ยังต้องแบกรับหน้าที่สืบทอดวงศ์ตระกูลอยู่ดี

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 368 พอใจในสิ่งที่มี

 

 

“ถ้าสุดท้ายแล้วเธอไม่ได้แต่งงานออกไป แล้วฉันก็ไม่ได้คบกับผู้หญิงของฉัน เราสองคนก็มาคบกันเองแก้ขัดกันเถอะ” ฉินซื่อหลานคิดไอเดียที่ไม่เลวได้อย่างหนึ่ง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้สึกว่าไม่เลวเช่นกัน แต่คำพูดนี้รู้สึกเหมือนเขากำลังแช่งเธออยู่ “สำหรับฉันแล้วนายเป็นตัวเลือกที่ฉันคิดว่าดีที่สุดแล้ว ถึงต่อไปจะแต่งงานมีลูก ฉันก็รับได้นะ”

 

 

บางทีสุดท้ายสองคนนี้อาจจะรักกันก็ได้ ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้อาจจะมีไม่มาก แต่ลองคิดดูแล้วก็มีความเป็นไปได้

 

 

สำหรับผู้ชายแล้ว เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาชีวิตที่สวยงาม แต่สำหรับเสี่ยวฝูเอ๋อร์แล้ว เขากลับกลายเป็นคนแก่ไปแล้ว

 

 

ปกติฉินซื่อหลานจะมองข้ามปัญหาเหล่านี้ไป ถึงขนาดที่ว่า บางครั้งคิดว่าตนอายุมากกว่า

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ มีประสบการณ์เยอะกว่าเธอ ทำให้ในอนาคตเธอสามารถทำอะไรก็สมหวังดั่งใจทุกอย่าง แต่วันนี้ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเสี่ยวฝูเอ๋อร์แล้ว เขาก็เริ่มเผชิญหน้ากับปัญหาเรื่องอายุอย่างจริงจัง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเศร้าหมองของเขา จึงปลอบโยนเขาอย่างไม่ใส่ใจนัก “นายดู

 

 

สวีอันหรานกับสวีรั่วชีที่เป็นพี่น้องกัน ยังคบหากันได้เลย นายจะกลัวอะไร”

 

 

ฉินซื่อหลานถลึงตาใส่เธอ นี่มันเทียบกันไม่ได้เลยต่างหาก เหตุผลสำคัญที่สุดที่สวีรั่วชีกับ

 

 

สวีอันหรานคบกันได้ก็เพราะว่าทั้งคู่ชอบพอกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสี่ยวฝูเอ๋อร์มันซับซ้อนมากกว่านั้น

 

 

“รู้จักพอบ้างเถอะ นายดูซิ เสิ่นจิ้งเฉินยังหาแฟนไม่ได้เลย” ซย่าเสี่ยวมั่วยังพยายามพูดต่อ

 

 

“เธอหุบปากไปเถอะ” ยิ่งถูกปลอบเขาก็ยิ่งรำคาญใจ ฉินซื่อหลานดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้บ่ายแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรเหยียนเค่อจะไสหัวมากสักที

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหุบปากอย่างว่าง่าย และเริ่มเขียนต้นฉบับทันที เขาไม่คุยกับเธอ เธอเล่นคนเดียวก็ได้

 

 

ฉินซื่อหลานนั่งลงสักพักหนึ่ง มองซย่าเสี่ยวมั่ววาดรูปอย่างใจเย็น เขารำคาญใจแล้วก็ไม่อยากให้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้อยู่อย่างเป็นสุข จึงรำพึงรำพันออกมาราวกับไม่ได้ใส่ใจนัก “ตอนนี้เหยียนเค่อคงนั่งกินข้าวอยู่กับสาวสวยแน่เลย”

 

 

“นายก็นัดสาวสวยไปกินข้าวบ้างสิ” ซย่าเสี่ยวมั่วทำงานของตัวเองต่อไปโดยไม่สะทกสะท้าน

 

 

ฉินซื่อหลานชะโงกหน้าเข้าไปหา “จะบอกให้ สาวสวยรอบตัวของเหยียนเค่อมีเยอะแยะเต็มไปหมด ผู้หญิงคนที่นัดกินข้าววันนี้สวยมากๆ” แถมยังแนบรูปให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันด้วย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้าขึ้นกวาดตาดูแล้วพยักหน้า “สวยจริงๆ นั่นแหละ เหมือนลูกครึ่งเลย”

 

 

ฉินซื่อหลานเห็นว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาอะไร ปากกาที่หยุดไปเริ่มขยับวาดต่อ ไม่นานภาพสองภาพนั้นก็ถูกวาดจนเสร็จ

 

 

“เธอวาดเร็วจัง” ฉินซื่อหลานถูกดึงดูดความสนใจด้วยลายเส้นที่เธอวาด

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วปากยื่น “ฉันไม่ได้วาดเร็ว แต่นายพูดมากไปต่างหากล่ะ”

 

 

ฉินซื่อหลานที่โดนรังเกียจหันกลับไปหาเสี่ยวฝูเอ๋อร์ “เดี๋ยวฉันไปดูก่อนนะว่าคนที่ดื่มน้ำจมน้ำตายในเหยือกไปหรือยัง”

 

 

“ชิ” ซย่าเสี่ยวมั่ววาดไปเขียนบทพูดไป จ้องมองหน้าจอคอมพ์อย่างใจจดใจจ่อ ไม่สนใจสักนิดว่าฉินซื่อหลานจะไปไหน

 

 

บางครั้งการพบกันก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่ง ส่วนการรักใคร่ชอบพอกันก็เป็นโอกาสและโชคชะตาที่สามารถพบเจอได้แต่ไม่สามารถร้องขอได้ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่หาเรื่องให้ตัวเองหรอก ถ้าเขาคนนั้นเป็นของเธอ ไม่ว่าจะข้ามผ่านกาลเวลา ข้ามผ่านทะเลภูเขา สุดท้ายก็ต้องเป็นของเธออยู่ดี ถ้าเขาไม่ใช่ของเธอ นั่งคิดทั้งชาติก็ไม่มีวันเป็นของเธอได้หรอก

 

 

ตอนนางเอกในการ์ตูนรู้ตัวตนของพระเอกนั้น เธอก็ดึงกระชากเนกไทของพระเอก ท่าทางนี้เป็นสิ่งที่ซย่าเสี่ยวมั่วเคยคิดจินตนาการอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยได้ลองทำสักที เธอทำให้ความปรารถนาของตัวเองเป็นจริงได้แค่ในการ์ตูน เมื่อเทียบกับใครหลายคนแล้ว เธอรู้สึกว่าเธอนั้นโชคดีมากพอแล้ว ที่ยังสามารถเขียนตอนจบที่ดีในการ์ตูนได้ ทำให้จินตนาการที่เพ้อฝันของตัวเองได้จบลงอย่างสมบูรณ์ในการ์ตูนภาพวาดเหล่านั้น

 

 

 สิ่งที่คนต้องการก็มีแค่ความรู้จักพอ รู้ว่าอีกฝ่ายใช้ชีวิตได้ดีมีความสุข ถึงในช่วงชีวิตที่เหลือจะไม่ได้เกี่ยวพันกันแล้ว แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเสียใจเสียดายอีก