ตอนที่ 475: คนเดียวแบกสาม!

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 475: คนเดียวแบกสาม!

 

เริ่นเหลียงเฉินและเหลิงหู่พากันปีนขึ้นไปอย่างดุดัน อี้เทียนหยุนก็ไล่ตามหลังพวกเขาไปอย่างช้าๆ พร้อมกับดูดกลืนพลังงานสีดำที่นี้ไปด้วย อย่างรวดเร็ว หยางจื้อเหวินก็ได้สติ ก่อนหน้านี้เขาหน้ามืดจนหมดสติไป หลังจากได้พักนิดหน่อย เขาก็ได้ตื่นขึ้นมา

 

เพิ่งจะตื่น เขาก็พบว่าตัวเองได้ถูกอี้เทียนหยุนมัดไว้อยู่ พร้อมกับถูกอี้เทียนหยุนพาไต่ขึ้นไปทีละน้อย ดูราวกับกำลังมีท่าทางลำบากแสนสาหัส

 

“น้องอี้ เจ้าทำอะไร รีบปล่อยข้าเร็ว…. หากเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวข้าก็จะกลายเป็นฝ่ายฉุดเจ้าลงไปด้วยหรอก!” หลังจากหยางจื้อเหวินได้สติ เขาก็พลันตะโกนออกมาเสียงดัง

 

“ท่านพักอยู่เงียบๆ ไปเถอะ เอาไว้ฟื้นตัวดีแล้วค่อยกลับมาปีนใหม่” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส “เราจะปีนกันครั้งเดียว ไม่มีครั้งที่สองอีก”

 

คำพูดของอี้เทียนหยุนไม่เพียงแต่เขย่าคลอนพวกเขาเท่านั้น แต่ยังสั่นสะเทือนพวกที่อยู่ข้างล่างอีกด้วย จะผ่านในครั้งเดียวอย่างงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่คำกล่าวของคนโง่หรือไง?

 

นานแล้วที่พวกเขาไม่เห็นใครผ่านไปได้ในครั้งเดียว มีเพียงแต่สุดยอดผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แบบนี้ถึงจะมีโอกาสผ่านในครั้งเดียว แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนนั้นจะมีพลังระดับวิญญาณเที่ยงแท้ หากว่าเขามีพลังระดับนั้นจริง ทำไมยังต้องวิ่งไปยังโลกวิญญาณด้วย อยู่เป็นผู้ปกครองที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ?

 

“ข้าได้ฟังไม่ผิดใช่ไหม? พวกเขาบอกว่าจะผ่านในครั้งเดียว?”

 

“เจ้าฟังไม่ผิดหรอก เจ้าหนูนั่นบอกว่าจะผ่านในครั้งเดียว คิดว่าสังหารคนแค่ไม่กี่คน ก็คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากอย่างงั้นเหรอ?”

 

“จับตาเอาไว้ พวกเราจะรอดูพวกเขาขายหน้า ผ่านในครั้งเดียวอย่างงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”

 

พวกเขาพากันดูถูก คิดว่าเรื่องที่พวกเขายังทำไม่ได้ อี้เทียนหยุนก็ไม่มีทางทำสำเร็จเช่นกัน หากฝืน คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่

 

“น้องอี้…..”

 

เริ่นเหลียงเฉินกับพวกพากันรู้สึกมั่นใจไปด้วยกันกับอี้เทียนหยุน พวกเขาคิดว่าคำพูดของอี้เทียนหยุนนั้นให้ความรู้สึกเข้มแข็งอย่างมาก ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นใจตัวเองเพิ่มขึ้น

 

จากนั้น พวกเขาก็เพิ่มพลังขึ้นไปอีก พร้อมกับไต่ขึ้นไป อย่างรวดเร็ว เหลิงหู่ก็เริ่มที่จะไม่ไหวแล้ว แม้ว่าที่นี่จำเป็นต้องใช้ทักษะเพื่อผ่าน แต่ก็ต้องมีระดับเพียงพอที่จะสนับสนุนด้วย ดังนั้น หยางจื้อเหวินจึงทนไม่ไหวเป็นคนแรก และก็ตามมาด้วยเหลิงหู่

 

หากไร้ซึ่งทักษะ ระดับจึงเป็นพลังที่ดีที่สุด

 

“ฮึ่ม…..”

