ตอนที่ 328 ฉันเลิกกับเขาแล้ว / ตอนที่ 329 ติดกับดัก

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 328 ฉันเลิกกับเขาแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินไปยังห้องอาหาร ทั้งหมดบนโต๊ะคืออาหารที่เขาชอบกิน คิดดูแล้วก็คือผลงานชิ้นโบว์แดงของซังจิ่งด้วยเช่นกัน

 

 

           เขาถอนหายใจเล็กน้อย ซังจิ่งคิดกับเขายังไงเขาเองก็รู้ เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้จะตอบรับซังจิ่งยังไงจริงๆ

 

 

           ถึงแม้เขาจะมีปมกับซือเหยี่ยนใหญ่ขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะตามกลับมาจากคนอื่น

 

 

           ซังจิ่งดีกับเขา แต่เขาก็ไม่รักซังจิ่ง

 

 

           เขาไม่สามารถเอาความดีของซังจิ่งไปตอบรับซังจิ่งได้

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ อย่างมากก็แค่ต่อไปมองเขาดีขึ้นหน่อยก็แล้วกัน เป็นคนรักไม่ไหว งั้นเป็นเพื่อนกันก็ได้

 

 

           หลงัจากเจียงมู่เฉินกินเสร็จ พ่อบ้านหลินเก็บกวาดของสักพักหนึ่ง ก็ออกจากคฤหาสน์ไป

 

 

           คฤหาสน์หลังใหญ่โตเหลือเพียงแค่เจียงมู่เฉินคนเดียว

 

 

           เขาค่อยๆ เดินไปยังด้านนอกนั่งบนเก้าอี้ชมพระจันทร์บนท้องฟ้า ไม่รู้ว่ามือถือดังขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เจียงมู่เฉินหยิบมือถือออกมา คิดไม่ถึงว่าจะคือมั่วไป๋

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบรับสายทันที

 

 

           “ไป๋ไป๋…”

 

 

           เมื่อเขาเอ่ยปาก ปลายสายก็ผ่อนลมหายใจทันที “ในที่สุดนายก็รับสายสักที”

 

 

           “ขอโทษนะ สองสามวันนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง ไม่ได้เปิดมือถือเลย”

 

 

           ซูเตอร์ริบมือถือเขาไป แล้วพอออกมาได้ ก็ไม่รู้ว่าไปทำหายที่ไหน จนวันนี้ตอนเช้าออกจากโรงพยาบาลมา ถึงได้เพิ่งซื้อมือถือใหม่

 

 

           “นายจะกลับมาตอนไหน”

 

 

           “จะกลับพรุ่งนี้ตอนเช้า”

 

 

           มั่วไป๋โล่งอกไปที “งั้นโอเค รอนายกลับมาค่อยว่ากัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินเคลือบแคลง จับสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างได้ “เป็นไรไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

           มั่วไป๋ลังเลสักพัก “ฟู่เหยี่ยน คนที่คราวก่อนนายให้สืบเรื่องของเขา”

 

 

           “อืม เขาเป็นอะไรเหรอ” เขานึกถึงตอนที่อยู่คฤหาสน์ของฟู่เหยี่ยนขึ้นมาได้ ตัวเองให้มั่วไป๋ช่วยตรวจเบื้องลึกเบื้องหลังของฟู่เหยี่ยน

 

 

           “เขาค่อนข้างซับซ้อน พูดสั้นๆ รวบรัดไม่ชัดเจนหรอก ถึงยังไงนายจำไว้ระวังเขาด้วย ส่วนรายละเอียดรอกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “โอเค งั้นเจอกันวันมะรืน”

 

 

           “อืม งั้นนายทำธุระนายต่อเถอะ” มั่วไป๋พูดจบก็เตรียมจะวางสาย

 

 

           “ไป๋ไป๋…” เจียงมู่เฉินเอ่ยเรียกเสียงต่ำ

 

 

           “มีอะไรเหรอ”

 

 

           “ระหว่างนายกับไป๋จิ่ง…เป็นยังไงกันบ้าง” เขายังจำได้ ตอนที่ติดต่อกันอยู่ที่คฤหาสน์ของฟู่เหยี่ยน เหมือนว่าเขากับไป๋จิ่งจะเกิดปัญหากันแล้ว

 

 

           มั่วไป๋เงียบไม่พูดจา ไม่ได้ตอบกลับในทันที

 

 

           กั้นกันแค่มือถือ เจียงมู่เฉินก็จับสังเกตท่าทีตอบสนองของมั่วไป๋ที่ไม่ค่อยปกติได้

 

 

           “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เขาถามอย่างร้อนใจ

 

