ตอนที่ 125 ดูก็รู้ว่า ไม่เคยลงสนามจริงๆ มาก่อน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

รอยยิ้มนั้นแสนอ่อนโยนประดุลสายลมในฤดูใบไม้ผลิ งดงามอย่างยิ่ง 

 

 

หากว่ารูปร่างของท่านราชครูเป็นปกติดังคนทั่วไป จะต้องยิ่งดึงดูดจิตใจผู้คนเป็นแน่ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันอมยิ้มอยู่ในหน้า “ท่านราชครูและฝ่าบาทผูกพันดุจพี่น้อง เราเห็นแล้วก็ชื่นชมยิ่งนัก “ 

 

 

อ้า ช่างเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่สวยงามยิ่งนัก แถมยังมีการมอบของแทนใจให้แก่กันตั้งแต่เยาว์วัยแล้วด้วย นี้ช่างเป็นการปลุกพลังมโนของสาววายเช่นนางขึ้นมาเหลือเกิน 

 

 

” กระหม่อมและฝ่าบาทผ่านความยากลำบากมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน ชั่วชีวิตนี้จะขอยกพระองค์เอาไว้เหนือเกล้า ความรู้สึกที่ยึดมั่นเช่นนี้ยากที่ผู้อื่นจะมาเข้าใจได้ ” ท่านราชครูยืดร่างขึ้นตรง นัยตาก็ฉายแววเย็นชากีดกันผู้อื่นออกไป 

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกราวกับถูกมองข้ามหัวไป ดูท่าทางที่หยิ่งผยองของเขาสิ พวกเขาไม่อาจแต่งงานกันได้ ก็อย่าได้มาโทษคนโสดเช่นข้าจะได้ไหม? 

 

 

เขากล่าวกับตู๋กูซิงหลันอีกว่า “ซูกุ้ยเฟยและอันหรวนกูกูกลับเข้ามาในวังแล้ว หากว่าไทเฮาทรงมีเวลา สมควรจะเสด็จไปพบพวกเขาบ้าง จะพูดไป ซูกุ้ยเฟยและพระองค์ต่างก็เคยเป็นดั่งพี่น้องที่สนิทสนมกันมาก่อน อันหรวนกูกูก็เป็นถึงแม่นมของฉางซุนฮองเฮา “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันย่อมเคยได้ยินมา ในวังหลังนี้มีพระสนมกุ้ยเฟยอยู่สองพระองค์ แต่ว่าผ่านมาก็นานแล้ว นางกลับไม่เคยได้เห็นหน้ามาก่อน คิดไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นเพื่อนรักของเจ้าของร่างเดิม? 

 

 

แต่ว่าอันหรวนกูกูนี่สิ นางกลับไม่เคยได้ยินผู้ใดพูดถึงมาก่อน 

 

 

แต่ว่าขนาดเจ้าซิ่วเอ๋อร์ยังพูดออกมาถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉางซุนฮองเฮาอีกด้วย เพียงฐานะขอนางย่อมไม่ธรรมดาแล้ว 

 

 

ว่าแล้ว ท่านราชครูค่อยกล่าวอีกว่า “กระหม่อมฟังมาว่าฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บ วันนี้กระหม่อมจึงตั้งใจจะมาเยี่ยมเป็นพิเศษ คงมิอาจอยู่ถวายการรับใช้ไทเฮาได้แล้ว 

 

 

นี่มันเท่ากับออกคำสั่งขับไล่แขกให้กับนางชัดๆ 

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของตู๋กูซิงหลันยังไม่เลือนหายไป นางเพียงแต่พยักหน้ารับ จากนั้นก็เสด็จจากไป 

 

 

เมื่อครู่ก่อนกระดูกก้นกบของนางพึ่งจะถูกกระแทกอย่างแรงมา พอต้องมาเดินเหินเช่นนี้ก็พาให้เจ็บปวดอย่างสาหัส 

 

 

นางอยากจะกลับไปนอนกางแขนกางขาบนเตียงหลังใหญ่ 

 

 

ในตำหนักเฟิ่งหมิงเหลือเกิน 

 

 

ที่จริงนางพยายามทำท่ามุ่งมั่นขึงขังออกมา แต่พอเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ชักบิดไปบิดมาอยู่บ้าง ราวกับคนที่เคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว เดินเหินลงจากเตียงไม่ไหว 

 

 

ท่านราชครูเดินมุ่งไปทางสระเย่วหัวอยู่หลายก้าว ก็หันศีรษะกลับมามองนางคราหนึ่ง จึงได้เห็นท่าทางเดินเหินของนางแบบนั้น ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ทอประกายเหน็บหนาวขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง 

 

 

ฝ่าบาททำอะไรกับนาง? 

 

 

ไม่ ฝ่าบาทไม่มีทางทำอะไรกับนางแน่…… 

 

 

เมื่อเห็นว่าเส้นผมที่ถูกสยายออกของนางยังเปียกชื้นอยู่บ้าง ….ก็ยิ่งทำให้เขาขมวดคิ้วแนบแน่นยิ่งขึ้น 

 

 

ในสระน้ำเย่วหัว เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? 

