ตอนที่ 326 เจ็บทะลุถึงก้นบึ้งหัวใจ / ตอนที่ 327 ฝันเห็นซือเหยี่ยน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 326 เจ็บทะลุถึงก้นบึ้งหัวใจ 

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งบนเก้าอี้พับในสวนดอกไม้อยู่นานมาก ยกข้างทั้งสองข้างขึ้นนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง 

 

 

           มีลมพัดผ่านเรือนผมของเขาตลอดเวลา พัดกระพือทรงผมสั้นสีดำของเขา 

 

 

           ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทรงผมจากเดิมที่สั้นมากยาวจนไม่รู้ว่ายาวไปถึงหลังหูตอนไหนแล้ว โอนอ่อนตามลมแนบชิดข้างหู 

 

 

           ลมอ่อนๆ โชยมา ทรงผมสั้นพลิ้วไหวตามกระแสลม ปกคลุมคิ้วและตาอยู่เรื่อยๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งอยู่ตรงนั้น อารมณ์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าสงบนิ่งอย่างไม่เคยเจอมาก่อน 

 

 

           เวลาผ่านมานานแล้ว เขาขยับขาทั้งสองข้างที่เกิดอาการชาพอสมควร ลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้นมา 

 

 

           เดินจากสวนดอกไม้ถึงหน้าประตูคฤหาสน์อีกครั้ง เจียงมู่เฉินใช้มือผลักเปิดประตูเหล็กบานหนาและหนัก 

 

 

           เสี้ยวเวลานั้น ราวกับเปิดกล่องปริศนาของแพนโดรา[1]อย่างไรอย่างนั้น ความทรงจำมากมายที่ถูกปิดผนึกไว้พรั่งพรูออกมาทั้งหมดเพียงชั่วพริบเดียว 

 

 

           เจียงมู่เฉินยืนอยู่หน้าทางเข้า มองดูคฤหาสน์อันว่างเปล่า ไม่มีอะไรแตกต่างจากวันนั้นที่พวกเขาออกจากที่นี่เลย 

 

 

           แม้กระทั่งการจัดวางสิ่งของก็ยังคงเป็นแบบของวันนั้น 

 

 

           คิดดูแล้วหลังจากพวกเขาจากไป ที่นี่ก็ไม่มีคนมาเข้ามาพักอีก 

 

 

           เจียงมู่เฉินหยุดลงสักพัก ยกเท้าก้าวเดินเข้าไป จากห้องรับแขกไปยังห้องครัว แล้วขึ้นไปห้องนอนชั้นบน 

 

 

           ทุกๆ ที่ยังคงเหลือร่องรอยการใช้ชีวิตของเขากับซือเหยี่ยน 

 

 

           ทันใดที่เจียงมู่เฉินใจลอย ในหัวก็มีเสียงมากมายดังก้องขึ้นมา 

 

 

           ในห้องครัว “คุณต้องการจีบผมไม่ใช่เหรอ ทำไมแค่ผูกผ้ากันเปื้อนก็ไม่ยอมทำให้” 

 

 

           ตอนเป็นไข้ “เจียงมู่เฉิน คุณอายุเท่าไหร่แล้วยังกลัวการกินยาอยู่อีก” 

 

 

           ในไนต์คลับ ทั้งสองคนโอบกอดท่ามกลางผู้คนมากมาย 

 

 

           “คุณล่ะ กลัวไหม” 

 

 

“คุณชายอย่างฉันเคยกลัวที่ไหนกัน”  

 

 

“ในเมื่อคุณชายเจียงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ผมจะต้องกลัวอะไรอีก ถึงยังไงมีคุณชายเจียงอยู่ในมือ อย่างมากก็แค่ลากคุณลงนรกไปด้วยกันเท่านั้นเอง” 

 

 

ยังมีที่เขาไม่รู้จักยางอายย่องเข้าไปในห้องซือเหยี่ยนกลางดึกอีก 

 

 

“ซือเหยี่ยน” 

 

 

“อืม” 

 

 

