ตอนที่ 373 กลิ่นหอม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 373

กลิ่นหอม

“เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ”รูบี้ถามพลางมองไปทางพวกน้าๆของไป๋จูเหวินที่กำลังมองกล่องที่ไป๋จูเหวินลงไปอยู่

“อืม สัมผัสไม่ได้เลย”ราชสีห์เพลิงที่อยู่ใกล้ที่สุดตอบ แม้จะสัมผัสพลังอสูรของไป๋จูเหวินได้ แต่กลับสัมผัสความอบอุ่นที่มักจะสัมผัสได้จากตัวไป๋จูเหวินไม่ได้เลย

“ท่าทางจะเป็นฟีโรโมนมากกว่าคลื่นความถี่นะ”รูบี้ตอบพลางมองไปทางหลิวเซียน

“เห็นด้วย โลหะไม่สามารถกันคลื่นความถี่ได้ แต่ปัญหาคือเราคงจับชินอี้เอาไว้ในกล่องเหล็กแบบนี้ไม่ได้หรอก”หลิวเซียนพูดพลางเดินเข้าไปใกล้ๆกล่องก่อนจะใช้มีดเล่มหนึ่งกระแทกใส่กล่องเหล็กจนเกิดเป็นรูเล็กๆที่กล่อง

“ยังสัมผัสไม่ได้อยู่หรือเปล่าขอรับ”หลิวเซียนถามพลางมองมาทางพวกน้าๆ

“ได้แล้ว”ราชสีห์เพลิงตอบ เพียงมีช่องว่างเล็กน้อยเท่านั้นพลังดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินก็แทรกออกมาได้ทันที แบบนี้แค่หาอะไรมาบังยังไม่พอ

ครืด… เมื่อเห็นว่าได้ข้อสรุปแล้วไป๋จูเหวินจึงฉีกกล่องเหล็กเพื่อจะได้ออกมาเสียที

“สรุปว่ามันเป็นกลิ่นงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางก้าวออกมาจากเศษซากกล่องโลหะทันที แต่เมื่อมันออกมาแล้วกลับพบว่ารูบี้กำลังเอาแร่ต่างๆออกมาจากแหวนมิติที่ไป๋จูเหวินนำมาให้

“บางทีแร่พวกนี้อาจจะใช้ไม่ได้ก็เป็นได้”รูบี้ว่าพลางถอนหายใจออกมา แร่พวกนี้ล้วนล้ำค่าและมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็ไม่มีชิ้นไหนน่าจะช่วยปกปิดพลังดึงดูดอสูรได้เลย

“ถ้ามันทำงานเหมือนกลิ่นหอม ทำไมเราไม่หากลิ่นอื่นมากลบล่ะ”น้าจิ้งจอกถามพลางแตะไปที่จมูกของตนเอง นางสตรีแถมยังเป็นอสูรประเภทสุนัขทำให้นางชมชอบการแต่งกลิ่นด้วยเครื่องหอมเป็นพิเศษ

“อืม…”รูบี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอาถุงเครื่องหอมที่ตนมีติดตัวไปยื่นให้ไป๋จูเหวินดู

“ไม่ไหวหรอก เครื่องหอมธรรมดาท่าทางจะกลมไม่ไหว”มังกรธรณีส่ายหน้า แม้จะได้กลิ่นเครื่องหอมของรูบี้แต่กลิ่นอายที่มันสัมผัสได้จากตัวไป๋จูเหวินก็ชัดเจนกว่า แถมเหล่าอสูรส่วนใหญ่ก็จมูกไวกันทั้งนั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าใช้เครื่องหอมธรรมดาสิ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองถุงเครื่องหอมในมือด้วยท่าทีสนใจ ไม่นึกเลยว่าเรื่องที่ตนเองพยายามหาคำตอบแทบตายจะได้พวกรูบี้ช่วยกันไขอย่างง่ายดาย การมีสหายคอยช่วยเหลือนี่ช่างดีจริงๆ

