แต่ก่อนเธอไม่รู้เลยว่าความรักจะเป็นเรื่องที่ยากและเจ็บปวดอย่างนี้ เธอนึกว่ารักกันก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
และท้ายที่สุดแล้วระหว่างเธอกับเขาก็ต้องเว้นช่องว่าง เกินเลยไม่ได้อีก
ไม่มีพ่อแล้ว เธอจะขาดแม่ไปอีกไม่ได้ ตั้งแต่เล็กก็มีแม่คอยเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
หัวใจของเธอกำลังเจ็บ แต่ความเจ็บที่อยู่ในใจเขาไม่น้อยไปกว่าเธอเลย….
เขาก็ชำเลืองตามองเธออยู่สักพัก หลังจากนั้นก็หันหน้ามา ออกัสดึงข้อมือของสุนันท์ เขาพูดขอโทษต่อกนกอรด้วยความเคารพ “ขอโทษคุณป้าด้วยครับวันนี้ที่ทำให้วุ่นวาย เดี๋ยววันไหนผมจะเข้ามาเยี่ยมเพื่อเป็นการขอโทษนะครับ”
“ไม่ต้อง หลังจากนี้ตระกูลสิริไพบูรณ์ของเธอกับตระกูลของพวกเราไม่มีความสัมพันธ์ใดต่อกัน เธอไม่ต้องมา ถึงมาฉันก็ไม่ให้เข้า ออกไปเดี๋ยวนี้!
“ขอโทษครับ!” หลังจากนั้นเขาก็นำตัวสุนันท์ออกไป
พวกเขานั่งอยู่บนรถเบนท์ลีย์สีดำ ออกัสไม่พูดอะไร แค่ขับรถไป ความเร็วที่เขาใช้ในการขับค่อนข้างมาก
สุนันท์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถให้ลูกชายตัวเองนั้นรังเกียจตัวเธอได้ จึงพูดว่า “ออกัส เมื่อกี้แม่ถูกโทสะเข้าครอบงำก็เลยพูดจาเพ้อเจ้อไป จะว่าไปบ้านพวกเราเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนั้น ยังมาห้ามแม่ไม่ให้โกรธอีก!”
ได้ยินดังนั้น นัยน์ตาที่ลึกซึ้งของออกัสกวาดตามองมา แล้วพูดกับเธอว่า “บางเรื่อง ผมไม่อยากเห็นเป็นครั้งที่สองอีก”
ถึงที่สุดแล้วเธอก็เป็นแม่ของเขา ให้กำเนิดเขา และเลี้ยงดูเขามา
……
อยู่บ้านไม่ได้นาน เชอร์รีนก็ถูกไล่ออกมา กนกอรยังคงไม่อยากเห็นเธอ ร่องรอยที่อยู่ในใจนั้นยังคงไม่หายไป
เดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายอยู่บนถนน ถึงเวลาเลิกงาน เธอไปรับซารางที่โรงเรียนอนุบาล
ซารางอยากกินคุณปู่เคเอฟซี ช่วงเวลานี้ก็ไม่ได้พาเธอมากินจริงๆ เชอร์รีนจึงพาเธอไปกินเคเอฟซี
คนในเคเอฟซีเยอะมาก ยืนเข้าคิวก็ใช้เวลาไม่น้อย ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะถึงคิว
กินอาหารมื้อค่ำเสร็จแล้ว ซารางอยากไปนั่งเรือในทะเลสาบ หลังจากนั้นก็ไปNight market กว่าจะกลับบ้านก็สามทุ่มแล้ว ฟ้าได้มืดลงแล้ว
เชอร์รีนแบกซาราง เจ้าตัวเล็กนอนคว่ำอยู่บนด้านหลังของเธอ กำลังหลับอย่างสบาย
รถเบนท์ลีย์คันสีดำที่คุ้นเคยที่สุดนั้นได้จอดไว้ที่ชั้นล่าง ออกัสสูบบุหรี่พิงอยู่ที่ตัวรถ
พอเห็นเธอ เขาก็เดินเข้ามา เชอร์รีนเก็บความรู้สึก พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ออกัสไม่พูดว่าอะไร เขายื่นมือมากอดซารางที่อยู่บนหลังของเธอแล้วเอามาวางไว้ในที่นั่งในรถ หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้ามา “พวกเราคุยกันหน่อย”
“สิ่งที่ควรพูด สิ่งที่พูดได้ พวกเราต่างก็พูดกันชัดเจนไปแล้ว ฉันไม่คิดว่าระหว่างพวกเรายังมีอะไรให้พูดกันอีก จะว่าไประหว่างพวกเราไม่มีทางเป็นไปได้ เป็นเพราะพ่อของคุณ พ่อของฉันเลยเกิดอุบัติเหตุอย่างนั้น ฉันทำใจไม่ได้เลย แต่พ่อของคุณกลับเข้าคุกเพราะฉัน ในใจของคุณน่าจะมีความเคียดแค้นเหมือนกัน มีความแค้นกั้นไว้อย่างนี้ คุณคิดว่าระหว่างพวกเรายังมีทางเป็นไปได้หรอ?”
