ตอนที่ 655

The Divine Nine Dragon Cauldron

ตอน 655 – ภาษามังกร

 

“แต่ถ้าแค่ลูกเดียวก็ได้พลังขนาดนี้แล้วเพราะกายามังกรของเจ้า! มุกบาดาลมันหนักมาก คนที่ไม่มีร่างกายแข็งแกร่งคงเจ็บตัวถ้าต้องเจอเจ้า!”

 

หยุนย่าสีพูด

 

มุกบาดาลหนักจนน่ากลัวแม้จะมีขนาดเล็ก แม้แต่ซือหยูที่ชําระมันไม่หมดก็ขยับมันไม่ได้

 

ถ้าวันหนึ่งซือหยูชําระและควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยกายามังกรของเขา ถ้าเขาขว้างมันออกไปพื้นก็คงจะแหลกสลาย! ถ้าเขาทําได้ก็จะไม่มีใครเผชิญหน้ากับพลังนี้ได้เลย!

 

“ท่านอาจารย์ ท่านเข้าใจตัวอักษรที่เขียนในกายามังกรเทพปีศาจหรือไม่? มันไม่ใช่ภาษามนุษย์ที่ข้ารู้จักเลย”

 

ซือหยูได้รับกายามังกรเทพปีศาจมา และแม้แต่ตัวเขาเองก็อ่านมันไม่ออกแม้แต่ตัวเดียว

 

“มันเป็นภาษาตระกูลมังกร…”

 

หยุนย่าสีเหลือบมอง

 

ภาษาตระกูลมังกรรึ? ซือหยูสงสัยขึ้นมาทันที

 

“ตระกูลมังกรหายไปตั้งนานแล้ว มีบางคนที่อ่านภาษาของพวกเขาได้ บังเอิญว่าข้าเคยศึกษาเรื่องตระกูลมังกรก็เลยรู้ภาษาของพวกเขา กายามังกรเทพปีศาจเป็นหนึ่งในวิชาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลมังกร มันเคยถูกเรียกว่าวิชาแปลงมังกรปีศาจสี่ร่าง หลังจากที่บ่มเพาะผ่านแต่ละระดับ คนที่บ่มเพาะจะเพิ่มพลังขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ตามที่ข้ารู้ วิชานี้จัดอยู่ในสามลําดับแรกของวิชาชําระร่าง”

 

หยุนย่าสีอธิบาย

 

ซือหยูตกใจมาก หยุนย่าสีนั้นลึกลับและรอบรู้โดยแท้จริง! เขามีความรู้อย่างกว้างขวาง ส่วนเรื่องกายามังกร ถ้าเรื่องที่มันเป็นวิชาสามลําดับแรกเป็นเรื่องจริง มันก็ต้องแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย!

 

ฟึ่บ!

 

ในตอนนั้น มีแสงเหมือนกับหิงห้อยพุ่งออกจากกล่องหยกเข้าไปที่หน้าผากของซือหยู

 

“นี่เป็นความรู้เรื่องภาษาทั้งหมดของตระกูลต่างๆ ที่ข้ามี รวมถึงภาษามังกรด้วย เจ้าควรจะได้รู้ ความรู้ก็คือพลังรูปแบบหนึ่ง ยิ่งเจ้ารู้มาก มันก็จะช่วยเจ้าได้มาก”

 

หยุนย่าสีพูด

 

ซือหยูตื่นเต้นมากเมื่อได้ฟัง เพราะความรู้แบบธรรมดาๆก็นับกว่าหายาก สําหรับเขา สิ่งที่หยุนย่าสีมอบให้นั้นล้ำค่ายิ่งกว่าสมบัติวิเศษ!

 

“ขอบคุณท่านอาจารย์”

 

ซือหยูดีใจมาก เขาปล่อยให้จิตใจได้เรียนรู้สิ่งที่ได้รับ เขาไม่รีรอที่จะเริ่มเรียนรู้ภาษาต่างๆ! 

 

หยุนย่าสีหัวเราะเบาๆ

 

“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยเจ้าบ่มเพาะอย่างเป็นทางการ ข้าไม่เคยถอนคําพูด ใช้เวลาเรียนรู้มันไป ยังเหลืออีกหนึ่งวันก่อนเราจะถึงอาณาจักรทมิฬ เจ้าใช้วันที่มีทําความเข้าใจมันซะ”

 

ซือหยูไม่ตอบ เพราะเขาเริ่มเพ่งสมาธิอยู่กับการเรียนรู้ครั้งใหม่ไปแล้ว

 

ความแปลกใจของซือหยูไม่เคยลดลงเมื่อเขาดูองค์ความรู้ที่ได้รับมา และด้วยข้อมูลจํานวนมหาศาล เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยทั้งปีในการค้นคว้ามันทั้งหมด!

