ตอนที่ 654

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.654 – ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์

 

“ พี่พูดอะไรนะ?”

 

เซี่ยนเอ๋อถาม

 

เซี่ยนเอ๋อตัวแข็งที่อไปครู่หนึ่ง เมื่อรู้ตัวนางก็หน้าแดงราวกับถูกไฟเผา นางวิ่งหนีก้มหน้า ดวงตากลมโตมีน้ําตาที่เกิดจากความเขินอาย

 

ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองนางวิ่งหนีไป สุดท้ายเขาก็ต้องเลือกระหว่างเซี่ยนเอ๋อกับเซี่ยจิงหยู เขามิอาจทําให้เซียนเอ๋อเสียใจได้

 

ซือหยูราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก เขาออกบินไปไกล

 

ณ ทวีปเหนือ ที่คณะวิหคเพลิง

 

คณะวิหคเพลิงที่เคยยิ่งใหญ่ในตอนนี้ถูกทิ้งร้าง สิ่งปลูกสร้างมากมายเสียหาย กําแพงมีแต่รอยแตกร้าว

 

“รอบๆนี่มันรกชะมัด ดูพวกคนตรงหน้าจะดีกว่านะ”

 

ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาพูดกับตัวเองที่ยืนข้างบึง

 

ข้างหลังเขามีกิ่งภูติมากมายที่ยืนถือกระบี่ยาวในมือ แต่ละคนดูโหดร้ายป่าเถื่อน

แต่ไม่มีใครเลยที่ขยับตัว พวกเขายืนนิ่งราวกับก้อนอิฐ

 

“ข้าพิชิตคณะวิหคเพลิงเพลิงที่รวบรวมยอดฝีมือหญิงสาวงดงามได้แล้ว จากที่ข้าดู หญิงสาวพวกนี้งดงามอย่างที่ข่าวลือว่าไว้จริงๆ”

 

ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้คือผู้ศักดิ์สิทธิ์

 

เขาพูดต่อ

 

“ถ้าห้าศักดิ์สิทธิ์มาถึง ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขา”

 

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ

 

“เจ้าเลือกผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดมาจากพวกตัวประกันรึยัง?”

 

ทหารข้างหลังเขาโค้งด้วยความนับถือ

 

“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์ ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว”

 

เขาปรบมือเรียกสาวสวยทั้งสิบคนออกมาข้างหน้า แค่มองครั้งเดียวก็เห็นได้ว่าแต่ ละคนนั้นยั่วยวน บริสุทธิ์ อ่อนโยน บ้างดูหยิ่งยโส แต่ละคนนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์อันน่าทึ่ง

 

หกศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองแต่ละคน แต่เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ

 

“พวกนางงดงามก็จริง แต่ฐานพลังอ่อนด้อยนัก ธาตุหยินของสตรีจะเพิ่มตามฐานพลัง ไม่มีสาวงามที่พลังเยอะกว่านี้แล้วรึ?”

 

“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์ ในด้านความงาม เจ้าคณะวิหคเพลิงกับเฟิงเซี่ยนฉีศิษย์เก่าของนางคือหญิงสาวที่งดงามที่สุด พวกนางจะต้องทําให้ท่านห้าศักดิ์สิทธิ์พอใจแน่นอน แต่นางก็เสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว ข้าเกรงว่าท่านห้าศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่ยอมรับนาง”

 

ทหารตอบอย่างเป็นกังวล

 

“เจ้าคณะวิหคเพลิงกับเฟิงเซี่ยนฉีเป็นหญิงงามที่หาได้ยาก ข้าเคยเห็นพวกนางมาก่อน”

 

หกศักดิ์สิทธิ์นั้นทําหน้าที่โจมตีคณะวิหคเพลิง เขาต้องเคยเห็นสองคนนี้อยู่แล้ว เขาได้เห็นความงามอันน่าประทับใจจากทั้งสอง

 

“สตรีเช่นนั้นเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วรึ…เสียของนัก!”

 

หกศักดิ์สิทธิ์สบถออกมา

 

ทหารแอบรู้สึกสับสน เพราะนางทั้งสองนั้นงดงามยิ่งนัก แต่ทั้งสองก็ถูกพรากความบริสุทธิ์ไปแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่านางทั้งสองถูกชายคนเดียวกันพรากความบริสุทธิ์ไป

 

“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์ เราจะทําอย่างไรกับนางสองคนดี? พวกนางหมดคุณค่าไปแล้ว จะส่งพวกนางให้กับพี่น้องของเราดีหรือไม่?”

