ตอนที่ 369 ไม่ไว้หน้า / ตอนที่ 370 พอใจกับปัจจุบัน

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 369 ไม่ไว้หน้า

 

 

“ไปส่งฉันที่คอนโดของพี่ชายคุณหน่อยได้ไหมคะ” เมื่อกินข้าวเสร็จ เบลล์ก็เริ่มยื่นคำขอ

 

 

“ไม่ได้ครับ” เหยียนเค่อเช็ดนิ้วมือของตนอย่างละเอียดแล้วตอบเธอโดยไม่ลังเล

 

 

“แล้วคุณจะไปไหนต่อเหรอคะ” เบลล์ไม่ถอดใจ จู่ๆ ก็อยากจะหยอกเหยียนเค่อเสียหน่อย

 

 

เหยียนเค่อไม่อยากสนใจเธอ จึงลุกขึ้นแล้วเดินนำออกจากร้านไปก่อน

 

 

“นี่ ทำไมไม่มีมาดเลยล่ะคะ” เบลล์พูดหยอกล้อ แล้วเดินตามหลังเขาไปติดๆ “คุณจะไปหาสาวน้อยของคุณเหรอ ฉันก็อยากเจอเหมือนกันค่ะ”

 

 

“ในฐานะอะไรครับ” เหยียนเค่อถามกลับเสียงเย็น คิดๆ ดูแล้วตอนนี้เบลล์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเหยียนเค่อเลยสักนิด เขาก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องแนะนำซย่าเสี่ยวมั่วให้ผู้หญิงคนนี้รู้จักเลย

 

 

เบลล์ก็รู้ว่าวันนี้ตนทำเกินกว่าขีดจำกัดของตัวเองไปหน่อย ถ้าเขาจะรำคาญก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

 

 

“ความจริงฉันคิดว่าฉันปกป้องสาวน้อยของพวกคุณได้นะคะ” เธอพอจะรู้แผนการบางอย่างของเหยียนเฟิง แต่เธอเปิดเผยให้เหยียนเค่อรู้ไม่ได้ นี่เป็นกฎในที่ทำงานของเธอและเป็นสิ่งที่เธอยังยืนหยัดกระทำอยู่หลังจากที่อยู่เคียงข้างเหยียนเฟิงมานานจนกระทั่งตีจากเขาออกมา

 

 

เหยียนเค่อควงกุญแจรถในมือ “คนของผม ผมดูแลเองได้ คุณไปก็มีแต่จะไปกระตุ้นเขา”

 

 

“คุณจะไปหาสาวน้อยคนนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย” เบลล์เดินตามเขาไม่หยุดอย่างสอดรู้สอดเห็น “วันนี้ฉันอาจจะทำตัวน่ารำคาญไปหน่อย จริงๆ นะ ก็เลยอยากจะเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นของคุณหน้าตาเป็นยังไง”

 

 

จู่ๆ เหยียนเค่อก็รู้สึกเห็นใจเหยียนเฟิงขึ้นมานิดหน่อย ถ้ามีผู้หญิงแบบนี้มาเดินตามต้อยๆ ทั้งวันจะไม่รำคาญจนเป็นบ้าไปเลยหรือไงนะ

 

 

“ตอนอยู่กับพี่ผมคุณก็พูดมากแบบนี้เหมือนกันเหรอ”

 

 

เบลล์แบมือ “ประธานเหยียนคะ คุณต้องเข้าใจจิตใจของผู้หญิงวัยนี้สิ สักวันหนึ่งสาวน้อยคนนั้นก็ต้องเป็นแบบนี้เหมือนกันล่ะน่า”

 

 

“เหอะ” ตอนซย่าเสี่ยวมั่วร้องไห้ยังไม่น่ารำคาญเท่าเบลล์เลย ถ้าเธอไม่ใช่คนแรกที่เขาแย่งจากมือของเหยียนเฟิงมาได้ละก็ เขาก็ไม่อยากมาพูดคุยไร้สาระกับเธออย่างนี้หรอก

 

 

“เฮ็อ” นิสัยพูดมากของเบลล์ถูกเหยียนเฟิงกดมันไว้เป็นเวลานาน จึงมาระเบิดลงกับเหยียนเค่อ แต่นิสัยของเหยียนเค่อนั้นก็ไม่ไว้หน้าใครจริงๆ เธอจึงเปลี่ยนแผนใหม่โดยใช้ผลประโยชน์เข้าล่อ “ฉันเอาเรื่องฉาวของสวีอิ๋งอิ๋งให้คุณก็ได้นะ แต่คุณพาฉันไปหาสาวน้อยคนนั้นเถอะ”

 

 

เธอเพิ่งพูดจบ เหยียนเค่อก็สาวเท้าก้าวห่างออกไปหลายเมตรแล้ว

 

 

“เจ้าหมอนี่” เธอหัวเราะ “จริงๆ เลย…”

