กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 842

“นอกจากบัณฑิตสำนักศึกษาอี้เหอของเราแล้ว ยังมีอสุรกายระดับสูงไม่น้อยเดินหน้าไปยังส่วนลึกของซากปรักหักพังด้วย สามารถทำให้เหล่าราชาอสุรกายระดับสูงพุ่งเข้าไปอย่างไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น คงจะเป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดาแน่นอน”

เมื่อได้ยินดังนั้น กู้ชูหน่วนก็เดินหน้าต่อไป

หนิงเทียนโย่วรีบดึงตัวนางไว้

เซี่ยวอวี๋เซวียนมองด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม กลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจนหนิงเทียนโย่วตกใจและปล่อยมือที่ดึงชายเสื้อของกู้ชูหน่วนไว้ออก

“เจ้าอ่อนเกินไป และมันยากพอที่จะเข้าไปได้สำหรับซั่งกวนหมิงหลาง เจ้ามิจำเป็นต้องไปเสี่ยง เราลองหาที่อื่นดูก็สามารถพบเจอสมบัติเช่นกัน ทั้งยังสามารถทำข้อตกลงต่ออสุรกายขั้นกลางได้ด้วย”

“ขอบใจสำหรับความหวังดี แต่ข้าต้องเข้าไปให้ได้ เสี่ยวเซวียนเซวียนเราไปกันเถอะ”

กู้ชูหน่วนบอกไปก็ไปเลย หนิงเทียนโย่วอยากจะไล่ตามนางให้ออกมานัก ทว่าหลินซือหย่วนกลับล้มลงทันทีและกระอักเลือดออกมา ทำให้เขาจำต้องกลับไปประคองหลินซือหย่วนให้ลุกขึ้นและหนีไปโดยเร็ว มิเช่นนั้นชีวิตอันน้อยๆ ของหลินซือหย่วนคงได้สิ้นแล้ว

ระหว่างทาง เซี่ยวอวี๋เซวียนหยิบยาอายุวัฒนะออกมาหนึ่งเม็ดยื่นให้กับกู้ชูหน่วน “กินมันซะ จะช่วยปกป้องไม่ให้เจ้าได้รับแรงโจมตีที่รุนแรงนัก”

กู้ชูหน่วนดมแล้วดม อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างตะลึงงันว่า “ยาอายุวัฒนะระดับห้า เป็นยาอายุวัฒนะระดับห้าจริงๆ เจ้าได้มาจากที่ใดกัน? เสี่ยวเซวียนเซวียนเจ้าคงมิใช่นักกลั่นยาหรอกนะ?”

“สหายให้มาน่ะ” เซี่ยวอวี๋เซวียนมิอยากพูดมากความ เพียงแค่กล่าวส่งเดชเท่านั้น

กู้ชูหน่วนกินยาเข้าไป กลิ่นอายที่ถูกกดทับบนร่างกายถึงจะค่อยๆ จางหายไปบ้างเล็กน้อย

“เจ้ามียาอายุวัฒนะที่ดีเพียงนี้ เหตุใดจึงเพิ่งเอามาให้ข้า”

เซี่ยวอวี๋เซวียนหัวเราะเยาะ

นั่นมันยาอายุวัฒนะระดับห้าเชียวนะ

หากไม่ได้อยู่ในยามคับขันจริงๆ ใครจะเอาออกมาใช้กัน?

นางคิดว่าเป็นลูกอมหรืออย่างไรกัน

ซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งเดินหน้าต่อไปเท่าไรบัณฑิตของสำนักศึกษาอี้เหอก็ยิ่งลดน้อยลง

แม้นจะมีก็มีเพียงซากศพของบัณฑิตที่ถูกรังสีอันทรงพลังโจมตีจนตับไตไส้พุงแหลกละเอียดเท่านั้น

“โครมคราม…”

ข้างหน้ามีเสียงต่อสู้กันดังขึ้นและยังมีเสียงคำรามของเหล่าอสุรกายด้วย

กู้ชูหน่วนปีนขึ้นไปยังยอดเขาและมองลงมา เห็นว่ามีเสือสองตัวกำลังล้อมโจมตีหยางโม่อยู่

ข้างกายหยางโม่ไม่มีผู้ช่วยเลยแม้เพียงคนเดียว มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น

มิรู้ว่าเขาหายใจลำบากเพราะถูกแรงกดดันนี้กดทับไว้หรือไม่ มีแต่รอยแผลที่ถูกเสือข่วนบนร่างกายเขา หยดเลือดก็ไหลตามเสื้อของเขาไป

เผชิญหน้ากับการโจมตีของเสือสองตัว เห็นได้ชัดว่าเขาเสียเปรียบ

“ฟึบ…”

