ตอนที่ 656

The Divine Nine Dragon Cauldron

ตอน.656 – พิษพิฆาต

 

ซือหยูที่อยู่พันไกลออกไปสีหน้าดูกระอักกระอ่วน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาชิงสมบัติมาจากคนอื่น

 

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาชิงสมบัติมาจากคนที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง

 

แต่เรื่องก็แน่นอนว่าถ้าซือหยูไม่เข้าไป ชายแก่ก็คงจะตายและเสียสมบัติไปอีก ถึงจะรู้อย่างนั้นจิตใจของเขาก็ไม่ดีขึ้นกับสิ่งที่ตัวเองทําลงไป

 

“ข้าขอโทษ ไปจง สิ่งที่มีค่ามากต่อข้า ถ้ามีโอกาสตอบแทนเจ้าในครั้งหน้า ข้าจะทําแน่นอน”

 

ซือหยูพูดกับตัวเองเบาๆ

 

เขามองรอบๆจนพบหุบเขาที่เต็มไปด้วยแมกไม้ มันเหมาะที่จะเป็นที่ซ่อน ซือหยูร่อนลงในหุบเขาและหาที่นั่งทําสมาธิ

 

เขาหยิบเอากล่องหยกและมองดวงวิญญาณที่สั่นสะเทือนอยู่ภายในที่เป็นรูปม้าขาว และอ้าปากค้าง

 

เขามิใช่เด็กหนุ่มแบบในอดีตอีกแล้ว การได้เข้าไปยังกระโจมเทพสวรรค์ทําให้สายตาของเขาดีขึ้นมา

 

ตอนนี้ไม่ยากเลยที่เขาจะรู้สึกถึงพลังมหาศาลในวิญญาณมาเมฆา และมันก็เป็นต้นไม้

 

“ม้าเมฆา…น่าแปลกที่ทวีปเฉินหลงยังมีของแบบนี้อยู่ได้”

 

หยุนย่าสีพูดจากกล่องหยก

 

“ต้นม้าเมฆาต้องการพลังวิญญาณที่หนาแน่นมากในการเติบโต แม้แต่ในกระโจมเทพสวรรค์ก็ยากที่มันจะถูกเพาะขึ้นมาได้ ถึงพลังวิญญาณของทวีปเฉินหลงจะหนาแน่นขึ้นมา มันก็ไม่ต่างกับกระโจมเทพสวรรค์ ข้าไม่เห็นทางที่ของแบบนี้จะเติบโตได้เลย เรื่องนี้ช่างแปลกนัก”

 

ซือหยูเริ่มสงสัยเช่นกัน จากข้อมูลที่เขาได้มา อาณาจักรทมิฬถูกรายล้อมไปด้วยกําลังจากต่างโลก

 

เขาต้องสงสัย

 

ไปจงปรากฏตัวพร้อมกับพกม้าเมฆาไปได้มาไหนได้ยังไงกัน? แล้วทําไมเขาถึงถูกไล่ล่าจากพวกต่างโลกเล่า?

 

เรื่องทั้งหมดน่าฉงนใจยิ่งนัก

 

“ตอนนี้ข้าไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้าจะกินมันทั้งแบบนี้ได้หรือไม่?”

 

ซือหยูถามอย่างตรงประเด็น สิ่งนี้เป็นของที่มีผลโดยเฉพาะกับภูติที่บ่มเพาะพลังชีวิต เขาคิดว่ามันน่าจะให้ผลดียิ่งกว่ากับกิ่งภูติ

 

แต่นึกไม่ถึงว่าหยุนย่าสีจะตะคอกกลับมา

 

“ถ้าเจ้าอยากจะติดพิษจนตายก็กินมันเลย! ข้าจะไม่ห้ามเจ้า”

 

ซือหยูเลิกคิ้ว ม้าเมฆามีพิษสูงงั้นรึ?

