ตอนที่ 330 เมื่อคนจากไป ที่ทางก็ว่างเปล่า / ตอนที่ 331 โดนลักพาตัวไปอีกแล้ว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 330 เมื่อคนจากไป ที่ทางก็ว่างเปล่า

 

 

           เจ้าแมวป่าน้อยที่วิ่งหนีไปตั้งนานขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะกลับคืนสู่เจ้าของเดิมที่ถูกต้อง กลับไปสู่ที่ที่ควรกลับได้เสียที

 

 

           เขาอุ้มเจียงมู่เฉินขึ้นมาบนเครื่องบิน เพียงไม่นานเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเคลื่อนตัวออกจากที่นั่นไป

 

 

           บนเครื่องบิน เจียงมู่เฉินผู้ไม่ได้สติเอนซบอยู่ในอ้อมอกของฟู่เหยี่ยน

 

 

           ฟู่เหยี่ยนก้มหัวลงมองเจียงมู่เฉิน ยกมือขึ้นเกลี่ยผมที่ปกแก้มเขา

 

 

           ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายพาตัวคนไปเอง เกรงว่าเจ้าแมวป่าน้อยตัวนี้จะหนีไปในที่ที่เขาตามจับไม่ได้อีก

 

 

           เพียงแต่น่าเสียดาย ชั่วชีวิตนี้เจียงมู่เฉินมีชะตากรรมที่หนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของเขาไปได้

 

 

           ห้าปีก่อนเคราะห์ดีที่ให้เขาหนีไปได้ แต่วันนี้เขาจะไม่เดินซ้ำรอยเดิมอีก

 

 

           เขาลูบไล้ใบหน้าของเจียงมู่เฉินอย่างเบามือ ความอยากเอาชนะแฝงในแววตา

 

 

           ……

 

 

           ซังจิ่งรอเจียงมู่เฉินอยู่ที่คฤหาสน์ แต่กลับรอแล้วไม่เจอสักที

 

 

           เขาโทรหาเจียงมู่เฉินด้วยจิตใจที่กระสับกระส่าย

 

 

           แต่กลับไม่มีคนรับสายอยู่ตลอด ซังจิ่งค่อนข้างร้อนใจ คิดว่าซูเตอร์ลักพาตัวเจียงมู่เฉินไปอีก พรวดพราดไปแก๊งมังกรครามโดยไม่คิดสักนิด

 

 

           ครั้งก่อนซังจิ่งมาก่อความอึกทึกวุ่นวาย คนข้างในส่วนใหญ่จึงรู้จักซังจิ่งกันทั้งหมด

 

 

           เมื่อเห็นเขามาอีกครั้ง ก็รีบรายงานซูเตอร์ทันที

 

 

           ซูเตอร์ออกมาจากด้านใน เห็นซังจิ่งยืนอยู่หน้าประตูคนเดียว ก็เอ่ยเสียงเย็น “นายมาอีกทำไม”

 

 

           “คุณจับตัวเจียงมู่เฉินไปใช่ไหม”

 

 

           ซูเตอร์ยิ้มเยาะ “คนหายไปอีกแล้ว? ครั้งนี้ฉันไม่ได้ลงมือสักหน่อย อย่าแบบพอหายตัวไป ก็เอาแต่โทษฉันอยู่เรื่อยสิ”

 

 

           “ไม่ใช่คุณจริงๆ เหรอ”

 

 

           “วันนั้นฉันปล่อยให้เขาพ้นสายตาฉันไปได้ แล้วจำเป็นต้องจับมาอีกหรือไง” ซูเตอร์เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบขี้หน้าเจียงมู่เฉิน ก็ไม่ถึงขนาดจะมาเปลืองสมองกับเขามากขนาดนี้อยู่ได้ตลอดนะ”

 

 

           “ถ้าฉันเป็นนาย สู้จะคิดดีกว่า ว่าเขาได้ไปทำผิดกับคนอื่น ถูกศัตรูคนอื่นจับตัวไปแล้วหรือเปล่า”

