บทที่ 1814+1815

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1814 บทลงโทษของเขา 4

ตี้ฝูอีลูบผมเธอ “อย่ารีบร้อนไป ข้าเพิ่งได้วัตถุดิบมา ยังต้องตัดเย็บเป็นอาภรณ์อีก รออีกหนึ่งชั่วยามเถอะ”

กู้ซีจิ่วสนใจใคร่รู้ “วัตถุดิบใด?”

ตี้ฝูอีก็ไม่ปิดบังเธอ “หนังคุน”

กู้ซีจิ่วตาโตแล้ว “คุนจากคุนเผิง[1]น่ะหรือ?”

“ถูกต้อง หนังคุนกันไฟได้ ขอเพียงเจ้าสวมมันไว้ จะเข้าสู่แดนเพลิงพุทธะอย่างไรก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

คุนเผิงสยายปีกกว้างเก้าหมื่นลี้ คุนคือสัตว์วิเศษ และเป็นเจ้าแห่งท้องสมุทร ทักษะตามธรรมชาติน่าตกตะลึง เมื่อคุนพิโรธสามารถก่อคลื่นพายุสูงพันจั้งได้ ทำให้ทั้งแผ่นดินจมลงไปได้…

สัตว์วิเศษในตำนานชนิดนี้ กู้ซีจิ่วก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ยังไม่เคยเห็น และไม่เคยคิดจะไปยุแหย่ดูสักตัวเลยด้วย

นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ตี้ฝูถลกหนังมันมาได้แล้ว!

ขณะที่ตี้ฝูอีพูด ก็คลี่กางวัตถุดิบนั้นด้วย แผ่นหนังสีครามนภาให้สัมผัสนุ่มลื่นดุจแพรต้วน สีสันสดใส ถึงขั้นที่ว่าเมื่อสะบัดกางแล้วมีแสงสีรุ้งทอประกายออกมาด้วย

ในตำนานเล่าไว้ว่าหนังของคุนไม่เพียงแต่สามารถป้องกันคมศาสตราวุธได้เท่านั้น ยังทนทานต่อความเสียหายที่เกิดจากวิชาอาคมด้วย ลงน้ำไม่จม ลุยไฟไม่ไหม้ หากตัดเย็บเป็นอาภรณ์ จะกลายเป็นยอดอาภรณ์ล้ำค่าอันดับหนึ่งของโลกนี้!

กู้ซีจิ่วมองวัตถุดิบจากนั้นก็มองดูเขา “ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”

ตี้ฝูอีเลิกแขนเสื้อขึ้น ให้เธอมองรอยแผลกรีดตื้นๆ รอยหนึ่งบนแขน “อืม ถูกครีบหางมันกรีดนิดหน่อย ได้เลือดเลย”

แผลกรีดนั้นตื้นยิ่งนัก ตื้นจนเป็นเพียงการกรีดหนังกำพร้าเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าคนผู้นี้กลับแสดงออกมาอย่างคล้ายจะขอความดีความชอบ!

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย เพียงแต่เธอก็โล่งอกเช่นกัน ล้วงยาสมานแผลออกมาทาให้เขา เอ่ยถามเขา “เจ็บหรือไม่?”

ตี้ฝูอีเอนกายซบร่างเธอ ยกมือข้างที่เป็นแผลไปจ่อที่ริมปากเธอ เอ่ยตอบอย่างปวกเปียกยิ่งนักประโยคหนึ่ง “เจ็บ! มาสิ เป่าให้ข้าหน่อย…”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

เจ้าคนผู้นี้เริ่มแอ๊บแบ๊วอีกแล้ว!

“เอาเถอะๆ หนังคุนผืนนี้ท่านวางแผนจะให้ใครเป็นผู้ตัดเย็บล่ะ? เวลาของพวกเราถี่กระชั้น ต้องรีบส่งมอบให้ผู้อื่นทำ” กู้ซีจิ่วครุ่นคิดเรื่องแผนงาน

ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ “หนังคุนป้องกันคมศาสตราวุธได้ บนโลกนี้ไม่มีเข็มใดที่สามารถปักมันเข้า และไม่มีกรรไกรใดที่สามารถตัดมันได้”

กู้ซีจิ่วเบิกตากว้าง “หา? เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า? ให้ข้าห่มไปเช่นนี้เลยหรือ?”

ตี้ฝูอีส่ายหน้า “วัตถุดิบดีๆ เช่นนี้ให้เจ้าห่มไปเลยจะน่าเกลียดมากไปหน่อยกระมัง? เสียของเปล่าๆ! ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะลงมือตัดเย็บเอง”

ครั้งนี้กู้ซีจิ่วโง่งมไปแล้วจริงๆ “ท่านตัดเย็บอาภรณ์เป็นด้วยหรือ?”

เจ้าคนผู้นี้เย็บปักถักร้อยได้ด้วยหรือ?