 

           มั่วไป๋อ้าปากพูดอย่างยากลำบาก “ไม่มีอะไร ฉันเลิกกับเขาแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินยังอยากถามต่อ แต่มั่วไป๋กลับไม่มีคำตอบให้อีก

 

 

           “คุยกันแค่นี้ก่อนนะ ฉันจะวางสายแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตกลง ปล่อยให้มั่วไป๋วางสายไป

 

 

           เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมตอนที่เขาไม่อยู่ช่วงเวลานี้ มั่วไป๋ก็เลิกกับไป๋จิ่งแล้ว

 

 

           เมื่อจะไปตอนนั้น พวกเขายังดีๆ กันอยู่ชัดๆ

 

 

           ‘หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น’

 

 

           ……

 

 

           หลังจากมั่วไป๋วางสายไปแล้ว ถึงได้ลงมาจากเตียง เขายืนเท้าเปล่าอยู่หน้าหน้าต่าง ยื่นมือไปเปิดผ้าม่าน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างวาบ

 

 

           เขาก้มมองดูข้างนอก ไม่มีรถที่คุ้นเคยคันนั้นอยู่อีกเช่นเคย

 

 

           หัวใจเจ็บกระตุกเล็กน้อย มั่วไป๋คิด เขายอมแพ้จริงๆ แล้วสินะ

 

 

           ต่อไปไป๋จิ่งก็น่าจะไม่มาปรากฏตัวอีกแล้ว

 

 

           เขาต้องการจุดจบแบบนี้ชัดๆ แล้วตอนนี้เป็นไปตามแผนทั้งหมดของเขาแล้ว

 

 

           ทำให้ไป๋จิ่งเจ็บปวดสาหัส เอาความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนั้นแก้แค้นคืนให้เขา

 

 

           เขาควรจะดีใจถึงจะถูก สิ่งที่ปรารถนามานานหลายปี ในที่สุดก็เป็นจริงก่อน

 

 

           แต่…

 

 

           เขาไม่รู้สึกถึงความสุขเลยสักนิด หลังจากที่เห็นไป๋จิ่งเดินจากไป เหมือนหัวใจว่างเปล่า เกิดหลุมขนาดใหญ่ ไม่มีทางจะเติมเต็มได้อีก

 

 

           มั่วไป๋จนใจยิ้มอย่างขมขื่น นี่คือสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ

 

 

           เขาสมควรจะได้รับมัน

 

 

 

 

ตอนที่ 329 ติดกับดัก

 

 

           นอนไม่หลับทั้งคืน เบิกตารอมาตลอดจนฟ้าสว่าง จนถึงตอนเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่าๆ เจียงมู่เฉินถึงได้ขยับร่างกายที่ค่อนข้างแข็งทื่อของเขา

 

 

           เขายืนอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ แล้วเปลี่ยนชุดนอนจากในตู้เสื้อผ้า

 

 

           พ่อบ้านหลินอยู่ในห้องครัวที่ชั้นล่างอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินหยุดลงสักพัก ก่อนเดินเข้าไป “ลำบากนายแล้ว”

 

 

           พ่อบ้านหลินยกยิ้ม “สมควรอยู่แล้วครับ อาหารเช้าของคุณเจียงเสร็จแล้ว กินอาหารเช้าก่อนเถอะครับ”  

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้าเข้าไปนั่ง กินไปด้วย พลางคุยกับพ่อบ้านหลินไปด้วย “ฉันกินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็จะออกไปเลย”

 

 

           “ต้องการให้กระผมเรียกรถไปส่งคุณไหมครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองก็ได้แล้ว”

 

 

           พ่อบ้านหลินได้ยินเข้าพูดแบบนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก พยักหน้าตอบรับ “ครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินกินเสร็จก็เดินขึ้นชั้นบนไป หยิบเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ไว้ในเครื่องอบแห้งออกมา เตรียมตัวเปลี่ยนชุดออกจากที่นี่

 

 

           เมื่อเขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่กำลังสวมเสื้อเชิ้ตก็หยุดชะงักไปกะทันหัน

 

 

           เขาถอดเสื้อเชิ้ตออก พินิจมองตัวเองในกระจกอย่างละเอียด

 

 

           คอเขามีรอยแดงจ้ำหนึ่ง เจียงมู่เฉินจ้องมองรอยแดงนั้นอย่างละเอียด ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

 

 

           ก่อนที่เขาจะมา อยู่ที่นี่เขาไม่ได้มีรอยใดใด ทำไมจู่ๆ ถึงมีรอยนี้โผล่มาอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ยได้