 

 

           ซังจิ่งนัยน์ตาประกายวาบ คนอื่น…

 

 

           ‘ถ้าไม่ใช่ซูเตอร์เป็นคนทำจริงๆ ถ้างั้นก็มีเพียงแค่…’

 

 

           “ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณไม่ได้ทำอะไรเจียงมู่เฉินจริงๆ ใช่ไหม”

 

 

           ข้างๆ มีคนทนดูไม่ได้แล้ว “คุณชายน้อยของพวกเราสองสามวันมานี้ไม่ได้ออกไปไหนเลย จะมีเวลาว่างอะไรมาอยากจับคนของนายได้ที่ไหนกัน”

 

 

           ซังจิ่งสังเกตมองสีหน้าอารมณ์ของซูเตอร์อย่างละเอียด เห็นเขามีท่าทียืนยันว่าไม่ได้ทำเรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้โกหกเลยสักนิด

 

 

           “รอผมสืบออกมาก่อนเถอะ ถ้าเป็นคุณจับตัวเจียงมู่เฉินไป ผมต้องมาคิดบัญชีกับคุณแน่!”

 

 

           ซังจิ่งทิ้งทวนด้วยประโยคนี้ แล้วรีบขับรถออกไป

 

 

           เขาลุกลี้ลุกลนในใจ ถ้าไม่ใช่ซูเตอร์ เช่นนั้นก็มีได้เพียงแค่ฟู่เหยี่ยน

 

 

           หรือว่าฟู่เหยี่ยนจะรู้ว่าเขาแอบตัดสินใจลับหลัง จะพาตัวเจียงมู่เฉินกลับถานโจววันนี้ ดังนั้นถึงได้ลงมือทันที?

 

 

           ซังจิ่งยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน รีบเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ของฟู่เหยี่ยน

 

 

           ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ซังจิ่งรีบมาถึงที่คฤหาสน์ ประตูบานใหญ่ข้างในปิดสนิท ไม่มีคนอยู่แล้ว

 

 

           ถึงเวลาตอนนี้ ซังจิ่งถึงได้เข้าใจ เจียงมู่เฉินถูกฟู่เหยี่ยนเอาตัวไปจริงๆ

 

 

           เพราะกลัวเขาจะไปก่อกวน จึงออกจากคฤหาสน์ไปทั้งอย่างนี้

 

 

           ซังจิ่งทุบพวงมาลัยด้วยความคับแค้นใจอย่างหนัก ต้องโทษเขาคนเดียว ถ้าเขาไม่พาเจียงมู่เฉินไปส่งให้ฟู่เหยี่ยนถึงที่ ตอนนี้เจียงมู่เฉินก็จะไม่ถูกฟู่เหยี่ยนพาตัวไปได้

 

 

           อิทธิพลอำนาจของฟู่เหยี่ยน ซังจิ่งต้องเข้าใจเป็นธรรมดา

 

 

           ด้วยความสามารถของเขาไม่พอจะยื้อแย่งกับฟู่เหยี่ยนอยู่แล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าฟู่เหยี่ยนพาตัวคนไปไว้ที่ไหน

 

 

           อยากจะหาตำแหน่งของฟู่เหยี่ยน มันคือความยากซ้อนความยากยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

           หาฟู่เหยี่ยนไม่เจอ แล้วจะช่วยชีวิตเจียงมู่เฉินได้อย่างไร

 

 

           เพียงชั่วพริบตานั้น ซังจิ่งใจพังครืน ด้วยอิทธิพลอำนาจของฟู่เหยี่ยน อยากจะซุกซ่อนปกปิดข่าวคราวของเจียงมู่เฉินนั้นง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

 

 

           เขารีบขับรถออกไปทันที

 

 

           ต่อให้กำลังที่มีจะห่างชั้นกัน แต่เขาก็อยากพยายามหาเจียงมู่เฉินเจอ

 

 

