ตอนที่ 476: ผ่านในครั้งเดียว!

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 476: ผ่านในครั้งเดียว!

 

อี้เทียนหยุนเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไม่ได้ให้เป็นไปได้! ความเร็วของเขายังคงไม่เร็วไม่ช้า แต่ก็สามารถระงับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมาจากการแบกคนทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับระเบิดขึ้นมา!

 

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 160,000, 170,000, 200,000….”

 

“เปิดใช้งานโหมดคลั่งหมวดค่าประสบการณ์!”

 

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 3.2 ล้าน, 3.4 ล้าน, 3.6 ล้าน!”

 

อี้เทียนหยุนไม่พลาดโอกาส พร้อมกับเปิดใช้งานโหมดคลั่งหมวดค่าประสบการณ์ออกมาในทันที สามารถทำให้ค่าประสบการณ์ที่ได้ในแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านกว่าอย่างนี้ ทำไมเขาจะไม่ทำล่ะ? นี่เทียบได้กับการสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่มีของตกลงมา

 

ยังไงก็ตาม ด้วยระดับที่เพิ่มขึ้น ต่อให้เขาจะสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ ของที่ตกลงมาก็น้อยอยู่ดี ก่อนหน้านี้กระทั่งของระดับหายากยังตกลงมาง่ายๆ แต่ตอนนี้กลับหายากซะเหลือเกิน ดูเหมือนว่าเพราะระดับที่เพิ่มขึ้น ทำให้ของที่ได้รับจากระดับผันแปรวิญญาณลดต่ำลง จึงไม่ตกออกมา

 

แม้ค่าประสบการณ์จะระเบิดออกมา แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันของเขา ไม่สามารถดูดกลืนได้โดยสมบูรณ์ เมื่อรวมเขาเข้าไปด้วยก็เป็นสี่คน ทำให้ผลลัพธ์ของมันแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นพลังงานส่วนเกินจึงได้ถูกเปลวเพลิงใต้พิภพในร่างของเขาดูดกลืนไปแทน!

 

“ค่าประสบการณ์ของเปลวเพลิงใต้พิภพเพิ่มขึ้น 500, 600, 700…..”

 

ค่าประสบการณ์ที่ได้รับมาถึงขีดจำกัด ที่เหลือจึงเปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์ของเปลวเพลิงใต้พิภพไป! ภายใต้พลังงานมหาศาลที่เข้ามาในร่างอย่างต่อเนื่อง การที่เปลวเพลิงใต้พิภพจะเลื่อนระดับ ดูแล้วคงอีกไม่นาน หากได้ดูดกลืนอยู่ที่นี่สักระยะ เขาจะต้องเลื่อนระดับได้สำเร็จอย่างแน่นอน

 

“ดี ดี…..” อี้เทียนหยุนมีความสุขอย่างมาก ไม่คิดว่าพลังงานสีดำที่โถมเข้ามานี้จะเป็นยาชูกำลังชั้นยอด

 

ผลของฉายาผู้ส่งวิญญาณสำหรับที่นี่ถือว่าไร้ประโยชน์ เนื่องเพราะตัวเขาเป็นคนสัมผัสมันเอง ดังนั้นพลังงานสีดำนี้จึงเข้ามาในร่างของเขาได้ ทำให้ผลของฉายาต้องล้มเหลวไป

 

แต่ว่าเป็นอย่างนี้ก็ดี ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่ได้รับค่าประสบการณ์ที่มหาศาลขนาดนี้

 

เขายังคงรุดหน้าราวกับพายุ พริบตาก็ขึ้นไปในระยะ 80 จ้าง กระทั่ง 90 จ้างก็ไม่มีปัญหา ตลอดทาง คนทั้งสามต่างก็ไม่ได้แตะผนังผาเลยแม้แต่น้อย แต่เวลาพักนั้นแสนสั้น ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลานี้ทำการขับไล่ไอดำออกจากร่างไป

 

นี่ทำให้คนที่มองอยู่ มองราวกับพวกเขาเป็นภาระ ไม่อย่างนั้น อี้เทียนหยุนคงจะสบายกว่านี้อย่างแน่นอน

 