ตี้ฝูอีเอ่ยตอบ “เดิมทีก็ไม่เป็น แต่สามารถเรียนรู้เพื่อเจ้าได้”

กู้ซีจิ่วอบอุ่นหัวใจ เจ้าคนผู้นี้พอพูดจาหวานๆ ขึ้นมาก็หวานเสียจนคนต้องร้องขอชีวิต

เดิมทีตี้ฝูอีคิดไปจะทำเองลำพัง แต่กู้ซีจิ่วต้องการติดตามไปดูด้วย

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตัดเย็บอาภรณ์ด้วยตัวเองพบเห็นได้ยากเย็นเหลือเกิน! เธอจะต้องไปมุงดู!

ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดก็ซีจิ่วจึงได้เห็นตี้ฝูอีทำงานเย็บปักถักร้อย…

ว่ากันตามจริงแล้ว เขาก็ไม่นับว่าทำงานเย็บปักถักร้อย ในมือเขาไม่มีกรรไกรและไม่มีเข็มเย็บผ้า เขาใช้เวทวิชาตัดและเย็บเข้าทรง…

ยามที่หญิงงามก้มหน้าเย็บปักถักร้อย จะสง่างามอ่อนหวาน

แต่พอตี้ฝูอีเย็บปักถักร้อย ท่วงท่ากลับสำราญผ่อนคลาย ราวกับกำลังร่ายรำกระบี่อยู่ กู้ซีจิ่วมองจนโง่งมไปแล้ว!

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดอาภรณ์ชุดหนึ่งก็ออกจากเตาแล้ว

กู้ซีจิ่วย่อมลองสวมดูทันที สีสันของอาภรณ์ดั่งนภาครามยามฝนซา ถึงแม้รูปแบบจะเรียบง่าย แต่กลับพอดีตัวอย่างยิ่ง กระโปรงพลิ้วไหว ดูมีกลิ่นอายความเป็นเซียนยิ่งกว่าชุดที่เธอสวมในยามปกติเสียอีก

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ อาภรณ์ชุดนี้เมื่อสวมใส่แล้วสบายยิ่งนัก เรียบลื่นดุจผ้าไหม มีความเย็นอยู่ในตัว แถมยังระบายอากาศได้ดีด้วย

อาภรณ์ชุดนี้มีหมวกคลุมด้วย หลังจากสวมใส่แล้ว สามารถคลุมทั้งร่างได้มิดชิด ไม่เผยเนื้อหนังออกมาเลยสักชุ่น

———————————————————————-

บทที่ 1815 บทลงโทษของเขา 5

อาภรณ์ชุดนี้มีหมวกคลุมด้วย หลังจากสวมใส่แล้ว สามารถคลุมทั้งร่างได้มิดชิด ไม่เผยเนื้อหนังออกมาเลยสักชุ่น

กู้ซีจิ่วหมุนอยู่รอบหนึ่งแล้วเอ่ยถามเขา “อาภรณ์ชุดนี้พอดีตัวจริงๆ ท่านไม่ได้วัดตัวข้าเสียหน่อย ทำไมถึงรู้สัดส่วนของข้าล่ะ?”

ตี้ฝูอียิ้มมิเชิงยิ้มมองนางแวบหนึ่ง “เกรงว่าข้าจะคุ้นเคยกับสัดส่วนของร่างกายเจ้ายิ่งกว่าตัวเจ้าเองเสียอีก!”

กู้ซีจิ่วกระแอมคราหนึ่ง เอาเถิด!

ดูเหมือนเธอจะถามคำถามโง่งมออกไป

เพื่อทดสอบความทนไฟของวัสดุนี้ ตี้ฝูอีจุดไฟบนตัวนาง

เปลวเพลิงลุกโชนร้อนแรงรอบกายเธอ ทว่าเธออยู่ด้านในกลับไม่มีความรู้สึกร้อนแม้แต่นิดเดียว

อาภรณ์นี้ทนไฟได้เหนือธรรมดาจริงๆ!

กู้ซีจิ่วกล่าว “ข้าว่าหากสวมใส่อาภรณ์นี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เคล็ดคาถากันไฟหรอก”

ตี้ฝูอีส่ายหน้า “เปลวไฟในแดนเพลิงพุทธะไม่ใช่เปลวไฟทั่วไป ยังคงจำเป็นต้องชำนาญการใช้เคล็ดคาถากันไฟ”

เห็นได้ชัดว่าไม่ง่ายเลยที่เขาจะใช้วิชาทำอาภรณ์ชุดนี้ออกมา ใบหน้าอันหล่อเหลาค่อนข้างซีดขาว

กู้ซีจิ่วเกรงว่าเขาจะเหนื่อยล้า จึงดึงรั้งแขนเขาในทันที “ท่านไปพักผ่อนเถิด”