 

หยุนย่าสีอธิบาย

 

“ม้าเมฆาเป็นต้นธาตุจักรวาล มันให้ผลดีอย่างมากกับคนที่บ่มเพาะพลัง แต่มันก็มีพิษแปลกๆ อยู่ด้วย แม้พิษนิดเดียวก็ทําให้ภูติที่ต่ำกว่าระดับสี่ตายได้เพราะมันไม่ใช่พิษที่จะสะกดได้ด้วยพลังชีวิต ถึงกายามังกรของเจ้าจะแข็งแกร่ง มันก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเจ้าจากพิษถึงตายนั่นหรอก”

 

ซือหยูไม่แปลกใจเมื่อได้ฟัง เขาครุ่นคิดและถาม

 

“ถ้าเช่นนั้นข้าควรจะคิดมันยังไง? ข้าต้องปรุงมันเป็นโอสถรี?”

 

หยุนย่าสีตอบ

 

“ใช่แล้ว เจ้าต้องผสมมั่นกับวัตถุดิบล้ำค่าเพื่อล้างพิษออกก่อน เจ้าจะกินได้ตอนที่โอสถผสมแล้ว ส่วนวัตถุดิบ เจ้าหาได้ในเฉินหลง แต่เจ้าคงต้องตามหามันหลายเดือนสักหน่อย”

 

หยุนย่าสีพูดปลอบใจ

 

“แต่ไม่ต้องหงุดหงิดไป ม้าเมฆาอยู่ในมือเจ้าแล้ว จะกินได้ตอนไหนก็อยู่ที่โอกาส ถ้าทุกอย่างเป็นใจ วันที่เจ้ากินมาเมฆาได้ก็คือวันที่เจ้าจะได้เป็นถึงภูติที่มีแก้วสามดวง”

 

อย่างนั้นรึ? ซือหยูตาเป็นประกาย เขาพยักหน้า

 

“ศิษย์เข้าใจแล้ว”

 

หยุนย่าสีพูดขึ้นมา

 

“เอาเถอะ เจ้าต้องจัดการภาระในทวีป เวลาบ่มเพาะพลังของเจ้าลดลง เจ้าควรจะตั้งหน้าตั้งตาทํางานของทวีปให้เสร็จทั้งหมด ถึงตอนนั้นข้าจะมาชี้แนะเจ้าต่อไป ตอนนี้ข้าต้องพักฟื้น อย่าปลุกข้าถ้าไม่มีเรื่องด่วน”

 

ซือหยูไม่รู้ว่าหยุนย่าสีได้ปรากฏตัวในอีกโลกเพื่อสังหารอสูรเนรมิตร นั่นเป็นเหตุที่วิญญาณของเขาเสียหายหนัก ดังนั้นเขาต้องหลับไปนานอีกครั้งก่อนที่จะฟื้นฟูพลังวิญญาณขึ้นมาได้ใหม่

 

ซือหยูตกใจ อาจารย์จะหลับอีกแล้ว?

 

แต่เขาก็คิดจะลองบางสิ่งอยู่แล้ว เขาคิดแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

 

“เอาล่ะ ดูแลตัวเจ้าเองให้ดี หวังว่าเจ้าจะทําให้ข้าแปลกใจอีกตอนที่ข้าตื่น”

 

หยุนย่าสีพูด กล่องหยกเงียบสนิทหลังจากที่เขาพูดจบ

 

ซือหยูสัมผัสดูว่าหยุนย่าสีหลับไปแล้วหรือไป จากนั้นเขาก็มองกล่องหยกที่มีม้าเมฆา

 

เขาหัวเราะ

 

“ข้าว่าไม่จําเป็นต้องรอหรอก ข้าจะทําให้ท่านอาจารย์แปลกใจเดี๋ยวนี้เลย”

 

เขายื่นมือหยิบเอาม้าเมฆามาไว้ในมือ แม้ว่าม้าเมฆาจะเป็นสมุนไพรวิญญาณ มันก็ดูเหมือนกับม้าสีหิมะที่กําลังวิ่งอยู่จริงๆ มันดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก

 

พิษถึงตายงั้นหรือ? ซือหยูสงสัยอย่างมาก เขาคิดก่อนจะดึงเอาเส้นขนสีขาวออกมาจากม้าเมฆา