ต่อให้ไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าประสบการณ์ อี้เทียนหยุนก็ต้องช่วยพวกเขาอยู่แล้ว เพราะเขาคิดว่าพวกเขาทั้งสามค่อนข้างโดดเด่น มีความสามารถเหนือกว่าคนทั้งหลาย ไหนจะจิตใจที่ไม่ย่อท้ออีก

 

เขาไม่มีทางทิ้งพวกเขา หรือจะให้พวกเขาค่อยๆ ไต่ขึ้นมาอย่างช้าๆ อย่างงั้นเหรอ? เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะสำเร็จ ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ดังนั้นจึงต้องรีบ

 

“นี่ ไปถึงระยะ 90 จ้างแล้ว แบกคนสามคนขึ้นไปได้สูงขนาดนี้ นี่มันจะน่าสะพรึงเกินไปหรือเปล่า?”

 

“ช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ หากเป็นอย่างนี้ต่อไป จะต้องไปถึงเมฆดำได้อย่างแน่นอน…..”

 

“ไปถึงเมฆดำโดยที่แบกคนสามคนขึ้นไปด้วย เจ้าหนูนี่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

 

พวกเขามีความขุ่นแค้นกับอี้เทียนหยุน ดังนั้นจึงคิดว่าโอกาสได้มาถึงแล้ว ตราบเท่าที่ถูกเมฆดำกลืนเข้าไป ต่อให้ไม่ตาย ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นสติกลับคืนมา

 

และในจังหวะนี้ พวกเขาก็จะมีเวลาเหลือเฟือที่จะจัดการกับอี้เทียนหยุน

 

“ลู่เฟิง ขอเตือนเจ้า ทางที่ดีอย่าได้เข้ามาสอด!”

 

พูดจบ ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณสามคนก็เดินไปคอยที่ข้างล่างหน้าผา เมื่ออี้เทียนหยุนถูกเมฆดำกลืนเข้าไป พริบตานั้นพวกเขาจะทำการโจมตีอีกฝ่ายในทันที!

 

สายตาของลู่เฟิงเป็นประกาย เหมือนในใจมีแผนไว้อยู่แล้ว ตราบเท่าที่อี้เทียนหยุนตกลงมา เขาจะรีบเข้าไปช่วยในทันที

 

ในตอนนี้ อี้เทียนหยุนก็ได้หยุดลง พร้อมกับมองลงไปข้างล่าง จากนั้นก็พูดกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อพวกเจ้าต้องการชีวิตข้า งั้นก็รับไป!”

 

“โคลน!”

 

อึดใจต่อมา ร่างโคลนทั้งสามก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้น ร่างโคลนทั้งสามก็วาดเท้าเข้าใส่ทั้งสามคนนั้นอย่างรุนแรง ไม่ว่าใครก็ไม่ทันตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้

 

หลังจากที่ร่างโคลนทั้งสามตกลงมา ก็พลันกระแทกเท้าใส่ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณทั้งสามอย่างรวดเร็ว จนร่างของทั้งสามกระเด็นไป พร้อมกับตายในทันที! ร่างโคลนทั้งสามมองไปยังรอบๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา ต้องการดูว่าใครยังเป็นศัตรู และต้องการรอซ้ำคนที่ตกลงมาอีก

 

พวกเขาพากันตกใจในทันที ทั้งสามนี้เหมือนกับอี้เทียนหยุนอย่างกับแกะ คิดว่าเป็นภาพลวงตา แต่ใครจะรู้ว่ากลับเป็นตัวจริง! เพียงกระบวนท่าเดียวก็สังหารพวกเขาทั้งสามทิ้ง พลังนี้พลันสะกดผู้คนได้สมบูรณ์อีกครั้ง

 

“สวรรค์ นี่มันวิชาอะไรกัน ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้?”

 

“ร่างโคลนสามร่าง แต่กลับมีพลังเหมือนตัวจริง! หากว่าถูกโจมตี จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“โชคดีที่ข้าไม่ได้เข้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นคงตายไปแล้ว ร้ายกาจเหลือเกิน….. น่ากลัวว่าเขาคงมีระดับวิญญาณเที่ยงแท้จริงๆ?”

 

ในใจพวกเขารู้สึกแตกตื่น คิดจะลงมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ที่เป็นระดับที่พวกเขาได้แต่เฝ้าฝันถึง แค่คิดในใจก็รู้สึกหนาวสั่น บางที อี้เทียนหยุนอาจจะมีระดับวิญญาณเที่ยงแท้จริงๆ ก็ได้!