แผ่นหลังถูกข่วนเป็นแผลใหญ่อีกครั้งและบริเวณขาขวาของเขาก็ถูกกัดด้วยในขณะเดียวกัน หยางโม่เจ็บปวดจนต้องสูดหายใจเอาลมเย็นๆ เข้าไป

ทุกคนต่างมองออกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป หยางโม่จะต้องถูกเสือสองตัวนี้ฉีกเนื้อออกจนแหลกละเอียดจริงๆ

เซี่ยวอวี๋เซวียนสายตาเย็นชา รู้สึกคุ้นเคยราวกับเป็นเรื่องปกติต่อเหตุการณ์ตรงหน้า

เพียงแค่วิจารณ์อย่างเย็นชาว่า “หยางโม่เพิ่งจะเพิ่มระดับถึงระดับสอง และเสือสองตัวนี้ก็เป็นสัตว์ระดับสองขั้นสูงสุด เขารับมือได้อีกไม่นานหรอก”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วเป็นปม

พวกเขาพบเจอกับการลอบสังหารมาตลอดทาง บัดนี้กำลังจะเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดเพื่อตามหาสมบัติ หากสู้กับเสือระดับสองขั้นสูงสุดสองตัวนี้ เกรงว่าคงสูญเสียชี่แท้ไปมากนัก

นางหันตัวกลับไป เดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ย้อนกลับมา

เซี่ยวอวี๋เซวียนกล่าว “เจ้าอยากช่วยเขา?”

“มองแล้วเขาดูไม่ค่อยเข้าตานัก”

“ลำพังฝีมือของเจ้าสู้เสือสองตัวนั้นมิได้เช่นกัน”

กู้ชูหน่วนกล่าว “ข้าสู้ไม่ไหวก็ยังมีเจ้ามิใช่หรือ?”

“มิใช่เรื่องของตน แต่กลับให้ความสำคัญ เรื่องของคนอื่นเดี่ยวอะไรกับเรางั้นหรือ?”

“พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก อย่างน้อยหยางโม่ก็เป็นองค์ชายคนหนึ่ง แม้นขาของเขาจะไม่ค่อยใหญ๋ แต่บางที่เจ้าก็สามารถไปเกาะได้อยู่บ้าง” กู้ชูหน่วนกระพริบตาปริบๆ

ท่าทางนี้

อารมณ์แบบนี้

น้ำเสียงแบบนี้…

ทำให้เซี่ยวอวี๋เซวียนมิอาจปฏิเสธได้จริงๆ

ร่างกายของเซี่ยวอวี๋เซวียนราวกับพายุหมุน และเสือสองตัวนั้นก็ถูกสั่นสะท้านด้วยแรงพายุประดุจคมมีดในทันที

เพียงแค่เขาสะบัดชายเสื้อเบาๆ อสุรกายระดับสองขั้นสูงสุดสองตัวนั้นก็ถูกตัดออกเป็นสองท่อนและตายในทันที

เสือตายไปหยางโม่ก็รู้สึกโล่งใจในทันที

แล้วมองเซี่ยวอวี๋เซวียนอย่างตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าเมื่อครู่นี้เซี่ยวอวี๋เซวียนจัดการกับเสือระดับสองขั้นสูงสุดสองตัวนั้นเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น

ฝีมือระดับนี้ เกรงว่่าฝีมือของผู็นำตระกูลทั้งสี่ก็คงห่างไกลจากเขามากนัก?

และเซี่ยวอวี๋เซวียนเองก็ดูเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ มีเลือดติดเต็มเสื้อ เขาหลังตรงราวกับดินสอ ภายใต้ลมอันแผ่วเบา ดวงตาของเขาปะปนด้วยความเศร้าโศก มิรู้ว่าเขาเคยพบเจออะไรมาก่อน

ทว่าเขาหน้าตาหล่อเหลาและสง่างาม ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็เป็นจุดสนใจได้

ที่ทำให้เขายิ่งตกใจใหญ่คือทั้งๆ ที่เซี่ยวอวี๋เซวียนบาดเจ็บหนัก สีหน้าซีดเซียว แต่ยังสามารถแสดงฝีมือออกมาได้ทรงพลังเช่นนี้

ฝีมือแบบนี้จำเป็นต้องเขาไปศึกษาที่สำนักศึกษาอี้เหออีกรึ?

“ถูกโจมตีจนโง่เลยหรือ?”

