“ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าเสียแรงเลย เพราะฉันจะไม่มีทางให้คุณได้อยู่กับเชอร์รีนเด็ดขาด ถึงแม้ว่าฉันจะตายไปแล้วก็ไม่มีทาง ถ้าเป็นแต่ก่อนฉันยังโอนอ่อนในความเด็ดเดี่ยวนี้ให้คุณได้
แต่ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด รูปพ่อเชอร์รีนวางไว้ในห้องรับแขก ฉันมองคุณแล้วก็คิดถึงเขาว่าทำไมต้องตาย ความเคียดแค้นที่มากขนาดนี้ คุณนึกว่าคุณยืนอยู่ได้หลายวันแล้วจะทำให้ฉันหายโกรธหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก!
ถ้าคุณไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเชอร์รีนเปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้าง ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก แล้วก็อย่ามาให้เธอเห็นหน้าอีก ฉันไม่เคยใจแข็งอย่างนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก แต่มันก็จะเด็ดขาดหนักแน่น!”
คนดีๆ คืนหนึ่งบอกว่าจะไม่อยู่แล้วก็ไม่อยู่เลย เธอจะรับการโจมตีนี้ได้อย่างไร?
นั่นเป็นคู่ของเธอ โลกทั้งใบของเธอเมื่อไม่มีเขาแล้วก็พังทลาย ทางข้างหน้านั้นมืดมิดมองไม่เห็นถนน!
ในเวลานี้บริษัทโทรเข้ามา เหมือนว่าจะเกิดเรื่องด่วนอะไร ออกัสไหว้ลาด้วยความเคารพแล้วจากไป
แต่กนกอรไม่แสดงอาการใดๆ เธอไม่ได้ใจอ่อน
เชอร์รีนไปโรงเรียน ข้างแก้มของเธอนั้นค่อนข้างบวม ตาก็ค่อนข้างบวมๆแดงๆด้วย
เมื่อถึงเวลากินข้าวกลางวัน ครูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้เอาข้าวกลางวันมาให้เธอ เธออยากที่จะไปห้องน้ำ เลยลุกขึ้นและเดินออกไป
ข้างๆประตูนั้น เธอได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่นอกห้องน้ำ
“แต่ก่อนครูเชอร์รีนชีวิตดี๊ดี ท่านประธานออกัสเอาอาหารกลางวันที่มีประโยชน์มาส่งให้ทุกวัน ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“จริงๆแล้ว ท่านประธานออกัสเป็นผู้ชายที่ดีนะ แต่ตอนนี้เรื่องนี้ติดแหงกอยู่ที่หัวใคร ก็ต่างรู้สึกไม่สบายด้วยกันทั้งนั้น คนทั้งสองมีทั้งชีวิตลูกกับชีวิตพ่อกั้นไว้อยู่ จะให้อยู่ด้วยกันได้ยังไง?”
“นั่นน่ะสิ คิดดูสิพ่อของตัวเองต้องมาเสียชีวิตเพราะพ่อของผู้ชายตัวเอง ถ้าอยู่ด้วยกันรังแต่จะสร้างปัญหา!”
“จริงๆแล้ว ท่านประธานออกัสใจกว้างต่อคุณครูเชอร์รีนมากอยู่นะ วิดิโอของพ่อเขานั้นถูกแพร่ไปว่อนเน็ต ใครๆรู้ก็ส่งเขาเข้าคุก เขาก็ปล่อยให้ทำโดยไม่ขัดขวาง”
“งั้นก็ควรโทษพ่อเขา สมน้ำหน้า! ใครให้เขาทำเรื่องที่ยากที่จะให้อภัยได้ ไม่อย่างงั้นคุณครูเชอร์รีนจะปฏิบัติต่อเขาอย่างนั้นได้ไง?”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ความเคียดแค้นของคนทั้งสองนั้นเยอะเหลือเกิน เยอะเหลือเกินจริงๆ”
“ฉันว่านะถ้าเป็นฉัน ขืนฉันอยู่ด้วยกันกับท่านประธานออกัสต่อ แม่เอาฉันตายแน่! ถึงอย่างไรคนที่เสียชีวิตไปนั้นเป็นสามีก็ตาม!”