 

 

ตอนที่ฉินซื่อหลานโทรหาเหยียนเค่อก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงดังลอดมาจากปลายสาย จึงเอ่ยถามขึ้น [นายอยู่กับใครอะ]

 

 

“ผู้หญิงคนนั้นแหละ จะพาตัวไปให้นายดู ถ้าถูกใจก็เก็บไว้เองแล้วกัน ฉันรำคาญจะแย่อยู่แล้ว”

 

 

เหยียนเค่อไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยสักนิด พูดออกมาตามตรงโดยไม่รักษามาดเลย

 

 

เบลล์เบะปาก หลายปีแล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกโกรธแบบนี้ อยากจะต่อยหน้าเขาจริงๆ

 

 

[ไม่เอาหรอก อย่าพาคนของพี่นายมาหาฉันเลย เข้ากันไม่ได้หรอก] ฉินซื่อหลานหลีกเลี่ยง

 

 

เหยียนเฟิงมาตลอด ไม่ใช่เพราะว่ากลัว แต่เพราะว่าไม่อยากยุ่ง [นายจะมากินข้าวเย็นนี้ไม่ใช่เหรอ มาตอนนี้?]

 

 

“อืม ฉันเพิ่งกินข้าวเที่ยงเสร็จ ในท้องยังมีอาหารอยู่เลย” เรียกง่ายๆ ก็คือ อิ่มจนท้องจะแตกแล้ว

 

 

เขาจะไม่เชื่อคำพูดของฉินซื่อหลานอีกแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาผู้หญิงก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญที่สุด ต้องให้ฉินซื่อหลานได้รับรู้เสียบ้างว่าผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารำคาญแค่ไหน “รอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะไปหาแล้ว”

 

 

[จะรอนะ] ฉินซื่อหลานไม่เล่นแผลงๆ แล้วจะอยู่ไม่สุข

 

 

เหยียนเค่อก็ขี้เกียจพูดมาก เมินเฉยเบลล์ที่นั่งอยู่เบาะหลัง เมื่อวางสายแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ

 

 

เบลล์มองของตกแต่งในรถก็ถามอย่างสนใจ “อันนี้ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนซื้อเหรอคะ”

 

 

เหยียนเค่อเลี้ยวตรงแยกเพื่อมุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาล ตอบโดยทันที “ไม่ใช่”

 

 

พวกนี้เป็นของที่ซย่าเสี่ยวมั่วชอบ เขาก็เลยแขวนมันไว้ในรถ แต่คราวก่อนตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งรถเขากลับมองข้ามพวกมันไป ทำให้เหยียนเค่อรู้สึกพ่ายแพ้เป็นอย่างมาก

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 370 พอใจกับปัจจุบัน

 

 

ทำเลที่สร้างโรงพยาบาลเอกชนดีกว่าโรงพยาบาลรัฐของเมือง N ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

 

 

เบลล์ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เธอพบว่าถ้าหากเธอพูดมากเกินไป ถ้าไปหาเหยียนเฟิงแล้วปรับอารมณ์กลับมาไม่ได้ก็จะเป็นโศกนาฏกรรมเหมือนสักครั้งหนึ่งที่เธอออกไปกินปิ้งย่างกับเหยียนเฟิง ดังนั้นจึงต้องสำรวมกิริยาสักหน่อย

 

 

เดินผ่านต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดสองข้างทาง ในทางเดินที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งกำลังเดินเล่น เบลล์ไม่ทันได้สังเกต แต่เหยียนเค่อเห็นยายโง่บางคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นแต่อยากจะกระโดดขึ้นมาแล้วจึงหยุดเดิน

 

 

ฉินซื่อหลานมองคนที่เดินไปมาบนทางสายนี้อยู่ตลอด เมื่อเห็นเหยียนเค่อก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก

 

 

“เหยียนเค่อ”

 

 

“พี่!”

 

 

“…” ซย่าเสี่ยวมั่วที่เมื่อกี้ยังยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าก็หุบลงแล้วเปลี่ยนมายิ้มบางๆ แทน

 

 

เหยียนเค่อรู้ว่าถ้าฉินซื่อหลานไม่เล่นสกปรก เขาคงจะอยู่ไม่สุขเป็นแน่

 

 

เบลล์รู้จักฉินซื่อหลาน เห้นว่าพวกเขาทักทายกับเหยียนเค่อก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นคนกลุ่มนี้

 

 

เมื่อสองคนเดินเข้าไปใกล้แล้ว ฉินซื่อหลานก็สะกิดเสี่ยวฝูเอ๋อร์ “ทักทายพี่เขาสิ”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ทักทายเธออย่างว่านอนสอนง่าย ก่อนจะหมุนตัวไปยืนหลบอยู่ด้านหลังวีลแชร์ของ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกุมหน้าผาก ถ้านิสัยเข้ากันไม่ได้ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ เวลาเจอเรื่องทีไรก็ให้เธอออกไปรับหน้าก่อนตลอด ใจร้ายที่สุด