 

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในโลกนี้มีตระกูลอยู่อีกมากขนาดนี้!”

 

ซือหยูอ้าปากค้าง ข้อมูลของหลายตระกูลนอกจากมังกรล้วนเป็นสิ่งที่หยุนย่าสีได้เรียนรู้มา! นั้นรวมถึงตระกูลสัตว์ประหลาด ตระกูลปีศาจ ตระกูลแมลง และอีกหลายอย่างที่ไม่เคย ปรากฏเลยสักครั้งในทวีปเฉินหลง!

 

“อืม นี่มันตระกูลอะไรกัน?”

 

ซือหยูพบว่ามีองค์ความรู้ส่วนใหญ่ที่ถูกทิ้งห้อยปิดผนึกเอาไว้

 

“ตระกูลเทพ…นั่นมันอะไรกัน?”

 

ซือหยูค่อนข้างตกใจเมื่อพบว่ามีส่วนขององค์ความรู้ที่ปิดเอาไว้ และมันเป็นเรื่องของตระกูลเทพ

 

แต่ตระกูลเทพคืออะไรกัน? ท่านอาจารย์คงจะจงใจปิดบังมั่นเอาไว้เพื่อไม่ให้ข้ารู้…

 

อืมมม..ถ้าท่านอาจารย์จงใจปิดเอาไว้ ต่อให้ข้าถามไป มันก็คงจะเสียแรงเปล่า…

 

คําว่า “ตระกูลเทพ” ดูจะติดตรึงใจเขามาก ยากที่ซือหยูจะลืมมันไป

 

เขาพยายามจะไม่สงสัยเรื่องตระกูลเทพและเพ่งสมาธิกับเรื่องภาษามังกร แค่ภาษามังกรอย่างเดียวก็ทําให้เขาต้องใช้เวลาศึกษาทั้งเดือนโดยไม่หลับไม่นอนเพื่อที่จะได้ความรู้ทั้งหมด นั่นก็เพราะมันมีข้อมูลอยู่เป็นจํานวนมาก!

 

ซือหยูที่กําลังสนใจอย่างมากนั้นเริ่มด้วยตัวอักษรในกายามังกรเทพปีศาจ เขาเรียนรู้ตัวอักษรมาหลายร้อยตัว เมื่อผ่านไปครึ่งวัน ซือหยูรู้สึกล้าจนต้องพักและลูบหน้าผาก

 

“ภาษามังกรมันยากจริงๆ แค่อักษรเดียวก็มีความหมายได้หลายแบบ! เกือบชั่วโมงกว่าข้าจะรู้ความหมายของคําเดียว!”

 

เมื่อผ่านไปครึ่งวัน ซือหยูเข้าใจเพียงหกคําของกายามังกรเทพปีศาจ หนทางยังอีกยาวไกลก่อนที่เขาจะเข้าใจมันทั้งหมด และนั่นไม่ใช่แค่ภาษามังกรอย่างเดียว ยังมีเรื่องของตระกูลอื่นอย่างตระกูลสัตว์ประหลาด ตระกูลปีศาจ และอื่นๆ เขาต้องใช้เวลามหาศาลกว่าจะเรียนรู้มันได้ครบ

 

“ท่านอาจารย์ให้ขุมสมบัติที่ยิ่งใหญ่กับข้าจริงๆ”

 

ซือหยูพูดเบาๆ เขารู้ดีถึงความสําคัญและคุณค่าของภาษาต่างๆที่เขากําลังเรียนรู้

 

และเมื่อถึงตอนที่เขาจะเริ่มเรียนรู้ภาษามังกรอีกครั้งนั้นเอง

 

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

 

มีคนสองคนที่บินอย่างรวดเร็วมาทางเขา หนึ่งคนสวมชุดสีแดงส่วนอีกคนสวมสีขาว ดูเหมือนว่าทั้งสองกําลังจะไล่ตามกันอยู่

 

คนที่สวมชุดแดงคือชาวแก่ที่มีผมสั้นขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย เขาที่บินหนีค่อนข้างหน้าซีด

 

ส่วนอีกคนด้านหลังปล่อยพลังมหาศาลออกมา เขาเป็นชายหนุ่มสวมเกราะสีขาวที่มีฐานพลังถึงภูติระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเป็นผู้นําทัพจากต่างโลก!

