กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 843

มุมปากกู้ชูหน่วนกระตุก

เส้นทางทุกทิศทางถูกปิดกั้นเอาไว้หมด จะไปที่ใดได้?

“ชู่ว์……”

ทิศเหนือใต้ออกตกทั้งสี่ทิศต่างมีชายชราสวมหน้ากากสี่คนลงมา ทันทีที่พวกเขาปรากฏขึ้นก็ได้ล้อมเซี่ยวอวี่เซวียนและคนอื่นๆเอาไว้

ลมหายใจที่ถือว่าเป็นของผู้แข็งแกร่งนั้นไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย

สีหน้าของหยางโม่ซีดเซียว

เพียงแค่ยืนอยู่ข้างพวกเขาก็ทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันที่มองไม่เห็นซึ่งกดดันจนเขาทนไม่ไหวอยากจะล้มคลานลงไป

ลมหายใจหนักหน่วงยิ่งนัก

เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนสี่คนนี้เป็นผู้นำสี่ตระกูลใหญ่?

ไม่ ดูจากรูปร่างแล้วไม่ใช่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่เลย

ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งมีผู้แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดเขากับไม่รู้เลย

ระยะไกลได้มีคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งมาอีก

คนกลุ่มนี้นำโดยไป๋หลี่หมิงโดยที่ทรงพละกำลัง ทุกคนแบกคันธนูบนอยู่ที่หลัง ใช้วิธีการล้อมเป็นวงกลมโดยล้อมกู้ชูหน่วน เซียวอวี่เซวียน หยางโม่และผู้แข็งแกร่งระดับห้าทั้งสี่คนไว้ในวงกลมพร้อมเล็งคันธนูลูกมาที่พวกเขา

แต่ก่อนพวกเขาสังหารกู้ชูหน่วนยังจะต้องแสร้งทำท่าทีปกปิดตัวตน แต่ครั้งนี้พวกเขากลับสังหารอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ผู้ที่ส่งมาก็มจำนวนมากกว่าแต่ก่อนมากมายนัก

หยางโม่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไป๋หลี่หมิงนี่เจ้าจะทำสิ่งใด?”

“องค์ชายรองก็อยู่ด้วยเหรือ ในเมื่อท่านเห็นแล้วงั้นข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องปกปิดแล้ว วันนี้ข้าต้องการจะสังหารมู่หน่วนกับเซวี่ยวอวี่เซวียนใน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านขอองค์ชายรองอย่าได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“พวกเขาทั้งสองคนก็เป็นบัณฑิตของสำนักศึกษาอี้เหอ นี่เจ้าจะเข่นฆ่าศิษย์ร่วมสำนักอย่างโจ่งแจ้ง”

ไป๋หลี่หมิงกล่าวด้วยความดุดัน “ฟังน้ำเสียงขององค์ชายรองเรื่องนี้ท่านข้องเกี่ยวเป็นแน่แล้ว?”

“พวกเขาเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อข้า เพียงแค่ข้ายังมีลมหายใจอยู่จะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดสังหารพวกเขาเป็นแน่”

แม้ว่าหยางโม่จะเป็นองค์ชายแต่ไม่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลไป๋หลี่เลย แม้กระทั่งเป็นปรปักษ์กับตระกูลไป๋หลี่ทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเขา

เมื่อก่อนเห็นแก่ที่เขาอยู่ในฐานะองค์ชายซึ่งเขาได้ฝืนทนไว้

ตอนนี้อยู่ในหุบเขาสัตว์เทพหากว่าสังหารทุกคนที่อยู่ตรงหน้าก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยมาถึงตัวเขา

ไป๋หลี่หมิงปรากฏเจตนาฆ่าออกมา “ในเมื่อองค์ชายรองต้องการอยู่เป็นเพื่อนกับพวกเขามากงั้นข้าก็จะส่งพวกเจ้าไปด้วยกัน”

ตามหลังจากที่เขาแสดงความดุดันลูกน้องจำนวนหลายสิบคนของเขาต่างก็ดึงคันธนูกัน รอเพียงคำสั่งหนึ่งของไป๋หลี่หมิงพวกเขาก็จะยิงในทันที