 

เขาถาม

 

แม้ว่าหกศักดิ์สิทธิ์จะต้องการสาวบริสุทธิ์ แต่คนอื่นก็มิได้คิดเช่นนั้น นอกจากนางทั้งสอง ยังมีหญิงสาวที่ประเมินค่ามิได้อีกในคณะวิหคเพลิง ที่นี่เป็นดั่งสวนสวรรค์ของบุรุษ

 

“หึหึ ข้าจะให้ทั้งสองกับเจ้าตอนที่ข้าเล่นกับพวกมันเสร็จแล้ว”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ยิ้มอย่างชั่วร้าย

 

เขาพูดต่อ

 

“แต่นี่ยังไม่ใช่เวลา! ต้องรอให้ห้าศักดิ์สิทธิ์มาถึงเสียก่อน ถึงสองคนนั้นจะเสียความบริสุทธ์ไป พลังหยินก็ยังคงไม่หมดแน่ ยังไม่ถึงเวลาของพวกเรา พวกเจ้าจงสั่งการว่าห้ามไม่ให้ใครแตะต้องก่อนที่ห้าศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาถึงและเดินทางต่อไปที่อื่น มิเช่นนั้นข้าจะประหารพวกเจ้าให้หมดด้วยตัวเอง!”

 

เสียงของหกศักดิ์สิทธิ์ดูดุร้ายอย่างมาก

 

เหล่าทหารที่ร้อนรุ่มในใจหยุดความคิดร้ายของตนเองในทันที เพราะหกศักดิ์สิทธิ์พูดถูก ห้าศักดิ์สิทธิ์ต้องมาก่อนเสมอ

 

“ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เซี่ยหวู่กับวู่เหิงเป็นอย่างไรบ้างนะ? ห้าศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงทวีปเหนือเป็นที่แรก จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด…”

 

หกศักดิ์สิทธิ์พูดเบาๆ

 

ทหารข้างหลังเขาพูดขึ้นมา

 

“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์พักให้สบายได้เลย ท่านเจ็ดศักดิ์สิทธิ์เซี่ยหวู่ กับท่านแปดศักดิ์วิทธิ์วู่เหิงมีกองทัพที่ดีที่สุดไปด้วย คงไม่มีปัญหาอะไรกับการจัดการพวกสํานักที่อ่อนแอ

 

หกศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

 

“ข้าไม่ได้กังวลว่เพิ่งนัก ถึงกําลังจะอ่อนแอกว่าเซียหวู่ เขาก็ใจเย็นกว่าและไม่รีบร้อนคิดอ่าน วู่เหิงคงไม่พลาด แต่เซี่ยหวู่มันเลือดร้อน มันอาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป…”

 

“รายงาน!”

 

จู่ๆก็มีรายงานมาจากนอกคณะวิหคเพลิง

 

คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาคือชายแก่หน้าซีดผมขาว เขาดูกระสับกระส่ายในแววตา

 

“ทําไมเจ้ารีบร้อนนัก ยี่ซง?”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วถาม

 

ยี่ซงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเหล่าทหาร เขาโค้งให้กับหกศักดิ์สิทธิ์

 

“ท่านหกศักดิ์สิทธิ์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว กองทัพใหญ่ของเซียหวู่ถูกกําจัดหมดเลย!”

เสียงของเขาสะท้อนถึงหูของทหารแต่ละคน ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ทุกคนคิดว่าหูฝาดด้วย

 

“เจ้า! พูดใหม่ซิ!”

 

ใบหน้าของหกศักดิ์สิทธิ์เยือกเย็นดั่งน้ําแข็ง

 

ยี่ชงกัดฟันพูดซ้ํา

 

“กองทัพของเซี่ยหวู่ถูกกําจัดหมดแล้ว”

 

แกร๊ก

 

กระเบื้องมรกตที่เท้าของหกศักดิ์สิทธิ์แตกเป็นเสี่ยง ใบหน้าที่ดูสงบนิ่งได้จากไปแล้ว มันแทนที่ด้วยความดุร้าย

 

“ฝีมืออาณาจักรทมิฬรึ?”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ถามอย่างเย็นชา

 

เขาคิดไม่ออกเลยว่าทวีปเฉินหลงจะแข็งแกร่งเช่นนี้ สิ่งที่เป็นไปได้ก็คืออาณาจักรทมิฬที่ไม่ได้แสดงตัวมาจนถึงตอนนี้

 

“ไม่ใช่ขอรับ”

 

ยี่ซงกระสับกระส่าย

 

“เป็นฝีมือของคนอื่น”

 

“ใครกัน? มีคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่ในเฉินหลงด้วยเรอะ?”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ถามด้วยความแปลกใจ

 

“มันคือพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!”