 

 

เบลล์เห็นสีหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วก็อยากจะหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ต้องนิสัยดีมากแน่นอน

 

 

ฉินซื่อหลานทักทายเบลล์ตามมารยาท ทั้งคู่คุยกันพักหนึ่ง ฉินซื่อหลานจึงแนะนำซย่าเสี่ยวมั่วให้ เบลล์รู้จัก ทำเอาซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะแกล้งตายไปเสียเดี๋ยวนั้น

 

 

“สวัสดีค่ะ”

 

 

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เบลล์ยื่นมือออกไปจับมือกับเธอ มือเล็กผิวนุ่มละเอียด ให้สัมผัสที่ดีมาก เพียงแต่มือนั้นเย็นจนเบลล์อดรู้สึกสั่นขึ้นมาไม่ได้ “ทำไมมือคุณเย็นจังล่ะคะ”

 

 

เหยียนเค่อที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ทนดูไม่ได้ตั้งนานแล้ว อากาศเย็นขนาดนี้กลับไม่หาเสื้อคลุมสักตัวมาใส่กันป่วย จึงเอ่ยค่อนขอด “ไม่แข็งตายก็ดีเท่าไรแล้ว คุณจะอยากให้มือร้อนแค่ไหนกันล่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชักมือกลับ ก่อนจะยิ้มให้เบลล์อย่างขัดเขิน “ข้างนอกลมแรงน่ะค่ะ พวกคุณเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”

 

 

“งั้นฉันขออยู่เล่นกับพี่ซย่าข้างนอกอีกหน่อยแล้วกันนะคะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วไม่ชอบอยู่กับพวกเขา จึงจงใจหาข้ออ้างให้ซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ฉินซื่อหลานที่กำลังจะเข็นวีลแชร์ของซย่าเสี่ยวมั่วเข้าไปข้างในคลำจมูกป้อยๆ เดี๋ยวเขาต้องโดน

 

 

เหยียนเค่อบ่นอีกแน่นอน

 

 

“สบายใจเถอะค่ะ ฉันจะดูแลพี่ซย่าเอง” เสี่ยวฝูเอ๋อร์จงใจยั่วโมโหเหยียนเค่อ ทั้งๆ ที่ชอบพี่ซย่าแท้ๆ แต่กลับไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้วพากลับมาให้พี่ซย่าต้องโมโหอีก ผู้ชายนี่มันเลวจริงๆ!

 

 

ฉินซื่อหลานพยักหน้า “งั้นเธอดูแลเขาดีๆ นะ พวกเราเข้าไปกันก่อน”

 

 

เหยียนเค่อสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วขมวดคิ้ว เดินตามหลังฉินซื่อหลานเข้าไปในโรงพยาบาล

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชูนิ้วกลางลับหลังเหยียนเค่ออย่างรังเกียจ แต่คนด้านหน้าเดินไปสองก้าวกลับหันและเดินกลับมาทางนี้ ก่อนจะโยนเสื้อกันลมของผู้ชายที่พาดไว้ที่แขนคลุมลงบนหัวของซย่าเสี่ยวมั่ว จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป

 

 

ฉินซื่อหลานมองภาพนั้นแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก เบลล์ก็เบือนหน้าหนีทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

 

 

กว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะดึงเสื้อผ้าลงมาได้ เขาคนนั้นก็เดินลับหายไปเสียแล้ว

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เหม่อมองทั้งสามคนที่เดินออกไปไกล ก่อนจะพึมพำ “พี่เหยียนเท่เกินไปแล้ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วขบฟัน “เอาเสื้อให้ดีๆ ไม่ได้หรือไง เอามาให้ฉันแล้วฉันก็ต้องซักอีก!” จากนั้นก็พูดไปพลางหยิบเสื้อมาสวม

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เบือนสายตากลับมา พี่เหยียนพูดถูก พี่ซย่าก็มีเวลาที่ลีลาเรื่องมากเหมือนกัน…ผู้หญิงนี่นะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปากไม่ตรงกับใจแท้ๆ เลย

 

 

บนเสื้อคลุมกันลมนั้นมีกลิ่นที่คุ้นเคย ตำแหน่งที่ตอนแรกพาดอยู่บนแขนของเหยียนเค่อทำให้ยังมีความอบอุ่นจากตัวเขาหลงเหลืออยู่

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ในความอบอุ่นเช่นนี้ ดูท่าทุกการกระทำของผู้ชายคนนี้คงจะเป็นสิ่งที่ชีวิตนี้เธอก็หลบหลีกหนีไปไม่พ้น ในเมื่อหนีไม่พ้นแล้ว งั้นก็จงพอใจกับปัจจุบันก็แล้วกัน