 

เหลิงหู่แค่นเสียงออกมา มือทั้งสองไม่สามารถเกาะหน้าผาได้อีก พร้อมกับหล่นลงพื้น ยังไงก็ตาม อี้เทียนหยุนก็ได้ใช้เชือกรัดร่างเขาเอาไว้ จากนั้นก็ดึงเขาขึ้นมา พร้อมกับมัดเขาไว้ติดกับตัว

 

ในตอนนี้ พลังงานสีดำก็ไหลทะลักเข้ามาเพิ่มอีกเท่าตัว หมายความว่ามันได้เพิ่มจากช่วงแรกอีกหลายเท่า! ทำให้การดูดกลืนของเขาได้มาถึงขีดจำกัดในพริบตา

 

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 90,000, 95,000, 100,000…..”

 

โดยไร้ซึ่งโหมดคลั่งหมวดค่าประสบการณ์ การที่ตัวเลขขึ้นมาถึงระดับนี้ พูดได้ว่ามาถึงขีดจำกัดแล้ว ขีดจำกัดที่ว่าก็คือขีดจำกัดในการดูดกลืนของเคล็ดวิชากลืนสวรรค์ แต่ว่าเขายังมีเคล็ดวิชาเขมือบสวรรค์อยู่ ซึ่งทั้งสองวิชาสามารถใช้ร่วมกันได้

 

ส่วนเคล็ดวิชาเทพอุดรทมิฬนั้นแน่นอนว่าไม่สามารถใช้ร่วมกันได้

 

“เคล็ดวิชาเขมือบสวรรค์ เปิด!”

 

หลังจากเปิดใช้งานเคล็ดวิชาเขมือบสวรรค์ พลังดูดกลืนของเขาก็พลันเพิ่มขึ้นในทันที แต่ค่าประสบการณ์ที่ได้นั้นไม่เพิ่มขึ้น แต่กลับเปลี่ยนมาเป็นความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาแทน ภายใต้สภาวะนี้ ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาก พร้อมกับเริ่มทำการไต่ขึ้นไปต่อ

 

ยิ่งปีนขึ้นไปสูงเท่าไหร่ พลังงานที่ได้รับก็ยิ่งมากเป็นเท่าทวี สร้างความลำบากให้กับผู้ปีนอย่างมาก

 

ซึ่งฉากนี้ก็ได้ตกอยู่ในสายตาของผู้คน ทำให้พวกเขาต่างก็พากันตกใจ แค่แบกคนเดียวก็ไม่น่าจะไหวแล้ว แต่ตอนนี้กลับแบกพร้อมกันถึงสองคน!

 

“ไม่เกินสิบจ้าง เข้าจะต้องตกลงมาอย่างแน่นอน! เล่นแบกคนขึ้นไปสองคนแบบนี้ หาที่ตายชัดๆ!”

 

ลงเอยด้วยพวกเขาพากันลงความเห็นว่าอี้เทียนหยุนจะต้องทนได้อีกไม่นาน

 

“น้องอี้ เจ้า….”

 

“พักเถอะ ตั้งใจพักไป ไว้มีแรงเมื่อไหร่ค่อยพูดอีกที ตอนนี้ต้องรีบพักฟื้นก่อน จากนี้ข้าจะพาพวกท่านไต่ขึ้นไปเอง!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา

 

หยางจื้อเหวินและเหลิงหู่ไม่พูดอะไร แต่ในสายตากลับมากไปด้วยความมุ่งมั่น พร้อมกับหยิบเม็ดยายัดใส่ปาก เริ่มทำการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เป็นอย่างที่อี้เทียนหยุนพูด เอาไว้มีแรงแล้วค่อยว่าก่อน ตอนนี้ต้องรีบพักฟื้นก่อน!

 

เริ่นเหลียงเฉินเหลือบมองลงมาตรงนี้ จากนั้นก็กัดฟันปีนขึ้นไปต่อ เขาหวังว่าพลังของตนจะพาเขาขึ้นไปได้จนสุด ปีนขึ้นไปทีละน้อย อี้เทียนหยุนก็ไต่ตามหลังเขามาช้าๆ เช่นกัน การปีนช้าๆ ของอี้เทียนหยุนนี้ เหมือนกับเป็นคนคุ้มกันเขาอย่างไงอย่างงั้น

 

“ข้ารู้สึกดีแล้ว สามารถปีนต่อได้!” หยางจื้อเหวินคิดว่าตนฟื้นฟูพอแล้ว จึงวางแผนว่าจะกลับไปปีนต่อ

 

อี้เทียนหยุนไม่พูดมาก เขาพยักหน้า เป็นความหมายว่าหยางจื้อเหวินสามารถปีนต่อได้

 