 

ยี่ชงปริปากออกมา

 

“ท่านเซี่ยหวู่ตายเพราะเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!”

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากจะเชื่อ เขาพูดด้วยความมั่นใจ

 

“มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าราชาโลกดับสูญเป็นคนลงมือ แต่ไอ้ที่เรียกว่าเจ้าพันธมิตรมันก็แค่เศษขยะที่ยังไม่เป็นภูติด้วยซ้ํา มันจะฆ่าเซี่ยหวู่ได้ยังไง?”

 

ยี่ซงส่ายหน้าเงียบๆ ใบหน้านั้นดูตกใจ

 

“มิใช่ขอรับ แต่เป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ มันชื่อซือหยู!”

 

“ซือหยูรี? มันเป็นเทพที่ไหนกัน? มียอดฝีมือในเฉินหลงที่พวกเราไม่รู้จักอยู่อีกรี?”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ถามด้วยความสงสัย

 

ยี่ซึ่งพูดเสียงสั่น

 

“เขามิใช่เทพ เขาไม่ได้เป็นภูติด้วยซ้ํา เท่าที่ข้ารู้ สามปีก่อนเขาเป็นแค่คนที่ไม่มีใครรู้จักและต่ําต้อย!”

 

เขาพูดต่อ

 

“แต่เขาบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์จนทําให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์โกรธเกรี้ยว เขาควรจะถูกผู้ศักดิ์สิทธิ์ฆ่าตายไปแล้วถ้าไม่ได้ราชาแห่งความมืดเข้ามาขวาง ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามฆ่าเขาด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็หายไปจากเฉินหลง เขาปรากฏตัวในสามปีให้หลังและเป็นเจ้าพันธมิตร คนใหม่ของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์”

 

เขาส่ายหน้า

 

“เขายังมีพลังเพิ่มขึ้นมามหาศาล! ตามข้อมูลของเรา ผู้ศักดิ์สิทธิ์วู่เหิงได้กลายเป็นข้ารับใช้ของเขา ท่านเซี่ยหวู่ก็ถูกจับเป็น! เขายังฆ่าถึงภูติผีสิบสามคนด้วยฝ่ามือเดียว ไม่มีทางรู้เลยว่าพลังที่แท้จริงของเขาอยู่ในขั้นไหน!”

 

ยี่ชงคือภูติที่ซ่อนตัวอยู่ในทวีปเฉินหลงในฐานะของเก้าศักดิ์สิทธิ์ เขายังเป็นหนึ่งในคนตระกูลยี่แห่งแปดตระกูลโบราณ ดังนั้นเขาจึงมีระดับต่ําที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์

 

เก้าศักดิ์สิทธิ์คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยที่เขาเคยคิดจะฆ่าเมื่อคราวก่อนได้กลายมาเป็นเจ้าพันธมิตรคนใหม่ของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์และมีพลังที่น่ากลัว

 

เพียะ

 

เก้าศักดิ์สิทธิ์ถูกตบอย่างแรง มีรอยฝ่ามือแดงปรากฏบนใบหน้า

 

“ไอ้บัดซบ! ทําไมเจ้ามาบอกข้าตอนนี้?”

 

หกศักดิ์สิทธิ์โกรธจัด

 

“ร้อยปีก่อน ราชาของเราเสียสละไปมากให้เจ้าได้ซ่อนตัวอยู่ในเฉินหลง เจ้าต้องรายงานเรื่ องคนที่แข็งแกร่งในทวีปกับพวกเรา ทําไมเจ้าถึงเก็บเรื่องซือหยููเอาไว้ไม่บอกใคร?”

 

เก้าศักดิ์สิทธิ์ตอบด้วยความขมขึ้น

 

“เขาเป็นแค่คนธรรมดาในตอนนั้น แต่พอเขาหายตัวไป ข้าก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก”

“แค่คนธรรมดาเรอะ? ยี่ซง เจ้าแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว!”