           ถ้าไม่อย่างนั้นคนใจอำมหิตมือเ**้ยมโหดอย่างฟู่เหยี่ยนคนเดียว ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่ทำร้ายเจียงมู่เฉิน

 

 

           ฟู่เหยี่ยนคือผู้ว่าจ้างของเขา และภารกิจของเขาก็คือการพาเจียงมู่เฉินไปส่งให้ฟู่เหยี่ยนถึงที่

 

 

           

 

 

          ตอนที่ 331 โดนลักพาตัวไปอีกแล้ว

 

 

           ถ้าไม่ใช่เพราะเขารักเจียงมู่เฉินเข้าแล้ว เขาก็ปฏิบัติภารกิจให้เสร็จโดยสมบูรณ์แล้ว

 

 

           แต่ตอนนี้ สำหรับเขาแล้วเจียงมู่เฉินไม่ใช่เป้าหมายในภารกิจ แต่เป็นคนที่ชอบ ทุกอย่างทั้งหมดก็ไม่สามารถอิงตามสิ่งที่คิดไว้ก่อนหน้านี้

 

 

           ต่อให้วันหน้าเสียชื่อในองค์กร เขาก็ให้เจียงมู่เฉินตกอยู่ในกำมือของฟู่เหยี่ยนไม่ได้

 

 

           ……

 

 

           หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอดที่เกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง ฟู่เหยี่ยนอุ้มเจียงมู่เฉินที่ยังคงนอนหลับสนิทลงมาจากเครื่องบิน แล้วอุ้มตรงเข้าไปในปราสาทที่อยู่ด้านหลัง

 

 

           ฟู่เหยี่ยนอุ้มเจียงมู่เฉินพาไปยังห้องห้องหนึ่งด้วยความคุ้นเคย

 

 

           เขาบรรจงวางตัวเจียงมู่เฉินลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล พินิจมองด้วยความพอใจ

 

 

           เป็นอย่างที่คิดเตียงหลังนี้ยังคงเหมาะกับเจียงมู่เฉินที่สุด

 

 

           เพียงแต่ไม่รู้ว่าไม่นอนที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว เขาจะยังจำเตียงหลังนี้ได้หรือเปล่า

 

 

           แต่ตอนนั้นเขาตั้งใจทำเพื่อเจียงมู่เฉินเป็นพิเศษโดยเฉพาะ

 

 

           ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นสถานที่แปลกตา ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเท่าไหร่นัก

 

 

           ร่างกายเขาค่อนข้างไม่ปกติ ทั้งร่างกายไร้เรี่ยวแรง เจียงมู่เฉินพยายามต่อสู้ดิ้นรนยันกายขึ้นมานั่ง เท้าตกถึงพื้น ขาทั้งสองข้างก็รู้สึกสั่น เกือบจะล้มหงายลงไป

 

 

           เจียงมู่เฉินหวนคิดถึงก่อนหน้านี้ที่ยังมีสติอยู่ ปัญหาน่าจะเกิดหลังจากขึ้นรถคันนั้นไป

 

 

           เขาได้กลิ่นแปลกๆ กลิ่นหนึ่ง หลังจากนั้นก็หมดสติไป

 

 

           กว่าจะตื่นมาอีกที ก็อยู่ที่นี่แล้ว ดูจากสีท้องฟ้าข้างนอกนั้น ก็มืดค่ำลงแล้ว

 

 

           ไม่รู้ว่ารู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน

 

 

           แล้วเป็นใครที่ลักพาตัวเขามาอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินกดที่หน้าผากอย่างอับจนหนทาง ครั้งก่อนเป็นซูเตอร์ แล้วครั้งนี้เป็นใครอีก

 

 

           ช่วงนี้เขาดวงชงเหรอ ใครๆ ก็อยากลักพาตัวเขา

 

 

           ไม่ใช่ว่าไม่ได้คิดถึงซูเตอร์ แต่ถ้าเป็นซูเตอร์ เขาจะไม่เสียแรงลำบากขนาดนี้เพื่อลักพาตัวเขามาถึงที่นี่ได้

 

 