 

 

…………………………………. 

 

 

ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะกลับมาถึงพระตำหนักเฟิ่งหมิง ก็เห็นเจ้าไก่ติ๊งต๊องขนฟูกำลังก้มหัวโก่งก้นหาหนอนกินอยู่ใต้ต้นไฮ่ถาง 

 

 

พอนางพึ่งจะเดินไปถึง ก็เห็นเจ้าไก่ติ๊งต๊องจิกเอางูสีแดงตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้น เจ้างูตัวนั้นพยายามขดตัวหนีอย่างวุ่นวาย แต่กลับถูกปากที่แข็งแกรงประดุจเหล็กกล้านั้นจิกไว้ พอได้ยินเสียงฉั่วๆ ขึ้นสองครั้ง เจ้างูตัวนั้นก็ขาดเป็นสองท่อน 

 

 

พอมันเห็นว่าตู๋กูซิงหลันกลับมาแล้ว เจ้าติ๊งต๊องก็คีบเอางูสองท่อนนั้น ตีปีกโผเข้ามาหานางในทันที มันวางงูเอาไว้ที่เบื้องหน้านาง 

 

 

ส่งเสียงร้องอย่างเกินพอดีขึ้นมาว่า “กรุ๊ๆ กรู้~” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเหลือบตามองดูแวบหนึ่ง “ข้าไม่กินงู” 

 

 

” กรุ๊ๆ กรู้? ” เจ้าไก่ขนฟูเอียงหัวของมัน มันคิดว่างูเป็นของรสชาติดีที่สุดแล้วนะ 

 

 

หลายปีมานี้ตอนอยู่ในสุสาน มันชอบกินงูมากที่สุด 

 

 

พอเห็นว่าตู๋กูซิงหลันไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย มันก็ได้แต่หุบปีลง ขยับปากจิกเพียงนิดเดียว ก็กลืนกรุ๊บๆ ลงไปทันที 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นสายตาอิ่มเอมเปรมปรีของมัน ก็หรี่ตาลงมองอย่างพิจารณา เจ้างูนั่นเป็นงูกะปะแดงที่มีพิษร้ายแรง 

 

 

ในตำหนักเฟิ่งหมิงกลับปรากฎสัตว์พิษเช่นนี้ขึ้นมาได้ หากว่าผู้ใดไม่ทันระวังโดนกัดเข้าละก็ ผลลัพธ์อาจถึงขนาดจบชีวิตไปในทันที 

 

 

เจ้าไก่ติ๊งต๊องกินเข้าไปกลับไม่มีทีท่าผิดปกติใดๆ ตู๋กูซิงหลันจึงยิ่งรู้สึกว่าเจ้าไก่ตัวนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง 

 

 

พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็เห็นสาวน้อยในชุดกระโปรงสีเขียวสดใสบางเบาผู้หนึ่ง โฉมงามน่ารัก กิริยาสง่างาม คิ้วโกงดั่งใบหลิว ดวงตากลมโตดั่งเมล็ดซิ่ง (เมล็ดผลท้อ) ปากเล็กบาง งดงามตามแบบฉบับของสตรีโบราณ 

 

 

เพียงชมดูรูปโฉมภายนอกของนาง ก็รู้สึกว่าดึงดูดสายตาน่าประทับใจนัก 

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันมองออกไป สาวน้อยผู้นั้นก็มองมาทางนี้เช่นกัน นางชะงักไปครู่หนึ่ง ค่อยยกกระโปรงขึ้นวิ่งเขามาใกล้ 

 

 

พอเห็นว่าตู๋กูซิงหลันสวมชุดเฉกเช่นนางกำนัล นางก็ยิ่งเสยหน้าขึ้นใช้หางตาเหลือบมองนาง “เจ้าเป็นนางกำนัลในตำหนักเฟิ่งหมิง? “ 

 

 

ที่สระสรงเย่วหัวย่อมไม่มีเสื้อผ้าสำหรับเหล่าพระสนมทั้งหลาย นางเองก็เปียกไปทั้งตัว ทั้งยังไม่คิดจะสร้างความลำบากใจให้กับนางกำนัลทั้งหลาย ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นชุดของนางกำนัล ทั้งยังสยายผมออกมา เส้นผมยังไม่แห้ง เปียกชื้นลีบติดใบหน้า บดบังใบหน้าของนางเอาไว้ 

 

 

” เจ้าคือ? ” ตู๋กูซิงหลันมองดูนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