 

“ฎีกาสวรรค์มิอาจคาดเดา ใครก็ตามที่เลือกเส้นทางนี้จะมีพลังที่เหนือจินตนาการ โดยเฉพาะในขั้นฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ขึ้นไป มันแข็งแกร่งกว่าพวกคนในระดับเดียวกัน ถ้าเข้าใจฎีกาสวรรรค์ที่แข็งแกร่งแล้ว การฆ่าคนที่มีพลังเหนือกว่าก็ไม่ใช่เรื่องยาก คนในจวโจวยังต้องกลัวคนพวกนี้”

 

เขาถาม

 

“เจ้าลืมบุรุษไร้ใจหนึ่งในองครักษ์ทั้งห้าของจักรพรรดิจิวโจวไปแล้วเรอะ? พลังตอนที่มันใช้ฎีกาสวรรค์แข็งแกร่งพอๆกับราชาเขตกลางของเรา แม้แต่ราชาของเรายังต้องหาทางรับมือมัน มันเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาองครักษ์ทั้งห้า”

 

เขาถามต่อ

 

“ถ้าไอ้เด็กนี่บ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ได้ แล้วเจ้าคิดได้ยังไงว่ามันเป็นแค่คนธรรมดา? เจ้าอยู่ทวีปเฉินหลงนานเกินจนเลอะเลือนไปหมดแล้ว!”

 

ยี่ซงใจเต้นแรงเมื่อถูกตบหน้า เขารู้ว่าเขาได้ทําผิดพลาดไปแล้ว

 

ถ้าเขารายงานเรื่องนี้เสียก่อน บางทีเขตกลางก็อาจจะทําทุกอย่างเพื่อฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็คงจะต่างออกไป

 

“เป็นความผิดข้าเอง ท่านหกศักดิ์สิทธิ์โปรดเมตตาข้าด้วย”

 

เหงื่อเย็นๆซึมออกมาจากหน้าผากยี่ชง

 

หกศักดิ์สิทธิ์ตะโกนอย่างเย็นชา

 

“ถึงเวลาต้องรวบรวมคนทั้งหมดที่หาได้แล้ว ข้าจะไม่ทําอะไรเจ้า ข้าจะจัดการเจ้าหลังจากที่จัดการเรื่องในเฉินหลงเรียบร้อย!”

 

เขาสั่ง

 

“คุ้มกันที่นี่ ข้าจะไปหาพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ด้วยตัวเอง!”

 

เขากระโดดขึ้นฟ้าและหายตัวไปในพริบตา

 

ชายคนหนึ่งเดินทางด้วยความเร็วสูง ภาพที่ได้เห็นเลื่อนไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ซือหยููเดิน ทางมาหลายพันลี้ เขาผ่านทวีปเฉินหลงมาไกล เขากําลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรทมิฬ

 

“ท่านอาจารย์ ถ้าท่านพูดจริง ถ้าลําดับห้าธาตุได้รวมกับมุกบาดาล มันจะใช้พลังของมุกบาดาลได้สามในสิบส่วนรึ?”

 

ซือหยูถามขณะที่บินอยู่

 

มุกสีครามอําพันที่บดขยี้เซี่ยหวู่คือสิ่งที่เขาได้ใช้รวมกับลําดับห้าธาตุ ซือหยูเพิ่งจะชําระมันได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน เขาจึงไม่มีพลังจะรวมมั่นเข้าด้วยกัน แต่เป็นหยุนย่าสีที่ช่วยให้ซือหยูสร้างมันขึ้นมาได้

 

“หึหึ ข้าจะโกหกเจ้าทําไมเล่า? ยังมีพลังภูติส่วนเกินในมุกบาดาล ถึงเจ้าจะชําระมันจนหมด เจ้าก็ใช้พลังของมันไม่ได้ มันคงจะเสียของเปล่าๆ”

 

เขาตอบ และพูดต่อ

 

“เราก็แค่รวมมั่นกับลําดับห้าธาตุ เปลี่ยนมันให้เป็นลําดับบาดาล เจ้าจะใช้พลังภูติที่มันมีฆ่าศัตรูของเจ้า พลังของมันแข็งแกร่งกว่าลําดับห้าธาตุมากกว่าสิบเท่าเสียอีก จะใช้มันอย่างไรก็แล้วแต่เจ้า”

 

ลําดับบาดาลรึ? ซือหยูเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น แม้เขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นลําดับที่ซับซ้อนถ้ามาจากหยุนย่าสี

 

“ไม่ดีนักที่เรามีมุกบาดาลแค่ลูกเดียว ถ้ามีครบห้า พลังของมันจะมหาศาลขึ้นไปอีก!”

 

หยุนย่าสีพูดเสียงดัง

 

ซือหยูกลอกตา เขาโชคดีมากอยู่แล้วที่ได้มุกบาดาลมาหนึ่งลูก เขาคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะได้มันมาอีกได้จากไหน!