 

แม้ชายแก่ชุดแดงระเป็นภูติระดับหนึ่งเหมือนกัน พลังของเขาก็อ่อนแอกว่าคนหนุ่ม ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะกลายเป็นภูติด้วยซ้ำ

 

“ไอ้แก่บัดซบ! เก่งเหลือเกินที่หนีจากพวกข้าได้ แต่เจ้าจะจบลงวันนี้แหละ! ส่งม้าเมฆามาให้ข้าได้แล้ว”

 

ชายหนุ่มสะบัดมือ กระบี่สีเงินลอยออกจากแขนเสื้อไปยังหัวใจของชายแก่ ชายแก่ตกใจมาก เขารีบหยิบเอาสมบัติเทพระดับสูงที่ทําจากผ้าออกมาขวางกระบี่

 

ครืด!

 

สมบัติเทพของเขาขาดสะบั้น มันถูกทําลายในทันที

 

“เจ้าพวกเฉินหลงบ้านนอก คิดจะสู้กับข้าด้วยสมบัติวิเศษรึ?”

 

ชายชุดขาวถอนหายใจแรง

 

หลังจากที่กระบี่สีเงินตัดผ่านสมบัติเทพ มันไปต่อสู่ร่างของชายแก่ แต่โชคดีที่กระบี่เปลี่ยนทิศทางไปเล็กน้อย มันจึงแทงทะลุซิโครงของเขา แต่มันก็ทําให้เขาบาดเจ็บหนักอยู่ดี

 

ชายแก่ควงอยู่กลางอากาศหลายรอบก่อนจะตกลงไปที่พื้น มีกล่องหยกหล่นมาจากอกเมื่อเขาตกพื้น

 

มีลูกม้าตัวเล็กน่ารักข้างในกล่องหยกนั้น มันนอนไร้ความเคลื่อนไหวในกล่องเพราะถูกกักตัวเอาไว้ มันมีพลังมหาศาลและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าโอสถใดที่ซือหยูเคยเห็นมา!

 

ฟึ่บ!

 

กล่องหยกลอยไปอยู่ในมือเด็กหนุ่ม เขาหัวเราะด้วยตาที่เป็นประกาย

 

“หึหึ ม้าเมฆา! ทวีปเฉินหลงยังมีสัตว์ล้ำค่าแบบนี้อยู่! น่าเสียดายนักที่มันมาอยู่ในมือเจ้า ถ้าภูติระดับหนึ่งได้กินมันก็จะช่วยชําระล้างพลังชีวิต ถ้าโชคดีจะเลื่อนระดับพลังไปอีกขั้น!”

 

“สงสัยนักว่าทําไมของล้ำค่าหลายอย่างที่ไม่ค่อยมีในจิวโจวถึงมาอยู่ที่นี่”

 

ชายแก่ชุดแดงเจ็บปวดกับความสูญเสีย แต่เขาก็ไม่สนใจมันอีกแล้ว เขาคลานขึ้นมาและพยายามหนี

 

“คิดจะหนีเรอะ? ถ้ามาเจอข้าเจ้าก็เลิกคิดหนี้ได้เลย”

 

ชายหนุ่มกระบี่ไปยังชายแก่และขว้างกระบี่ตรงไปยังหัวของชายแก่!

 

ชายแก่ชุดแดงเจ็บหนักอยู่แล้ว เขาไม่สามารถขยับตัวได้อย่างอิสระ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบกระบี่สังหารเลบัมนี้ แต่ก่อนที่เขาจะโดนสังหารก็มีเสียงโลหะกระทบกัน กระบี่สีเงินของชายหนุ่มหักเป็นสองท่อน!

 

“สมบัติของจิวโจวก็ไม่ได้กล้าแกร่งอะไรนัก เพราะสมบัติของคนบ้านนอกอย่างข้าก็ยังดีกว่า…”

 

เสียงของชายหนุ่มดังก้องไปทั่ว

 

เอื้อก!

 

ชายหนุ่มสวมชุดเกราะที่จิตใจเชื่อมต่อกับกระบี่กระอักเลือดออกมา เขาถอยด้วยความตกตะลึง

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

เขาตกใจมาก เพื่อกระบี่เงินของเขาอยู่ในระดับที่ใกล้กับสมบัติถึงวิญญาณ แต่มันกลับหักเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย!

 

ฟึ่บ!

 

สายลมพัดผ่าน มีหนึ่งคนปรากฏตัวข้างชายแก่ชุดแดง เขาคือชายหนุ่มที่รูปงามกว่าชายใด เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือหยู!

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

ชายหนุ่มในชุดเกราะถามอีกครั้ง เขาจ้องมองกระบี่ทองเล่มเล็กในมือซือหยู มันคือสมบัติกึ่งวิญญาณ ดังนั้นชายคนนี้จะต้องมีพลังที่ยอดเยี่ยมเป็นแน่

 

“คนที่กําลังจะตายอย่างเจ้าจะรู้ไปทําไม?”