กู้ชูหน่วนที่ไม่รุ้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อใด โบกมืออยู่หน้าหยางโม่

หยางโม่ถึงจะตั้งสติได้ และทนความเจ็บปวดไว้กล่าวขอบใจ “ขอบใจพี่น้องเซี่ยวที่ช่วยไว้ หากไม่เจ้าเพราะพี่น้องเซี่ยว ชีวิตอันน้อยๆ ของตระกูลหยางบางคนคงได้ตายอยู่ที่นี่แล้ว”

“เจ้าควรขอบคุณนาง” หากมิใช่ว่ามู่หน่วนต้องการช่วยเหลือ เขาคงไม่มีเวลาว่างมาช่วยแบบนี้หรอก

“ใช่ๆๆ พี่น้องเซี่ยวพูดถูก หยางโม่ขอบใจแม่นางมู่หน่วนที่มาช่วยด้วย”

“มิต้องมาพูดพร่ำทำเพลงอยู่แถวนี้ เหตุใดเสือสองตัวนั้นถึงจะฆ่าเจ้า?”

“ส่วนลึกของซากปรักหักพังมีสมบัติล้ำค่าอยู่ อสุรกายขั้นสูงสุดไม่น้อยจะคอยลอบสังหารเราอยู่กลางทาง เพื่อไม่ให้เราไปแย่งสมบัติกับพวกมัน”

“เจ้าก็อยู่ระดับสองเช่นเดียวกัน แต่กลับมาถึงที่นี่ได้?”

กู้ชูหน่วนมองเขาอย่างสงสัย

หรือเขาจะกินยาอายุวัฒนะระดับห้าไปด้วยเช่นกัน?

หยางโม่หัวเราะ “แม่นางมู่ไม่รู้อะไรแล้ว ตระกูลใหญ่บางตระกูลล้วนมีอาวุธวิญญาณล้ำค่า สามารถกำจัดพลังอันแข็งแกร่งของส่วนลึกของซากปรักหักพังได้”

กู้ชูหน่วนนึกขึ้นได้ทันใด จึงได้พาเซี่ยวอวี่เซวียนเดินหน้าไปต่อ

หยางโม่มึนงง

ไปแบบนี้เลยหรือ?

ไม่เห็นว่าเขาบาดเจ็บหนักงั้นรึ?

ไม่มีแม้แต่จะช่วยเขาทำแผลเลยรึ?

“แม่นางมู่…”

“มีเรื่องอันใดรึ?”

“ไม่…ไม่มีแล้วล่ะ ข้างในอันตรายมาก แม่นางมู่มิต้องเข้าไปจักดีกว่า”

หรือว่านางจะยังไม่รู้ว่าเขาคือองค์ชาย?

มีผู้คนมากมายอยากเกาะแกะเขา

แต่นางกลับช่วยเขาเอาไว้แล้วเดินจากไปเช่นนี้เลย?

ไม่อยากหาผลประโยชน์บนตัวเขาเลย?

“เรื่องนี้เคยมีคนบอกข้าไปแล้ว”

กู้ชูหน่วนไม่แม้แต่จะเหลียวกับไปมอง

หยางโม่เห็นว่าพวกเขาทั้งสองมีเลือดอาบเต็มไปทั้งตัว แต่ยังยืนหยัดที่จะเดินหน้าต่อ

และเขาเป็นถึงองค์ชายหนึ่งเดียวในรัฐปิง แต่ฝีมือกลับอยู่เพียงระดับสองเท่านั้น

เขาต้องเพิ่มระดับฝีมือให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็ทำแผลให้ตัวเองง่ายๆ และเดินโซเซตามกู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี๋เซวียนไป

ทันใดนั้นเองคนข้างหน้าสองคนกลับหยุดลง สีหน้าสอดส่องรอบข้างอย่างจริงจัง

หยางโม่ตกใจ ไม่เข้าใจเท่าไรนัก

จึงได้เงยหน้าอย่างสงสัย กลับพบว่าปกติทุกอย่าง ไม่มีอสุรกายใดๆ เพียงแค่มิรู้ว่าเหตุใดสีหน้าของพวกเขาถึงได้จริงจังมากเพียงนี้

ลูกหิมะตกลงมากะทันหัน

หยางโม่ยื่นมือออกมารับลูกหิมะเอาไว้ และเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง กลับพบว่ามีลูกหิมะอัดแน่นไปทั่วท้องฟ้า

บัดนี้เป็นช่วงคิมหันตฤดูจะมีลูกหิมะได้อย่างไรกัน?

ฟิ้ว…

เงาลมพัดผ่านไปแวบหนึ่ง พร้อมด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น สีหน้าหยางโม่แปรเปลี่ยน รู้ได้ทันทีว่ามีอันตราย จึงตะโกนหาทั้งสองคนตรงหน้าว่า

“อันตราย รีบหนีไปเร็ว”

บทที่ 841

บทที่ 843