“แต่ก่อนเมินเฉยว่าไม่มีโอกาสเลยไม่ใช่หรอ ตอนนี้สำหรับท่านประธานออกัสมีโอกาสแล้วไม่ใช่หรอ?”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังออกมา ความคิดดังอยู่ในหัวของเชอร์รีน นั่นน่ะสิ ความเคียดแค้นระหว่างพวกเขานั้นมันมากเกินไป ถ้ากลับมาอยู่ด้วยกัน มันยากเกินกว่าที่จะให้อภัยได้
……
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องน้ำ เชอร์รีนได้จัดการกับอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อยดีแล้ว สีหน้าก็เรียบปกติ
เพิ่งจะกลับมาถึงห้องทำงาน เลยได้ยินพวกคุณครูกำลังลือกันว่าอีกสองวันจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาเยี่ยมชมโรงเรียน
เธอได้ยินแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงคนไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในตอนบ่าย เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา
เชอร์รีนกดรับสาย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่โทรมานั้นจะเป็นหยาดฝน
“ฉันเผาเป็นไฟไปหมดแล้ว ศพฝังอยู่ที่สุสานหลังเขา ข่าวนี้ฉันคิดว่าฉันควรบอกกับเธอ” น้ำเสียงของหยาดฝนไม่ถึงกับขนาดมีความกระตือรือร้น เธอพูดอย่างเย็นชา
“ฉันไม่มีความจำเป็นที่ต้องรู้ข่าวนี้” ท่าทางของเชอร์รีนก็เยือกเย็นเหมือนกัน
“งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน บอกให้รู้มันเป็นเรื่องของฉัน ส่วนอยากไม่อยากฟังมันเป็นเรื่องของเธอ”
คำพูดสนทนาเป็นไปอย่างสั้นๆ หลังจากนั้นหยาดฝนก็กดวางสายลง เธอได้ยินว่าวินดาไม่มีญาติอยู่ที่อำเภอซีซ่า
ให้ชีวิตนี้กับเธอ เธอฝังนางเอาไว้ นั่นมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
สำหรับเชอร์รีน เธอจะทำยังไง ในใจคิดยังไง นั่นเป็นเรื่องของเธอ ไม่ได้เกี่ยวกับหยาดฝนเลยแม้แต่น้อย
ด้วยความที่ไม่อยากจะรบกวนนาโนอีก เธอไปที่ที่ให้เช่าห้อง ได้ห้องที่ต้องการเช่าแล้ว แม้ไม่ได้ดูแพงอะไร แต่ก็อยู่ได้
รู้ว่ากนกอรยังไม่อยากเจอเธออีก เชอร์รีนก็ไม่ได้ไปให้เธอเห็น ซื้ออาหารบำรุงให้ชารีฟ ให้เขาดูแลดีๆ
ห้องที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่สภาพแวดล้อมไม่ค่อยดี หน้าต่างเล็กแล้วก็ไม่มีที่ให้จอดรถ เธออยากที่จะซื้อรถ ในใจเธอวางแผนไว้อย่างนี้
ไม่ว่าจะคมนาคมหรือสัญจรต่างก็ไม่สะดวก ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อรถแพง แค่ซื้อมาไว้เพื่อแทนการเดินเท่านั้นเอง
ไปที่โชว์รูมรถ ดูราคาและแบบรถไว้คร่าวๆ รู้สึกว่า Chery Fulwin2ก็ใช้ได้อยู่
จริงๆแล้วนิสัยของเธอค่อนข้างที่จะเฉียบขาด ในเมื่อได้ตัดสินใจเอาไว้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะโลเล รูดบัตรเครดิตและซื้อรถเลย
คนที่ตื่นเต้นที่สุดน่าจะเป็นซาราง ทั้งกระโดดโลดเต้น จับแล้วจับอีก
หลายปีก่อน ก็ตอนช่วงที่เธอเข้ามหาลัย จักรกฤษยังคับให้เธอเรียนขับรถเพื่อสอบใบขับขี่ เธอไม่ยอม เขาก็ด่าจากทางด้านหลัง ขนาดขับรถยังไม่กล้าขับ แล้วจะไปทำอะไรได้
ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน เธอถูกส่งให้ไปเรียนขับรถ แดดในตอนนั้นก็ร้อนมาก ทุกวันต้องตากแดด หลังจากสองเดือนผ่านไปก็ได้ใบขับขี่มา เธอก็ดำเหมือนถ่าน
กนกอรต่อว่าจักรกฤษ เป็นลูกผู้หญิงต้องส่งไปเรียนขับรถ ตอนปิดเทอมยังขาวๆอยู่เลย เผลอแปปเดียวจะเปิดเทอมแล้วผลออกมาคือตากแดดจนตัวดำเป็นถ่าน
จักรกฤษก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า ดำก็ให้ดำไปสิ จะขาวขนาดนั้นเพื่อเป็นไอ้หน้าขาวหรอ?