หยางโม่โมโหขึ้น

การเดินทางในหุบเขาสัตว์เทพมีเพียงบัณฑิตของสำนักศึกษาอี้เหอเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ แต่ตระกูลไป๋หลี่กลับนำยอดฝีมือจำนวนมากแฝงตัวเข้ามากล้าแม้แต่จะสังหารเขา

นี่เป็นการดูหมิ่นราชวงศ์อย่างโจ่งแจ้งและดูหมิ่นกฎระเบียบที่กำหนดขึ้นโดยสี่ตระกูลใหญ่

ผู้แข็งแกร่งระดับห้าทั้งสี่คนกล่าวว่า

“วันนี้พวกข้ามีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือปลิดชีพเซี่ยวอวี่เซวียน สำหรับบุญคุณความแค้นของพวกท่านก็จัดการกันเอง”

ขณะกล่าวพวกเขาก็ปล่อยความกดดันอันทรงพลัง ทุกๆคนถูกกระเทือนเสียจนหายใจได้ลำบากพร้อมกับสีหน้าอันซีดเผือด

แม้แต่เลือดกำเดาก็ได้ไหลลงมาเป็นหยดๆ

คนพวกนี้ไม่ใช่คนโง่

ต่อให้งี่เง่าเพียงใดก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าสี่คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว กระทั่งยังสามารถเทียบได้กับผู้นำตระกูลของพวกเขาก้วย

ไป๋หลี่หมิงหวังที่จะให้มีคนกำจัดเซี่ยวอวี่เซวียนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเสียกำลังส่วนหนึ่ง

“ได้ เช่นนั้นเซี่ยวอวี่เซวียนก็มอบให้พวกเจ้าแล้ว หวังว่าพวกเจ้าจะสามารถตัดเขาออกเป็นชิ้นๆและทรมานให้ตายอย่างช้าๆ”

“วันนี้เขาหนีไม่พ้นแล้ว” ชายชรากล่าวอย่างเย็นชา ด้วยความเกลียดชังที่ปรากฏชัดเจน

กู้ชูหน่วนหยิบเจ้าเสือน้อยออกมาแล้วออกคำสั่ง ว่า “เจ้าเสือน้อยไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีใดก็จะต้องรักษาชีวิตเสี่ยวเซวียนเซวียนไว้”

“โฮกโฮก……”

เสือน้อยพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วแยกเขี้ยวจ้องชายชราทัังสี่คนเขม็ง

“เสี่ยวเซวียนเซวียนเจ้าโง่ไป๋หลี่หมิงนี่มอบให้ข้า เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้ารักษาชีวิตตนเองเอาไว้ก่อน พวกเรา……ต่างก็พยายามกันเถอะนะ”

เซี่ยวอวี่เซวียนเป็นห่วงกู้ชูหน่วนแต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับห้าทั้งสี่คนตัวเขาเองยังลำบาก

กู้ชูหน่วนเผชิญหน้ากับไป๋หลี่หมิงหรืออาจจะยังมีโอกาสสักนิด เผชิญกับผู้เป็นอมตะทั้งสี่คนนั้นนางจะตายเป็นแน่อย่างไม่ต้องสงสัย

“รักษาตัวด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ใต้หล้านี้ต้องการชีวิตของข้าเซี่ยวอวี่เซวียนนั้นมีมากมาย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทำสำเร็จได้”

กล่าวแล้วเเซี่ยวอวี่เซวียนก็เตือนไป๋หลี่หมิงแหลมคมราวกับนกอินทรี

“หากว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับแม่สาวโง่เขลา ข้าเซี่ยวอวี่เซวียนจะให้ตระกูลไป๋หลี่ทั้งตระกูลฝังไปกับนางด้วยเป็นแน่”

แววตาของเซี่ยวอวี่เซวียนเยือกเย็นยิ่งนัก เยือกเย็นซะจนทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน ไป๋หลี่หมิงในชั่วขณะนี้กลับบังเกิดความรู้สึกต้องการถอย