“นายอยากจะคบกับฉันไหม” 

 

 

“ได้” 

 

 

เจียงมู่เฉินทำให้ตัวเองเจ็บปวดเมื่อหวนคิดถึงทุกสิ่งในตอนนั้น ทุกอย่างไม่ขาดแม้เพียงแต่จุดเดียว ทั้งหมดดังสะท้อนอยู่ในหัว 

 

 

เขาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง 

 

 

‘อยากจะลืมซือเหยี่ยนยากเกินไปแล้ว’ 

 

 

ชีวิตของเขา ทุกอย่างของเขาถูกซือเหยี่ยนเติมเต็มทีละนิดๆ มาตั้งแต่แรกแล้ว 

 

 

จนกระทั่งตอนนี้อยากจะแกะซือเหยี่ยนออกจากใจทีละนิดๆ ก็ยังไม่วายเจ็บปวดรวดร้าวอย่างนี้ 

 

 

เจียงมู่เฉินหลับตาลง เดินไปถึงในห้องของซือเหยี่ยน 

 

 

เขายื่นมือไปเปิดประตู หน้าต่างเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ลมพัดผ่านผ้าม่าน ครึ่งล่างของผ้าม่านสีเทากำลังปลิวไสวอยู่กลางอากาศ 

 

 

เจียงมู่เฉินปล่อยมือ ให้ประตูเปิดกว้าง 

 

 

เขาเดินเข้าไปทีละก้าวๆ นั่งลงที่ฝั่งหนึ่งของเตียง ปลายนิ้วลูบผ้าปูเตียงอย่างเบามือ 

 

 

สัมผัสที่ปลายนิ้ว ทำให้หัวใจเจียงมู่เฉินบีบรัดตัวแน่น ปลายนิ้วอดจะสั่นระรัวไม่ได้ 

 

 

เขาหลับตาลงเอนตัวลงนอนที่ฝั่งหนึ่งของเตียงอย่างช้าๆ เขาตะแคงข้าง งอตัวเล็กน้อย 

 

 

เวลาผ่านไปนานแล้ว เจียงมู่เฉินลืมตามองอีกฝั่งหนึ่งของเตียง 

 

 

เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น ซือเหยี่ยนก็นอนอยู่ข้างเขา เขาเชิดมุมปากขึ้นเรียกเขา “เฉินเฉิน” 

 

 

ขอบตาเจียงมู่เฉินเจ็บแปลบ เพียงชั่วครู่ก็แดงขึ้นมา 

 

 

เขาขยับมืออยากจะเข้าไปลูบใบหน้าของซือเหยี่ยน แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นที่จะสัมผัสถึงได้ ซือเหยี่ยนก็สลายหายไปกับตาทันที 

 

 

หัวใจเจียงมู่เฉินบีบรัดตัวแน่น หายใจไม่ค่อยออก 

 

 

เขากำมือแน่นอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดทำให้ร่างกายขดตัวโดยไม่ตั้งใจ 

 

 

ไม่รู้นอนไปนานเท่าไหร่ เจียงมู่เฉินสะลึมสะลือจนหลับไป 

 

 

เจียงมู่เฉินรู้สึกตัวเองเหมือนฝันไป ในฝันมีคนเดินเข้ามาในห้อง ทีละก้าวๆ จนถึงด้านข้างของเขา นั่งลงอยู่ข้างกายเขา 

 

 

เขาก้มหัวลงคล้ายกับว่าจะจูบตัวเอง 

 

 

สัมผัสบางเบา แต่กลับสมจริงเหลือเกิน 

 

 

เจียงมู่เฉินอยากลืมตาขึ้น แต่เปลือกตากลับหนักอึ้ง ยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น 

 

 

ท่ามกลางความสะลึมสะลือ มีคนเอ่ยเสียงต่ำเรียกชื่อเขาอยู่ที่ข้างหู 

 

 

เสียงนั้นอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เจียงมู่เฉินเจ็บแปลบที่ปลายจมูกทรมานทีเดียว เจียงมู่เฉินในฝันขอบตาแดงก่ำ น้ำตาไหลหลั่งรดรินลงมา 