 

 

           ทันใดนั้นเจียงมู่เฉินก็คิดถึงความฝันเมื่อวาน นัยน์ตาฉายแวว…

 

 

           ……

 

 

           หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เจียงมู่เฉินก็ออกจากคฤหาสน์ไป เขาเรียกรถไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเขาเดินถึงหน้าประตูก็อดจะหันกลับมามองแวบหนึ่งไม่ได้

 

 

           มองดูโดยละเอียดอีกครั้ง เจียงมู่เฉินถึงได้นั่งออกไป

 

 

           จากหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก มีคนคนหนึ่งจับตาดูตามเงาของเจียงมู่เฉินไม่ห่างอยู่ตลอด

 

 

           จนกระทั่งหลังจากที่เขาออกไปแล้ว พ่อบ้านหลินถึงได้หยิบมือถือออกมาโทรรายงาน

 

 

           “ประธานซือครับ คุณชายเจียงออกไปแล้วครับ”

 

 

           “ดี” เขาหยุดสักพักก่อนถามต่อ “เขาไม่ได้สงสัยหรอกใช่ไหม”

 

 

           “คุณวางใจได้ครับ กระผมทำตามที่คุณกำชับไว้ บอกว่าซังจิ่งแล้วครับ”

 

 

           เวลานี้เองซือเหยี่ยนถึงได้วางใจ “ดี ลำบากนายแล้ว”

 

 

           พ่อบ้านหลินลังเลสับสนอยู่ครู่หนึ่ง “ประธานซือครับ มีบางอย่าง กระผมไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือเปล่า”

 

 

           “เรื่องอะไร”

 

 

           “สองวันมานี้คุณชายเจียงเหมือนจะมีเรื่องในใจ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาอยู่ตลอด อารมณ์ก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ครับ”

 

 

           มือซือเหยี่ยนที่ถือมือถืออยู่กำแน่นโดยไม่ตั้งใจ เขาเค้นคำออกมาอย่างยากลำบาก “อืม ฉันรู้แล้ว”

 

 

           หลังจากวางสายไป แววตาล้ำลึกของซือเหยี่ยนฉายสะท้อนความเจ็บขึ้นมาวาบหนึ่ง

 

 

           ‘รอเดี๋ยวก่อน…’

 

 

           เขาใกล้จะไปหาเจียงมู่เฉินได้แล้ว

 

 

           ……

 

 

           นั่งรถออกจากคฤหาสน์ไปได้ไม่ถึงสิบนาที จู่ๆ รถก็หยุดกะทันหัน

 

 

           “ขออภัยครับคุณ รถเสียกะทันหัน ตอนนี้น่าจะยังไปไม่ไหวครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า ลงจากรถไป

 

 

           ด้านข้างมีรถคันหนึ่งขับผ่านมาจอดพอดี “ต้องการให้ช่วยหรือเปล่า”

 

 

           คนขับรถเห็นก็รีบเอ่ยทันที “คุณคนนี้ต้องการจะไปเขตเมือง รถผมจอดเสียพอดี”

 

 

           “ผมเองก็จะไปพอดี ผมถือโอกาสนี้พาคุณไปด้วยเลย?”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูเวลา ใกล้จะถึงเวลาที่นัดกับซังจิ่งแล้ว เขาลังเลอยู่ไม่นานก็ขึ้นรถไปทันที

 

 

           “โอเค งั้นรบกวนนายแล้ว”

 

 

           รถขับเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ อีกครั้ง ผ่านไปไม่กี่นาที เจียงมู่เฉินได้กลิ่นแปลกๆ ขึ้นมา

 

 

           เขาขมวดคิ้วรู้สึกมีอะไรไม่ค่อยชอบมาพากล เพิ่งจะเตรียมเอ่ยปาก ทั้งร่างก็หมดสติไปทันที

 

 

           คนขับรถที่อยู่ด้านหน้าเห็นเจียงมู่เฉินเป็นลมไปแล้ว แววตาประกายรอยยิ้ม ฤทธิ์ยาอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาจำเป็นต้องรีบพาตัวคนไป

 

 

           รถที่มีเจียงมู่เฉินอยู่เปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน มุ่งหน้าขับไปอีกเส้นทางหนึ่ง

 

 

           หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถมาจอดข้างเครื่องบินส่วนตัว

 

 

           “คุณชายฟู่ครับ พาตัวคนมาได้แล้วครับ”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนเดินมายังข้างตัวรถ เห็นเจียงมู่เฉินที่กำลังสลบไสลอยู่ข้างรถ ก็ช้อนร่างอุ้มเขาออกมา