“เจ้ารู้จักสมุนไพรตั้งมากมาย คิดว่ามีอันไหนที่มีกลิ่นหอมพอจะกลบกลิ่นอายของชินอี้ได้บ้าง”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางมองมาทางมังกรธรณี หากจะถามเรื่องพืชก็ต้องถามกับมังกรธรณีนี่ล่ะถูกต้องที่สุดแล้ว

“มันก็พอมี แต่ข้าไม่คิดว่าจะใช้ได้”มังกรธรณีตอบพลางนำเอาสมุนไพรหลายๆอย่างออกมาจากมิติของตนเอง มันอยู่กับป่าวัฒนะมาตั้งนานช่วงไป๋จูเหวินยังเด็กก็ไม่เคยเจอกลิ่นอะไรทำให้พลังของไป๋จูเหวินหายไปเลย มันเลยไม่คิดว่าในเขตอสูรของพวกมันจะมีอะไรมาช่วยได้

“แหวะ เหม็นชะมัด”ราชสีห์เพลิงปิดจมูกทันทีเมื่อมังกรธรณีนำเห็นสีขาวที่มีจุดสีแดงออกมา เจ้าเห็ดนี่กลิ่นแรงมาก แต่ก็เป็นกลิ่นที่เหม็นสุดๆจนกลิ่นศพยังอาย ไม่ต้องสนหรอกว่ามันช่วยปกปิดกลิ่นอายของชินอี้ได้หรือเปล่าเพราะหากใช้กลิ่นของมันมีหวังชินอี้ได้มีปมด้อยเรื่องกลิ่นแน่ๆ

“ก็ตามนั้น ที่ข้าไม่มีเลย”มังกรธรณีตอบพลางยักไหล่ช้าๆ มันเก็บสมุนไพรกลิ่นแรงทั้งหลายกลับเข้าไปตามเดิมด้วยท่าทีเหมือนรู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรใช้ได้เลย

“งั้นข้าจะลองประชุมเหล่าอสูรดู เขตอสูรในอาณาจักรไป๋มีตั้งมากมายข้าคิดว่าต้องมีสักที่ที่สามารถหาคำตอบให้พวกเราได้”ไป๋จูเหวินพูดพลางยิ้มออกมา อย่างน้อยตอนนี้ก็มีหนทางช่วยเหลือชินอี้แล้ว เหลือเพียงหาของที่จะมาใช้ทำเครื่องหอมให้ชินอี้ใช้เท่านั้น หากเป็นไปได้สวยชินอี้อาจจะสามารถเดินไปไหนมาไหนในเมืองได้เหมือนคนอื่นๆได้เลย

.

.

“พี่ชิว มีอะไรงั้นเหรอ”ในวันต่อมา ชิงชิวที่กำลังเดินตามไป๋หลินเพื่อจะเข้าไปหาองค์จักรพรรดิในท้องพระโรงก็ชะงักเท้าลงกลางทางเสียอย่างนั้น ทำให้ไป๋หลินอดประหลาดใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เอ่อ…..”ชิงชิวหน้าซีดพลางมองไปทางทางประตูท้องพระโรง สิ่งที่ทำให้มันหยุดเท้าคือกลิ่นนับร้อยนับพันชนิดที่อยู่ในท้องพระโรง มันมีทั้งกลิ่นของเหล่าขุนนางและขุนพล รวมทั้งองค์จักรพรรดิและองค์มเหสี หากเป็นเช่นนั้นมันก็คงปกติดี แต่วันนี้กลิ่นที่ออกมานั้นกลับมีกลิ่นอื่นๆที่ชิงชิวไม่รู้จักอีกจำนวนมากโชยออกมา กลิ่นพวกนั้นบ้างหอมบ้างแสบจมูกไปหมด บางอันถึงกับฉุนจนชิงชิวแทบจะอวก

“พี่ชิว รีบมาได้แล้ว”ไป๋หลินว่าพลางลากตัวชิงชิวเข้าไปในท้องพระโรง แต่เมื่อเข้ามาแล้วไป๋หลินก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมชิงชิวถึงหยุดเท้าไม่ยอมเดินตามมา เพราะในท้องพระโรงยามนี้เปลี่ยนสภาพไปราวกับจะจัดสวนดอกไม้ในร่มเสียอีก