 

เขาใช้เนตรวิญญาณมองมั่งอย่างละเอียด ไม่นานเขาก็พบว่ามีน้ำสีขาวเล็กน้อยอยู่ในเส้นขนถึงเขาจะมีเนตรวิญญาณ ขเาก็คงไม่รู้ตัวว่ามีน้ำสีขาวนี้ซ่อนเอาไว้ถ้าไม่ถูกเตือนมาก่อน

 

เขามองม้าเมฆาทั้งตัวใกล้ๆ ไม่ยากที่จะเห็นว่าม้าเมฆาทั้งต้นเต็มไปด้วยน้ำสีขาวรวมถึงสายโลหิต เนื้อ หนัง น้ำสีขาวนี้มีพิษถึงฆาตอย่างที่หยุนย่าสีกล่าวไว้ มันสังหารได้ทุกคนที่มีพลังต่ำกว่าภูติระดับสี่

 

ซือหยูปล่อยขนเส้นนั้นลงบนพื้นใต้เท้า มันกลายเป็นน้ำสีขาวไหลซึมพื้นดิน บนพื้นที่ซือหยูยืนอยู่ เหล่าบุพผาและต้นหญ้าเริ่มกลายเป็นสีเหลืองในทันที สุดท้ายทุกอย่างก็กลายเป็นสีดํา ทุกอย่างถูกพิษจากน้ำสีขาว

 

เหล่าสิงสาราสัตว์และอสรพิษในป่าตายไปเช่นกัน ทั้งหุบเขาเงียบกริบเพียงไม่นาน

 

พร้อมกันนั้นยังมีบางอย่างที่สีขาวคล้ายน้ำนมกระจายตัวในอากาศ เพียงหายใจเล็กน้อยก็ทําให้ซือหยูเริ่มขึ้น เขาตกใจมาก

 

“แย่แล้ว!”

 

ซือหยูอ้าปากค้าง เขารีบบินขึ้นที่สูงและบินไปไกลอีกสิบลี้ เขาใช้พลังชีวิตขับสิ่งที่หายใจเข้ามา

 

แต่ซือหยูก็จบว่าสิ่งที่หายใจเข้าไปนั่นไม่ได้เกรงกลัวต่อพลังชีวิตเลย มันยังไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายซือหยู เขารู้สึกว่าหัวของเขาหนักอึ้ง ภาพที่เห็นเริ่มขุ่นมัว อีกไม่นานเขาจะหมดสติ

 

เขากําลังตกอยู่ในอันตราย ที่แรกเขาแค่อยากจะทดสอบว่าม้าเมฆามีพิษจริงหรือไม่ เขาไม่คิดเลยว่ามันจะท้าทายเช่นนี้ แม้แต่พลังชีวิตก็แก้ไขอะไรไม่ได้!

 

แก้วพลังสายฟ้าในจุดกําเนิดพลังของซือหยูปล่อยสายฟ้าออกมาเป็นจํานวนมากในทันที แต่สายฟ้าทําลายล้างสูงก็แทบจะไม่มีผลกับอากาศสีน้ำนม มันยังคงไหลผ่านไปในร่างของซือหยู

 

ซือหยูใจเต้นแรง เขาหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ! นี่มันพิษอะไรกัน! ซือหยูหนักใจเมื่อรู้ว่าสติกําลังหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น

 

หลังจากที่สายฟ้าล้มเหลว ซือหยูพยายามจะแช่แข็งพิษด้วยพลังน้ำแข็งของเขา เมื่อเริ่ม พิษถูกแช่แข็งไปก็จริง แต่ไม่นานพิษก็ละลายน้ำแข็งและกระจายไปทั่วร่างซือหยูตามเดิม

 

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะขวางพิษอย่างแกไม่ได้!”

 

ซือหยูสบถ

 

เขาปล่อยเพลิงในตัวออกมา มันคือต้นกําเนิดอัคคี เพลิงแล่นผ่านทั่วร่างปะทะกับพิษสีน้ำนม