ซ้ำยังถือโอกาสจับชีพจรเขาคราหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะที่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากเกินไปอยู่บ้าง แต่กลับไม่มีความผิดปกติอะไร

ตี้ฝูอีแทบอยากจะพาดอยู่บนกายนาง “ได้ เจ้าไปเป็นเพื่อนข้า พักผ่อนเป็นเพื่อนข้า…”

กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา

ในความเป็นจริง กู้ซีจิ่วประคองเขากลับไปที่ห้องจริง แต่ไม่ได้พักผ่อนด้วยกันกับเขา

ภายในแววตาของคนผู้นี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามีแผนการชั่วร้าย เธอไม่มีทางหลงกลเขาเด็ดขาด

อีกอย่างเธอกลัวว่าหากตัวเองอยู่เป็นเพื่อนเขาจะทำให้เขา ‘ยิ่งพักผ่อนยิ่งเหนื่อยล้า’ สิ่งที่เขาต้องการคือการพักผ่อนที่แท้จริง

ดังนั้นเธอส่งเขากลับห้องแล้วจึงหาเหตุผลปลีกตัววิ่งหนีไป

ตี้ฝูอีนั่งกลั้นหัวเราะอยู่ข้างเตียง มองดูเบื้องหลังของนางที่วิ่งจากไป เพียงแต่รอยยิ้มนี้เพิ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากก็พลันจางหาย…

จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด หยาดเหงื่อรินไหลลงตามหน้าผาก

เขาเปิดสาบเสื้อออก เผยให้เห็นบาดแผลเหวอะหวะบาดแผลหนึ่งใต้ซี่โครง เป็นบาดแผลฉกรรจ์ ลึกจนเห็นกระดูก เคราะห์ดีที่เขาจัดการไว้ก่อนได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นโลหิตที่ไหลรินจะทำให้นางขวัญเสียได้!

ก่อนหน้านี้เขาใช้วิชาบดบังบาดแผลนั้นเอาไว้ และบดบังกลิ่นคาวโลหิตบนร่างกายเขาไว้ด้วย

ยามนี้เขาคลายวิชาออก ทำให้มันปรากฏขึ้นมาอย่างแท้จริง

เขาเปลี่ยนยาด้วยตัวเอง จากนั้นใช้วิชาบดบังเอาไว้อีกครั้ง

หากเป็นเมื่อก่อน ถึงแม้บาดแผลนี้จะสาหัส แต่ด้วยสมรรถภาพร่างกายของเขาบาดแผลจะสมานได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม ทว่าบัดนี้ไม่ได้แล้ว ช่วงเวลาของความเสื่อมถอยทั้งห้ามาถึงแล้วจริงๆ…

ความสามารถในการสมานแผลก็เปลี่ยนแปลงไปเหมือนคนธรรมดาแล้ว

เขาไปหาเรื่องคุน เดิมทีควรจะปิดยันต์ถ่ายทอดเสียง ทว่าเขาเกรงว่านางจะเป็นกังวล จึงเปิดยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ใช้ติดต่อกับนางไว้ตลอด

ตอนที่นางติดต่อเขามา เขาเพิ่งได้ครอบครองหนังคุน ยังไม่ทันได้รักษาบาดแผล

ตอนนั้นมู่เตี้ยนช่วยใส่ยาให้เขาทั้งน้ำตาอาบใบหน้า เขากลับรับสายยันต์ถ่ายทอดเสียงพูดคุยเล่นกับกู้ซีจิ่วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สุ้มเสียงปกติ แทบไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย…

ตกดึก กู้ซีจิ่วจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟ ปิ้งย่างของมากมายด้วยตัวเอง

สิ่งของเหล่านั้นย่อมเปี่ยมด้วยพลังวิญญาณ ไม่เพียงแต่รสชาติดี อีกทั้งยังเพิ่มพูนพลังวิญญาณได้อีกด้วย ตี้ฝูอีนั่งกินอยู่ตรงนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหอยยักษ์กล้าโกรธเคืองแต่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย มันรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอาหารของตัวเองถูกแย่งไปแล้ว!

เคราะห์ดีที่ครั้งนี้กู้ซีจิ่วย่างของจำนวนมาก ทำให้ทุกคนได้กินกันจนหนำใจ

หลังจากงานเลี้ยงรอบกองไฟ กู้ซีจิ่วปัดเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ เวลากระชั้นนัก ข้าควรไปแล้ว”

——————————————————————–

[1] คุนเผิง เป็นสัตว์วิเศษในตำนานของจีน แรกเริ่มจะเป็นพญามัจฉาตัวมโหฬารนามว่าคุน เมื่อผ่านไปหนึ่งหมื่นปีจะกลายร่างเป็นพญาวิหคนามว่าเผิง โผบินจากท้องทะเลขึ้นสู่เวหา นิยมเรียกรวมกันว่าคุนเผิง