“อัก..”ชิงชิวตาลายวูบพลางเอามือปิดจมูกตนเองเอาไว้ ดอกไม้และสมุนไพรเหล่านี้หากอยู่เดี่ยวๆก็นับว่าหอมดี แต่พอกลิ่นต่างๆมาปนกันนับพันๆอย่างมันก็ทำเอาชิงชิวตาลายล้มลงคุกเข่ากับพื้นทันที

“พี่ชิวๆ”ไป๋หลินพยายามสะกิดชิงชิวแต่ดูเหมือนกลิ่นจำนวนมากจะทำให้มันมึนไปหมดเสียแล้ว สุดท้ายก็ได้แต่ฝากไป๋ไป่ให้พาชิงชิวออกมาเท่านั้น

“อันนี้ก็ไม่ได้”มังกรธรณีว่าพลางส่ายหัวช้าๆ ตลอดช่วงเช้าพวกมันทดลองใช้กลิ่นของสมุนไพรต่างๆรวมทั้งดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมรุนแรงมาทดลองใช้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว แม้จะกลิ่นแรงเพียงไรก็ยังไม่สามารถกลบพลังดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินได้ ไม่ต้องพูดถึงพลังของชินอี้เลย

“พวกเราเก็บเอาไว้แต่สมุนไพรที่มีผลเป็นยา บางทีกลิ่นแรงอย่างเดียวอาจจะไม่พอ”ขุนนางอสูรตนหนึ่งรายงานพลางเก็บเอาสมุนไพรที่ใช้ไม่ได้คืนอสูรแต่ละตนไป

“ดอกไม้ที่ไม่มีผลทางยา มีดีแต่กลิ่นพอมอบอวล….”ทู่เยว่ขุนพลอสูรพูดพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมาเหมือนกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง

“มีอะไรหรือท่านขุนพล”ขุนนางอสูรถามเพราะเห็นทู่เยว่พึมพำออกมาลอยๆเหมือนนึกอะไรออก

“ข้าได้ยินเรื่องสวนดอกไม้แห่งหนึ่งมาเมื่อราวๆ 1,500 ปีที่แล้ว แต่มันเลือนลางมากจนข้าไม่มั่นใจว่าเป็นแค่เรื่องเล่าหรือเรื่องจริงกันแน่”ทู่เยว่ว่าพลางหลับตาลงช้าๆ

“ถ้าข้าจำไม่ผิด ท่านแม่ของข้าบอกว่ามันเป็นเขตอสูรของนางพญาเตียมี่ ที่นั่นมีดอกไม้ที่เป็นอาหารของนางจำนวนมาก ว่ากันว่ากลิ่นหอมในเขตอสูรนั้นหอมราวกับจะซึมซาบเข้าไปในวิญญาณเลย”ได้ยินที่ทู่เยว่รายงาน เหล่าขุนนางรวมทั้งไป๋จูเหวินเองก็มีท่าทีสนใจ

“ท่านพ่อ ลองไปกันเถอะ”ไป๋หลินพูดด้วยท่าทีสนใจกว่าใคร สวนดอกไม้ของนางพญางั้นเหรอ ดูเหมือนจะเป็นเขตอสูรที่น่าสนใจทีเดียว

“ได้ เราจะลองไปดู แล้วมันอยู่ที่ไหนกันแน่เจตอสูรที่เจ้าว่า”ไป๋จูเหวินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถึงจะเป็นความหวังเล็กๆแต่ไป๋จูเหวินก็อยากคว้าเอาไว้ก่อนจะสายเกินไป

“เอ่อ….มันนานมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าก็เลยไม่มั่นใจ”ทู่เยว่พูดพลางทำหน้าหงอย เพราะนางได้ยินมารดาของนางเล่าให้ฟังตั้งแต่สมัยยังเป็นแค่ลูกกระต่าย บอกตามตรงว่าเหมือนเป็นนิทานมากกว่า