ร่างของหยางจื้อเหวินกระพริบวาบ มือเกาะเข้าที่ผนังผา พร้อมกับพลังงานที่ปะทะเข้ากับร่าง ทำให้เขาแทบเผลอปล่อยมือ ยังไงก็ตาม เขาก็ได้ทำการสะกดพลังงานสีดำนี้เอาไว้ พร้อมกับไต่ขึ้นไปต่อ

 

แม้ว่าจะไม่สามารถทนได้นานนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของอี้เทียนหยุน

 

หลังจากหยางจื้อเหวินกลับไปปีนต่อ แรงกดดันที่มีต่ออี้เทียนหยุนก็ลดลงมาก เมื่อปล่อยเขาไป ต่อให้ปีนต่อ ก็ไม่มีทางที่พลังงานจะเกินไปกว่าที่เขาจะรับไหว

 

อย่างรวดเร็ว เหลิงหู่ก็ฟื้นตัวเช่นกัน โดยไม่เอ่ยปาก เขาก็พุ่งตัวออกไป พร้อมกับเริ่มปีนต่อ เขาไม่พูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เพราะคำพูดไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการกระทำต่างหาก

 

“ฮึ่ม….” ในที่สุดเริ่นเหลียงเฉินก็ทนไม่ไหว หล่นลงมาจากอากาศ จากนั้นก็ถูกอี้เทียนหยุนใช้เชือกดึงเอาไว้ พร้อมกับร่างที่ห้อยต่องแต่ง

 

ตอนนี้เขารับหน้าที่แบกคนทั้งสาม ตราบเท่าที่อีกสองคนทนไม่ไหว เขาก็จะเป็นคนรับหน้าที่แบกทั้งสามคนอย่างแท้จริง

 

และเหตุการณ์นี้ก็ทนไปได้ไม่นาน เพราะยิ่งสูง แรงกดดันก็ยิ่งมาก ดังนั้น หยางจื้อเหวินจึงทนไม่ไหวอีกครั้ง พร้อมกับปล่อยมือร่วงลงมาก และก็ถูกอี้เทียนหยุนแขวนร่างเอาไว้

 

เหลิงหู่ก็เช่นกัน หลังจากตกลงมาก็ได้ถูกอีกเทียนหยุนมัดร่างห้อยต่องแต่งปีนตามเขาขึ้นมาเช่นกัน

 

ในตอนนี้ ทั้งสามคนต่างก็ถูกอี้เทียนหยุนฉุดลาก เนื่องจากมาถึงขีดจำกัด พวกเขาถือว่าเยี่ยมมาก สามารถปีนด้วยตัวเองได้ถึงระยะ 60-70 จ้าง ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว เทียบกับระดับผันแปรวิญญาณทั้งหลายที่ดูอยู่ ถือว่าดีกว่ามาก!

 

“เอาล่ะ ต่อไปก็ตาข้า” อี้เทียนหยุนปีนขึ้นไปด้วยความเร็วไม่เร็วไม่ช้า ไต่ขึ้นไปทีละจ้างอย่างต่อเนื่อง

 

ภายตาสายตาที่เหม่อมองอย่างตกตะลึงของทุกคน อี้เทียนหยุนในตอนนี้กำลังแบกคนทั้งสามปีนขึ้นไป ยิ่งกว่านั้น ความเร็วยังไม่ตกลงอีกด้วย ซึ่งนี่ทำให้พวกเขาได้แต่มองอย่างตกใจ โดยเฉพาะท่าทางที่เหมือนกับทำเรื่องง่ายๆ ของเขา ยิ่งทำให้พวกเขาแทบกระอัก

 

“นี่มันอะไรกัน เขาสามารถแบกคนสามคนปีนขึ้นไปได้จริงๆ?”

 

“เป็นไปไม่ได้ เขาปีนขึ้นไปได้จริงๆ?”

 

“ข้าอยากเป็นสหายกับเขา แล้วถูกดึงขึ้นไปแบบนั้นจริงๆ….”

 

ในใจพวกเขาต่างก็ตกตะลึงถึงขีดสุด โดยเฉพาะลู่เฟิง เขาคิดว่าอี้เทียนหยุนนั้นโง่และไม่เห็นหัวใคร แต่แท้จริงแล้ว คนที่โง่และไม่เห็นหัวใครจริงๆ แล้วกลับเป็นพวกเขาเอง!

 

พวกเขานั้น แม้แต่จะคิดยังไม่กล้า แต่อี้เทียนหยุนกลับท้าทายด้วยการแบกคนถึงสามคนขึ้นไปจริงๆ?