 

 

 

 

 

[1] กล่องปริศนาของแพนโดรา มาจากตำนานของ “แพนโดรา” (Pandora) เป็นสตรีนางแรกบนโลกมนุษย์และเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวบนโลก ผู้ซึ่งเปิดกล่องที่บรรจุความชั่วร้ายนานาซึ่งทำให้จิตใจของมนุษย์ไม่บริสุทธิ์ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 327 ฝันเห็นซือเหยี่ยน 

 

 

           ก่อนที่น้ำตาจะร่วงหล่นเข้าสู่เรือนผมสีดำ มีคนยื่นมือมาเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่หางตาอย่างเบามือและอ่อนโยน 

 

 

           เขาได้ยินเสียงถอนหายใจเลือนลาง 

 

 

           จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ริมฝีปาก มีคนก้มหัวลงมาจูบเขา 

 

 

           รอยจูบนี้ประทับอยู่เนิ่นนาน คนคนนั้นถึงได้ยืนขึ้นจากข้างกายเขา เขาไม่ได้จากไปในทันที แต่อยู่ข้างเตียงมองเขาอยู่นานแสนนาน แล้วค่อยๆ เดินห่างออกไปทีละก้าวๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยายามลืมตาขึ้น แต่กลับเห็นแค่เพียงเงาของแผ่นหลังที่เลือนราง 

 

 

           ‘แผ่นหลังนั้น… 

 

 

           …คือซือเหยี่ยน…’ 

 

 

           เจียงมู่เฉินจนใจยิ้มอย่างขื่นขม ตกลงแล้วเขาชอบซือเหยี่ยนมากสักแค่ไหนกัน แม้แต่หลับไปแค่ตื่นเดียวก็ยังฝันถึงซือเหยี่ยนได้ 

 

 

           แผ่นหลังนั้นค่อยๆ มลายหายไป เจียงมู่เฉินหนังตาหนักอึ้ง เข้าสู่นิทราไปทั้งอย่างนั้น 

 

 

           …… 

 

 

           กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็เป็นสีดำแล้ว เจียงมู่เฉินลืมตาขึ้น 

 

 

           เขาเห็นคฤหาสน์อันมืดมิด ยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองเท่าไหร่นัก 

 

 

           เวลาผ่านไปนานแล้ว เขายื่นมือไปเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง แสงสว่างแผ่ปกคลุมไปทั้งห้อง ในห้องมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น 

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมือขึ้นมาวางที่ริมฝีปาก สัมผัสอุ่นร้อนทำให้เขาเผลอคิดถึงรอยประทับจูบในฝันโดยไม่ได้ตั้งใจ 

 

 

           เขารู้สึกว่าตัวเองช่างหมกมุ่นจริงๆ 

 

 

           คิดไม่ถึงว่านอนหลับยังฝันเห็นซือเหยี่ยนจูบตัวเองได้ เขาถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ ลุกขึ้นยืนจากเตียง 

 

 

           เขายืนเท้าเปล่าอยู่บนพื้น เดินออกจากห้องนอนลงไปชั้นล่าง 

 

 

           ตั้งแต่ออกมาตอนเช้า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ 

 

 

           เขาลงไปถึงชั้นหนึ่งก็พบว่ามีเสียงดังจากในครัว เจียงมู่เฉินชะงักงัน เหมือนคิดถึงอะไรได้ ก็รีบพุ่งตัวเข้าไป 

 

 

           เขายืนอยู่หน้าห้องครัว เห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ข้างในนั้น ในใจพังทลายลง 

 

 

           เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นเขาเชื่อว่าเป็นซือเหยี่ยนที่กลับมาแล้ว 

 

 

           เจียงมู่เฉินฝืนยิ้ม เป็นเขาที่คิดมากไปเอง ซือเหยี่ยนจะกลับมาได้ยังไง 

 

 

           “คุณผู้ชาย ตื่นแล้วเหรอครับ” จู่ๆ คนที่ทำอาหารอยู่ข้างในก็เอ่ยปากออกมา 

 

 

           เจียงมู่เฉินกดเก็บความเจ็บปวดในใจ เขามองดูคนข้างใน ในใจรู้สึกแปลกไม่เบา “นายคือ?” 