แต่เมื่อนึกถึงว่ากู้ชูหน่วนตัดแขนข้างหนึ่งของเขา แล้วเซี่ยวอวี่เซวียนก็ตบตีจนฟันของเขาร่วง ในวันนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งทั้งสี่คนคอยช่วยเหลือ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถพลาดโอกาสนี้ได้

สนามรบแบ่งออกเป็นสองส่วน

ด้านหนึ่งคือเซี่ยวอวี่เซวียน เจ้าเสือน้อยและผู้แช็งแกร่งระดับห้าสี่คน

ด้านหนึ่งคือกู้ชูหน่วน หยางโม่ ไป๋หลี่หมิงและคนอื่นๆ

สำหรับสนามรบของผู้แข็งแกร่ง พวกเขาไม่ต้องการให้ผู้ใดข้องเกี่ยว

กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าการต่อสู้ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง รู้เพียงฟ้าดินไร้สีสัน เสียงดังกึกก้องเต็มไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แม้แต่พื้นดินก็สั่นสะเทือน

รัศมีการสังหารอันรุนแรง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลต้นไม้โดยรอบก็ได้รับผลกระทบและล้มลงทีละต้นๆ

แม้แต่อสุรกายปรกษีต่างๆในหุบเขาก็ๆด้หนีเแาชีวิตรอดกันอย่างบ้าคลั่งให้ออกห่างจากที่นั่นโดยที่เกรงว่าช้าไปหนึ่งก้าวก็จะถูกลูกหลงไปด้วย

“ตูม……”

ก็เกิดเสียงดังขึ้นอีก พื้นดินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สะเทือนจนพวกเขาแทบจะยืนไม่อยู่

ไป๋หลี่หมิงกลืนน้ำลายลง

เขารู้เพียงแค่ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนแข็งแกร่งนักแต่กลับไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งมากถึงขั้นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนที่เขาส่งออกไปถูกฆ่าตายเสียหมด

ไม่ถูกสังหารจึงจะแปลก

เขาโชคดีมากที่ระหว่างทางพบผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ ไม่เช่นนั้นวันนี้คนที่จะต้องตายก็คือพวกเขา

กู้ชูหน่วนกับหยางโม่ก็คิดไม่ถึงว่าเซี่ยวอวี่เซวียนๆด้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วยังแข็งแกร่งเช่นนี้

ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาจะซ่อนความแข็งแกร่งไว้มาโดยตลอด

เขาเป็นใครกันแน่?

กู้ชูหน่วนต้องการรีบต่อสู้รีบจบลงจะได้ไปช่วยเซี่ยวอวี่เซวียนได้

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปจากที่นี่ในทันทีไม่เช่นนั้นอย่าโทษข้าที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานี”

หยางโม่อดทนต่อความเจ็บปวดอันรุนแรงก็ยังเตือนเป็นครั้งสุดท้ายด้วยน้ำเสียงอันหนักหน่วง

“หากว่าเจ้าถอยไปทันทีในตอนนี้ ข้าสามารถถือว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นราชวงศ์ของเราจะไม่มีวันปล่อยตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าไป”

“ถุย เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ถอยออกไปตอนนี้ให้พวกเจ้าแก้แค้นข้าทีหลังหรือ? ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ วันนี้ไม่ใช่พวกเจ้าตายก็เป็นข้าที่ตาย พวกเจ้า ยิงธนูทันที ยิงพวกมันให้ตายให้หมด”

คำว่ายิงธนู ลูกธนูหมื่นยิงอย่างพร้อมเพรียงกัน

กู้ชูหน่วนเฝ้าดูพวกเขาอยู่ตลอด

เมื่อเห็นพวกเขายิงลูกธนูก็สะบัดเสื้อคลุมออกแล้ววใช้กำลังภายในหลอมรวมกับเสื้อคลุม หมุนลูกธนูที่ยิงกันมาออกแล้วยิงกลับไป