 

ซือหยูดีดนิ้ว กระบี่ทองหายไปในทันที มันปรากฏอีกครั้งที่คอของชายหนุ่ม!

 

ชายหนุ่มหน้าซีด เขาอยากจะหันหัวหลบแต่ที่หางตาก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้นมาอีก มันทะลวงคอของเขาอย่างไร้ปรานี!

 

“กระบี่ทองสองเล่ม…เจ้าคือเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์!”

 

นั่นคือคําพูดสุดท้ายของชีวิตเขา กระบี่เล่มเล็กทะลวงคอเข้าลึกลงไป ชีวิตของเขาดับมอด

 

ซือหยูยกมือเรียกกระบี่ทั้งสองเล่มกลับมา กล่องหยกเองก็ลอยมาที่มือของซือหยูด้วย ซือหยูสู้กับภูติมามากมาย ง่ายดายนักที่จะรับมือกับภูติระดับหนึ่ง

 

แท้จริงแล้วก็ไม่ยากเท่าใดที่เขาจะรับมือกับภูติระดับสอง แต่เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการกับภูติระดับสาม ส่วนภูติระดับสี่นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยสู้ด้วย เขาไม่แน่ใจว่าผลจะเป็นอย่างไร

 

“จะ…เจ้าคือ…เจ้าพันธมิตรซือ ใช่ไหม?”

 

ชายแก่ข้างหลังเขาพูดขึ้นมา เขาดวงตาสั่นด้วยความตกใจ

 

ซือหยูหันไปอย่างใจเย็น เขาถามชายแก่

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

ชายแก่ตัวสั้น เขาทั้งตกใจและกลัว เขารีบประสานหมัดให้ซือหยู

 

“ข้าเป็นหัวหน้าผู้ตรวจการของอาณาจักรทมิฬ นามว่าไป่จง เป็นเกียรติที่ได้พบท่านเจ้าพันธมิตรซือ”

 

หัวหน้าผู้ตรวจการรึ? ไป่หยุนกับไป่ฮีก็เป็นผู้ตรวจการ ชายคนนี้คงจะเป็นหัวหน้าของสองคนนั้น

 

“เจ้าไม่ใช่คนของข้า ไม่จําเป็นต้องแสดงความนับถือต่อข้าเช่นนั้น”

 

ซือหยูพูด

 

ไป่จงทั้งดีใจและตื่นเต้น ซือหยูเริ่มสงสัยขณะที่เขาถามอย่างตื่นเต้น

 

“ท่านเจ้าพันธมิตรซือ ท่านนํากําลังเฉินหลงตีพวกต่างโลกจนแตกพ่าย ท่านยังเอาดินแดนของเราคืนมาได้ ท่านคือตัวอย่างของคนทั้งทวีปเฉินหลง พวกข้าทุกคนควรนับถือท่าน!”

 

คําพูดของไป่จงนั้นแสดงความเลื่อมใสและนับถือต่อซือหยูจนทําให้ซือหยูยิ้ม

 

“ข้าแค่ทําหน้าที่ข้า ถ้าเจ้าไม่มีอะไรอีก ข้าก็จะไปแล้ว”

 

เขาบินจากไปโดยไม่พูดพร่ำทําเพลง เพราะเขามีสมบัติล้ำค่าในมือ นั่นคือมาเมฆา เขาควรจะรีบไปให้เร็ว ไป่จงรีบบินตามไปแต่เพราะบาดแผล เขาจึงมิอาจตามความเร็วของซือหยูได้

 

“เขาเป็นเด็กหนุ่มอย่างที่ข่าวลือบอกไว้จริงๆ! น่าตกใจยิ่งนัก!”

 

ไป่จงยังตื่นเต้นกับการที่ได้พบซือหยู

 

แต่เมื่อเขาลูบในอกเบาๆ เขาก็นึกถึงมาเมฆาและตะโกน

 

“เดี๋ยวก่อน ท่านเจ้าพันธมิตรซือ! ม้าเมฆาของข้า!”

 

ไป่จงหายใจหอบไล่ตามซือหยูอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ความขมขึ้นปรากฏบนใบหน้า ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือจงใจ แต่ซือหยูได้เอาม้าเมฆาของเขาไปแล้ว!

 

นั่นเป็นสมบัติที่ควรจะส่งให้กับตําหนักเจ็ดจ้าวแห่งความมืดนะ…และข้าก็เพิ่งจะเสียมันไป!

 

ไป่จงขมวดคิ้วและหัวเราะอย่างขมขื่น