“แต่เท่าที่ข้าได้ยินมา เขตอสูรของนางจะอยู่ทางเหนือไปหลายร้อยหลายพันกิโล บางทีอาจจะอยู่เหนือสุดของแผ่นดินเลยก็ได้เจ้าค่ะ”ทู่เยว่ตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“ลองไปดูก็ไม่เสียหาย เขตอสูรที่มีแต่ดอกไม้ ข้าว่ามันคงหาได้ไม่ยากนักหรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางหัวเราะออกมา แม้จะบอกว่าหาไม่ยากแต่เขตอสูรที่มีดอกไม้มากมายก็มีเป็นจำนวนมาก อย่างเขตอสูรของอสูรตะขาบที่เคยจะจับตัวไป๋จูเหวินเอาไว้ยังเป็นสวนดอกไม้เลย

“องค์จักรพรรดิ”หลิวเมิ่งพูดพลางจ้องมองไป๋จูเหวินนิ่ง

“หืม มีออะไรงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางหลิวเมิ่งเหมือนลืมอะไรบางอย่างไป

“ท่านลืมแล้วหรืออย่างไรว่างานของท่านยังกองอยู่เต็มโต๊ะทรงงาน ท่านคิดจะเดินทางใกลอีกทั้งๆที่พึ่งทิ้งอาณาจักรตนเองไปอาณาจักรชินมาเนี่ยนะ”หลิวเมิ่งเตือนสติไป๋จูเหวินด้วยท่าทีดุๆ ทำเอาไป๋จูเหวินได้แต่หัวเราะเจื่อนๆออกมา ถึงบ้านเมืองจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่งานที่ไป๋จูเหวินต้องทำยังมีอีกมากมาย หากไป๋จูเหวินเดินทางต่อไปหาเขตอสูรที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบว่าจะใช้เวลากี่เดือนกันแน่ แบบนั้นงานที่ต้องรอไป๋จูเหวินเซ็นอนุญาตมีหวังไม่เดินเสียทีแน่ๆ

“ท่านพ่อ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าไปดีหรือไม่”ไป๋หลินว่าพลางเสนอตัวออกมา

“มันไกลมากนะหลินเอ๋อ”เหม่ยหลินแทบจะท้วงทันทีที่บุตรสาวขอออกไปตามหาดอกไม้มาทำเครื่องหอมให้น้องชายของนาง

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็เป็นเขตอสูรนะท่านแม่ แถมข้ายังมีพี่ไป๋ไป่ด้วย”ไป๋หลินว่าพลางยืดอกอย่างมั่นใจ ก่อนหน้านี้นางเดินทางไปทั่วอาณาจักรไป๋เพื่อช่วยบิดารวบรวมอสูร เหม่ยหลินเองก็อยู่ที่นั่นกับนางได้เห็นเต็มสองตาว่าบุตรสาวสามารถช่วยงานได้เป็นอย่างดี ยิ่งตอนนี้ไป๋หลินอายุ 15 แล้ว สมควรนับเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร

“เจ้าต้องระวังตัวเข้าใจไหม”เหม่ยหลินว่าพลางถอนหายใจออกมา แต่นางก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี

“มีแค่ไป๋ไป่กับชิงชิวคงยังไม่พอกระมัง”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปที่นอกท้องพระโรง ตอนนี้ชิงชิวกับไป๋ไป่ไปนั่งรอข้างนอกเพราะกลิ่นในห้องยังตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของสมุนไพรและดอกไม้นานาพันธ์อยู่เลย

“งั้นข้าจะไปกับหลินเอ๋อเอง”ราชสีห์เพลิงว่าพลางเสนอตัวออกมา

“ขอบคุณค่ะท่านน้า”ไป๋หลินว่าพลางตรงเข้าไปกอดน้าราชสีห์ทันที ทำให้ราชสีห์เพลิงได้แต่ลูบเส้นผมของไป๋หลินเบาๆอย่างอ่อนโยน

“ถ้ามีท่านน้ากับไป๋ไป่ไปด้วยข้าก็หมดห่วง”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมา อสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 2 ถึง 2 ตน จะมีอะไรทำร้ายบุตรสาวมันได้อีก