 

โดยที่ไม่สนใจสถานการณ์ด้านล่าง อี้เทียนหยุนยังคงปีนขึ้นไปต่อ ภายใต้การไต่ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพียงลมหายใจเดียวก็ขึ้นไปถึงที่ที่เมฆดำอยู่ และอย่างรวดเร็ว เมฆดำก็ได้ไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทะลวงเข้าไปในร่างกายเขา

 

แต่ในขณะที่กำลังจะเจาะเข้ามานั้น ฉายาผู้ส่งวิญญาณของเขาก็ได้ป้องกันเอาไว้ ทำให้เมฆดำนั้นไม่สามารถบุกรุกเข้ามาในร่างของเขาได้ แม้เมฆดำนี้จะทรงพลังมาก แต่ก็ไม่อาจผ่านฉายาผู้ส่งวิญญาณของเขาได้! ทำให้ถูกขับไล่ออกไปอยู่ดี ตราบเท่าที่เขาไม่เป็นฝ่ายดูดเข้ามาเอง เมฆดำนี้ก็จะถูกฉายาป้องกันไว้ ทำให้ไม่สามารถบุกเข้ามาได้

 

อี้เทียนหยุนปรายตามอง แล้วก็ไม่สนใจเมฆดำนี้อีก ทั้งยังไม่มีวิธีปิดฉายานี้ด้วย เขาเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี หากไม่ได้แบกทั้งสามคนขึ้นมา เขาอาจจะลองทำดูก็ได้

 

แต่ตอนนี้ต่างออกไป ดังนั้นจึงไม่กล้าดูดเมฆดำนี้ตามใจ ทำได้เพียงปล่อยให้ฉายาผู้ส่งวิญญาณนี้ขับไล่เมฆดำให้อยู่ข้างนอกต่อไป

 

เหตุการณ์ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างพากันมองมาด้วยสีหน้าตกใจ ยามพวกเขาไปถึง เมฆดำจะเข้ามาโจมตีในทันที แต่พอเป็นอี้เทียนหยุน เมฆดำกลับหลบไปอีกด้านแทน ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกใจได้จริงๆ

 

แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าแม้แต่เมฆดำเองก็กลัวเขาด้วย?

 

“ทำไมเมฆดำนี้ถึงใช้การไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

“แปลกมาก ทำไมดูแล้วเหมือนเมฆดำกำลังหลบเขาเลย หรือว่าแม้แต่เมฆดำเองก็กลัวเขาด้วย?”

 

พวกเขาพากันตกใจ จะดีจะร้าย พวกเขาเองก็มีประสบการณ์ผ่านพายุใหญ่มาแล้ว เรื่องที่เกิดในวันนี้นั้น น่ากลัวว่าจะน่าตกใจกว่าหลายๆ เรื่องที่พวกเขาเจอมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก นี่ช่างคิดไม่ถึงจริงๆ ในขณะที่ทุกคนต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่อี้เทียนหยุนกลับไม่เป็นอะไร แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้ยังไง?

 

ส่วนเริ่นเหลียงเฉินกับพวก เนื่องจากว่าไม่ได้ปีนด้วยตัวเอง ทำให้พลังงานสีดำไม่ได้รุกล้ำเข้ามาในร่างอีก ปล่อยให้อี้เทียนหยุนเป็นฝ่ายรับแทน และก็แน่นอน ภายใต้ฉายาที่มีอยู่ ต่อให้พลังจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี แต่ก็ถูกป้องกันให้อยู่ด้านนอกตามเดิม

 

ภายใต้สายตาตกตะลึงของพวกเขา ภายในลมหายใจเดียว ร่างของอี้เทียนหยุนก็ได้หายไปจากสายตาของทุกคน

 

พวกเขาพากันมองขึ้นไปบนฟ้าเป็นเวลานาน จากนั้นก็ขยี้ตา ไม่กล้าเชื่อว่าจะมีคนผ่านสำเร็จได้ในครั้งแรกจริงๆ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการแบกคนสามคนขึ้นไปด้วย!

 

ในตอนนี้พวกเขาต่างก็มีความคิดเดียวกัน ทำไมพวกเขาถึงไม่มีสหายแบบนี้บ้าง?