” เฮ่อ เป็นแค่นางกำนัลเล็กๆ ผู้หนึ่ง ยังคิดจะอยากรู้ฐานะของข้ารึ? ” สาวน้อยผู้นั้นหัวเราะเสียงเย็นออกมา ” ในวังต่างลือกันไปทั่วว่าเจ้าของตำหนักเฟิ่งหมิงผู้นั้นไม่รู้จักกฎระเบียบที่สุดแล้ว คิดไม่ถึงว่า นางกำนัลเล็กๆ เช่นเจ้าก็ไม่รู้จักมารยาทด้วยเหมือนกัน “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันอดจะมองดูนางอีกรอบไม่ได้ ชุดกระโปรงบนร่างของสาวน้อยผู้นี้ทำจากผ้าไหมเมฆคล้อยชั้นดี ซึ่งเหล่าพระสนมต่างนิยมใช้ตัดชุดกัน 

 

 

ข้างเอวของนางยังมีถุงใบเล็กๆ มัดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา สิ่งที่อยู่ภายในก็ขยับดุ๊กดิ๊กไปมา 

 

 

ตู๋กูซิงหลันถามออกไปด้วนสีหน้าเรียบเฉย “มิทราบว่าเป็นพระสนมตำหนักใด? “ 

 

 

” ยามนี้ยังไม่ใช่ ” สาวน้อยเชิดหน้าขึ้น ตอบออกไปอย่างแสนภาคภูมิใจว่า “แต่ว่าเร็วๆ นี้ย่อมใช่แน่ “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน ” หืม? “ 

 

 

” ดูท่าคนอย่างเจ้าคงจะไม่รู้อะไรดี ตามกฎบัญญัติของแคว้นต้าโจว เมื่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ในสามปีแรก ทุกครึ่งปีจะมีการคัดเลือกสนมหนึ่งครั้ง เจ้าดูสิว่าข้าน่ะโดดเด่นเพียงไร มีหรือที่ฝ่าบาทจะทรงไม่ถูกพระทัยได้? “ 

 

 

พูดแล้ว นางก็เดินหมุนตัวที่ด้านหน้าตู๋กูซิงหลันรอบหนึ่ง 

 

 

ภายใต้ชุดกระโปรงเขียวที่พลิ้วไหว คือสาวน้อยที่มีใบหน้าดุจดอกไม้ผลิบาน ช่างน่าดูอย่างแท้จริง 

 

 

สาวน้อยหมุนตัวเสร็จแล้ว ก็มิได้ลืมสอบถามนางว่า ” คุณหนูเช่นข้าเปรียบเทียบกับเจ้าของตำหนักเฟิ่งหมิงของเจ้าผู้นั้นเป็นเช่นไร? “ 

 

 

” เจ้ามาที่ตำหนักเฟิ่งหมิงก็เพื่อจะมาประชันโฉมกับไทเฮาหรือ? “ 

 

 

” ประชันโฉม? ฮ่าๆ ” สาวน้อยหัวเราะเสียงเย็น ” ต่อให้นางงดงามมากกว่านี้ แต่ในสายตาของฝ่าบาทก็ไม่อาจสู้ข้าได้แม้สักสามส่วน จะมาเปรียบเทียบกับข้า? นางไม่มีคุณสมบัติแม้แต่น้อย! “ 

 

 

วิญญาณทมิฬ “อุว๊ะ นังหนูนี่โคตรจะมั่น! ดูก็รู้เลยว่าไม่เคยลงสนามจริงๆ มาก่อน! “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่กล่าวคำใด นางในตอนนี้ปวดกระดูกก้นกบอย่างที่สุด คิดแต่จะปีนขึ้นเตียงไปนอนพักผ่อนเท่านั้น 

 

 

แต่พอขยับได้ก้าวหนึ่งก็ถูกสาวน้อยผู้นั้นสะกัดเอาไว้ “บอกว่าเจ้าไร้มารยาท เจ้าก็กล้าไร้มารยาทจริงๆ แค่บ่าวรับใช้ในวังคนหนึ่ง ไม่มีคำสั่งของข้าก็คิดจะจากไปได้? “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน ” ดังนั้นล่ะ? “ 

 

 

” ดูเจ้าสิกล้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาสักนิดหรือ? นายของเจ้าสั่งสอนเจ้ามาเช่นนี้หรือ? ” สาวน้อยพูดพลางก็ตวัดมือออกมา พริบตาเดียวก็ฝ่ามือนั้นก็จะตบลงบนใบหน้าของตู๋กูซิงหลัน 

 

 

” กะๆ กระต๊าก! “ 

 

 

พอนางขยับมือ ก็เห็นเจ้าไก่ขนฟูถลาเข้ามาทั้งตัว พุ่งเข้าใส่ใบหน้านางอย่างเต็มที่ 

 

 

สาวน้อยใบหน้าเปลี่ยนสี เอียงศีรษะหลบออก กรงเล็บของเจ้าไก่ขนฟูจึงกรีดลงบนหัวไหล่ของนางแทน เลือดสดๆ ไหลออกมาเป็นทางยาว 

 

 

นางเกิดโทสะในทันที สะบัดฝ่าเท้าออกใส่เจ้าไก่ขนฟู 

 

 

แต่ไก่ขนฟูมิใช่อ่อนด้อย ขยับปีกถลาเข้าตบตีนางเป็นพลันละวัน