 

 

           “กระผมคือพ่อบ้านของที่นี่ สกุลหลินครับ” 

 

 

           “นายอยู่ที่นี่ได้ยังไง” 

 

 

           “คุณผู้ชายบอกว่าคุณเจียงจะมา ให้กระผมเตรียมอาหารค่ำให้คุณเจียงครับ” เสียงต่ำของพ่อบ้านหลินเอ่ยชี้แจง 

 

 

           เจียงมู่เฉินตื่นตกใจ จะมีคนรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ยังเรียกตัวพ่อบ้านมาทำกับข้าวให้เขาอีก 

 

 

           คำตอบในใจของเขาเหมือนเดินออกมาจากความจริง คนที่รู้จักที่นี่ก็มีเพียงแค่ซือเหยี่ยนคนเดียว  

 

 

           ‘หรือว่าจะเป็นซือเหยี่ยน…’ 

 

 

           “พ่อบ้านหลิน…คุณผู้ชายคนนั้นชื่อว่าอะไร” เจียงมู่เฉินเอ่ยถามเสียงต่ำ 

 

 

           พ่อบ้านหลินตอบไปตรงๆ ด้วยท่าทางนบนอบโดยไม่ได้ลังเล “เขาบอกกับผมว่าสกุลซังครับ”  

 

 

           เจียงมู่เฉินตะลึงงัน ค่อยๆ กำนิ้วมืออย่างช้าๆ คุณผู้ชายสกุลซัง ข้างกายเขามีอยู่คนหนึ่งพอดี 

 

 

           เมื่อครู่เขายังคิดว่าซือเหยี่ยนรู้ว่าเขามาที่นี่ ถึงได้เรียกตัวพ่อบ้านหลินมา 

 

 

           เจียงมู่เฉินขานรับด้วยจิตใจที่หดหู่ เสียกำลังใจเดินไปยังห้องรับแขก 

 

 

           เพราะตอนบ่ายฝันไปแบบนี้ ฝันเห็นซือเหยี่ยนจูบตัวเอง ดังนั้นนาทีที่พ่อบ้านหลินปรากฏตัวขึ้น ก็เชื่อไปว่าซือเหยี่ยนรู้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงได้ให้เขาเข้ามา 

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกเสียดแทงใจ 

 

 

           ซือเหยี่ยนมีซูเตอร์ แถมยังจัดการตัววุ่นวายอย่างตัวเองพ้นทางได้แล้ว เวลานี้คงจะกำลังอยู่ดีมีสุขจนลืมทุกอย่าง จะมามีเวลาไหนมาห่วงเขา 

 

 

           ถ้าซือเหยี่ยนห่วงเขาแม้เพียงสักนิดจริงๆ ระหว่างพวกเขาก็จะไม่ได้เดินทางกันมาถึงขั้นที่เป็นอย่างในวันนี้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินนึกถึงซังจิ่ง ซังจิ่งคงจะไม่วางใจตัวเอง ถึงได้ตามเขามาถึงที่นี่ ยังเรียกตัวพ่อบ้านของที่นี่มาดูแลเขาอีก 

 

 

           เจียงมู่เฉินหยิบมือถือออกมา อยากจะโทรหาซังจิ่งขอบคุณเขา 

 

 

           “คุณเจียงครับ อาหารเสร็จแล้วครับ” 

 

 

           เวลานี้พ่อบ้านหลินเดินเข้ามาเรียกเขาไปกินอาหารเย็นพอดี 

 

 

           เจียงมู่เฉินหยุดลงครู่หนึ่ง ปิดหน้าจอมือถือลง ตัดสินใจรอพรุ่งนี้ เจอหน้ากันค่อยขอบคุณซังจิ่งแล้วกัน