ตอนนั้นเธอขำไม่หยุด ผู้ชายเขาถึงเรียกว่าไอ้หน้าขาว ผู้หญิงเขาเรียกว่าขาว รวย สวย!
ความรู้สึกได้หายไป ขณะที่ไม่รู้สึกตัวนั้น จมูกก็เกิดอาการคัด บริเวณรอบดวงตานั้นชุ่มชื้น แค่คิดถึงเขาเธอก็อยากจะน้ำตาไหล
ยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาที่บริเวณหางตา แล้วยกเท้าเดินไปข้างหน้า ได้คุยกับผู้ให้เช่าไว้เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าไม่มีที่จอดรถ ก็จอดทิ้งไว้ในลานบ้านได้ เวลากำลังผ่านไป ชีวิตกลับมาเงียบสงบ แต่ว่าชีวิตที่เงียบสงบจนเกินไปก็เหมือนชายหาดที่ตายแล้ว ไม่มีคลื่น ไม่มีแต่จะเกิดระลอกคลื่นเล็กๆได้เลย
หลังจากที่ส่งซารางที่โรงเรียนเสร็จแล้ว เชอร์รีนก็รีบขับรถไปที่โรงเรียนต่อ
ครูก้อยสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนชั้นหนึ่ง ได้เห็นเธอขับมาโรงเรียน พูดยิ้มๆว่า “ใช้ได้เลยนะเนี่ย ตอนเช้าไปส่งลูกสาวยังต้องรีบเข้ามาทำงานอีก ถ้าไม่มีรถก็ไม่สะดวกนะ”
เชอร์รีนยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ เวลานี้การคมนาคมไม่สะดวกจริงๆ สามวันนี่สายไปแล้วสองวัน
“ไปกันเถอะ ได้ยินว่าอีกสักพักบุคคลที่มีชื่อเสียงจะมาแล้ว ผู้อำนวยการกำลังเรียกคุณครูรวมตัวอยู่”
เธอกับครูก้อยเข้าไปค่อนข้างช้า ขณะที่รอให้คนทั้งสองตามมา คุณครูคนอื่นๆก็มากันครบแล้ว ผู้อำนวยการนั้นสวมเสื้อสูทที่รีดจนเรียบ ท่าทางมีชีวิตชีวา และยืนตัวตรงดิ่ง
เพียงแต่ว่า ผู้อำนวยการนั้นค่อนข้างเตี้ยและอ้วน ท้องที่นูนด้วยการดื่มเบียร์นั้นโผล่ขึ้นมาเยอะมาก ชุดสูทที่สวมอยู่ในร่างของเขาค่อนข้างทำร้ายเขาจริงๆ
ก็ไม่รู้ว่าคนที่มานั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาจากไหน รอจนใกล้ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ถึงเห็นรถคันสีดำเรียบและดูแพงขับเข้ามา
ประตูรถได้เปิดออก ผู้อำนวยการก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับ ขาที่เรียวยาวได้ก้าวออกมา ผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมาจากรถ
ในขณะนั้นเอง เชอร์รีนก็เหมือนรูปแกะสลักที่หยุดมองอย่างมึนงงอยู่กับที่ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มานั้นจะเป็นออกัส