           ถึงอย่างไรห้องสีดำเล็กๆ คราวที่แล้วถึงจะเข้ากับสไตล์ของซูเตอร์

 

 

           ทุกส่วนของที่นี่ปรากฏความหรูหราโอ่อ่า ราวกับมีคนตั้งใจออกแบบเป็นพิเศษไม่มีผิด ค่าก่อสร้างแพงน่าดู

 

 

           ในหัวเจียงมู่เฉินฉายสะท้อนภาพคนคนหนึ่งขึ้นมา ถ้าจับจุดจากรายละเอียดปลีกย่อยจริงๆ

 

 

           ท่ามกลางคนที่เขารู้จักยังมีคนที่เข้ากับอะไรทำนองนี้อยู่คนหนึ่งจริงๆ

 

 

           เพียงแต่ว่า เขาจำเป็นอะไรจะต้องมาเปลืองแรงมากขนาดนี้เพื่อพาตัวเขามา

 

 

           อีกอย่างระหว่างพวกเขา ก็ไม่เคยได้พบปะติดต่อกันอะไรมากมาย

 

 

           เคยพูดคุยอยู่ร่วมกันเพียงแค่สองวันเท่านั้นเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินยังไม่ถึงขั้นหลงตัวเอง ขนาดที่ว่ารู้จักกันแค่วันสองวัน จู่ๆ ฟู่เหยี่ยนจะมาชอบเขาได้ ลืมเขาไม่ลง คิดหาวิธีพาตัวเขามาหรอกนะ

 

 

           เขาเดินออกจากห้องตามแสงไฟสลัวลงบันไดไป

 

 

           พอออกจากห้องมาแล้ว เจียงมู่เฉินถึงได้พบว่าสถานที่ที่เขาอยู่ใหญ่โตเพียงใด ราวกับปราสาทอย่างไรอย่างนั้น สลับซับซ้อนวนเวียนไปมา

 

 

           ใช้เวลาประมาณหนึ่ง ถึงเพิ่งจะเดินลงมาชั้นหนึ่งได้

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่ได้ เสียแรงลำบากพาตัวเขากักตัวอยู่ที่นี่ เขาชักจะรู้สึกสนใจขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

 

 

           ชั้นหนึ่งไม่มีใครสักคน ปราสาททั้งหลังตั้งแต่เขาตื่นมา ก็ไม่เห็นแม้แต่คนเดียว

 

 

           ในใจเจียงมู่เฉินเกิดความสงสัย พาตัวเขามา แต่กลับไม่หาคนมาเฝ้าดู หรือว่าไม่กลัวว่าเขาจะหนีเลย

 

 

           ตามทางที่เดินออกมาจากปราสาท เจียงมู่เฉินมองเห็นคนคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เขาหยุดสักพัก แล้วเดินเข้าไป

 

 

           นี่คือคนแรกที่เจอหลังจากตื่นขึ้นมา บางทีเขาอาจจะตอบปัญหาที่ตัวเองสงสัยได้

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับแผ่นหลังนี้ จนกระทั่งคนคนนั้นหมุนตัวหันกลับมา เจียงมู่เฉินตกตะลึงในทันที

 

 

           เขาคิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ คนคนนี้ก็คือฟู่เหยี่ยนจริงๆ

 

 

           ภายใต้แสงจันทร์ ฟู่เหยี่ยนถือแก้วไวน์ ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขาเอียงตัวเล็กน้อย มองเจียงมู่เฉิน แล้วยกยิ้มมุมปาก “ตื่นแล้วเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวเราะเบาๆ ฝีเท้ายังไม่หยุด เดินไปอยู่ข้างๆ ฟู่เหยี่ยน “เป็นนายจริงๆ ด้วย”

 

 

           ฟู่เหยี่ยนยื่นมือส่งไวน์แดงแก้วหนึ่งให้เขา “ชิมดูไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินเองก็ไม่สงสัย ยื่นมือไปรับมาดื่มคำหนึ่ง “ได้”