ในเวลาเดียวกันความว่องไวของนางขึ้นถึงเร็วที่สุดและบินมาถึงตรงหน้าไป๋หลี่หมิง ทั้งห้านิ้วงอเป็นกรงเล็บเกิดเสียงแคร๊กเสียงหนึ่งก็ต้องการหักคอของไป๋หลี่หมิงให้หัก

ไป๋หลี่หมิงตกใจจนหน้าเปลี่ยนและได้ถอยออกไปเลย

โชคดีที่ข้างกายเขามียอดฝีมือคุ้มกันอยู่จึงขวางกู้ชูหน่วนเอาไว้ได้ทันเวลา คอของตนจึงยังไม่ไ่ถูกนางบิดจนหักไป

“ให้ตายสิ ก็แค่เศษสวะคนหนึ่งเหตุใดถึงได้ว่องไวเช่นนี้ได้ เลื่อนระดับก็ช่างรวดเร็วยิ่งนัก”

กู้ชูหน่วนลงมืออย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทุกๆหมัดที่ออกไปนั้นสามารถได้ยินเสียงกระดูกแตกหักได้

นางเตะต่อยหรือทุบตี ร่างกายอันกระทัดรัดของนางวิ่งไปโดยรอบตัวของยอดฝีมือมากมายราวกับปลาไหลตัวหนึ่ง

เนื่องจากตำแหน่งของนางอยู่ใกล้กับไป๋หลี่หมิงมากจึงจงใจเข้าใกล้ไป๋หลี่หมิงอยู่ตลอดไม่รู้ว่าต้องการจัดการกับตัวผู้นำก่อนหรือเปล่า

ด้วยเหตุนี้นักธนูจึงไม่กล้ายิงนางอยู่ครู้หนึ่งเนื่องจากเกรงว่าจะทำร้ายผิดพลาดโดนไป๋หลี่หมิงและผู้ที่ไป๋หลี่หมิงเชื่อใจ

“ฆ่า ฆ่าหญิงบ้าผู้นี้ให้ข้าซะ”

ไป๋หลี่หมิงถอยออกทีละก้าวๆ แต่แววตาของหญิงสาวกลับดูดุดัน ยิ่งสังหารก็ยิ่งแก่กล้าและเดินหน้าต่อไป ผู้แข็งแกร่งที่ไว้ใจจำนวนหลายคนของเขากลับขวางนางไว้ไม่อยู่ แต่กลับถูกนางบีบบังคับจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

นักธนูปาดเหงื่ออันเย็นเฉียบโดยที่ไม่สามารถยิงสังหารกู้ชูหน่วนได้ จึงทำเพียงเล็งเป้าหมายไปยังร่างของหยางโม่ก่อน

น่าสงสารที่หยางโม่เดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเวลานี้ถูกนักธนูเข่นฆ่าอย่างต่อเนื่องและตกอยู่ในอันตราย ร่างกายก็ยังได้รับบาดเจ็บจากธนูอีกหลายดอก

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

นางร้องตะโกนว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รีบออกมาช่วยเร็ว”

ที่ผ่านมานางตะโกนเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็จะปรากฏตัวขึ้น

แต่ว่าครั้งนี้นางตะโกนเรียกหลายครั้งก็ไม่สามารถเรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาได้ ก็ไม่รู้ว่าเจ้างูตะกละตะกลามตัวนั้นไปหาอาหารกินที่ใดแล้ว

เดิมทีนางเพียงแค่อยากจะพยายามขึ้นอีกก็สามารถสังหารไป๋หลี่หมิงได้แล้ว

ในเวลานี้นางสามารถไม่ยอมแพ้ได้และหันกลับมาจัดการกับนักธนูเหล่านั้นเพื่อรักษาชีวิตหยางโม่เอาไว้

“ปึกๆๆ……”

“เสียงปรบมือแปะๆๆ……

กู้ชูหน่วนเขย่งเท้าขึ้นให้ดาบยาวสองเล่มตกลงบนมือของนางไว้มั่นเพื่อสะเทือนลูกศรที่ยิงมาคืนกลับไปเป็นดอกๆราวสายฝน ทันใดนั้นนักธนูก็พบกับการโจมตีอันหนักหน่วง