“ใครบอกว่าผมเคียดแค้นคุณ?”
สองมือของออกัสบีบที่ไหล่ของเธออย่างแน่น คนทั้งสองมองตากัน
“เรื่องที่เขาติดคุก ผมไม่เคยเคียดแค้นคุณเลย ผมเป็นนักธุรกิจ เหมือนที่คุณพูดไว้เมื่อนานมาแล้วนั้นแหละ ถ้าไม่ปลิ้นปล้อนก็เป็นพ่อค้าไม่ได้ ผมไม่ได้มีเมตตานะ ถ้าวันนั้นเด็กที่แท้งออกมาเป็นลูกของคนอื่นก็เป็นคนอื่นที่อยากเอาเขาเข้าคุก ถึงแม้ว่าผมเกลียดเขาเข้ากระดูกขนาดนั้น ผมก็คงไม่ให้พวกคนเหล่านั้นเอาเขาเข้าคุกหรอก….”
คำพูดทุ้มต่ำได้หยุดชะงักลงนิดนึง เขาต้องการที่จะมองเข้าไปถึงส่วนลึกของนัยน์ตาเธอ “เป็นเพราะคุณ เป็นเพราะคุณแล้วก็ลูกของพวกเรา แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำอย่างนั้น ผมก็จะเอาเขาเข้าคุก แต่ผมหวังว่าคุณจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวคุณเองได้ ได้แก้แค้นด้วยตัวคุณเอง ผมแค่หวังให้คุณมีความสุขขึ้นมาบ้าง ไม่ให้เจ็บปวดแบบนั้นอีก แล้วผมเคยเคียดแค้นคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ใจของเชอร์รีนนั้นสั่น ฝ่ามือนั้นร้อน เธอไม่ได้พูดอะไร
“แล้วก็คำพูดพวกนั้นที่คุณพูดต่อหน้าแม่ของคุณ สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนั้นผมไม่สามารถที่จะเข้าไปขวางได้ ถ้าผมพูดก็มีแต่จะทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากขึ้นไปอีก ก็เลยทำได้แค่ให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณนั้นเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างไป พวกเราจะได้คบกัน….”
เขาพูด เธอฟัง เขาต้องการมองเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของนัยน์ตาเธอ เธอก็ต้องการมองเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของนัยน์ตาเขา
พวกเขาใกล้กันขนาดนี้ มองกันลึกซึ้งกันขนาดนั้น แต่กลับเหมือนคนสองคนที่อยู่บนโลกนี้ห่างกันไกลแสนไกล ก้าวข้ามไปไม่ถึง….
“จริงๆนะ ระหว่างพวกเรามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉันสาบานต่อหน้าแม่ไปแล้ว มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้อีก ดังนั้นคุณหยุดมาที่นี่เถอะ”
ออกัสจ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยม หลังมือมีเส้นโลหิตนูนขึ้นมา เขาบีบไล่ของเธอแน่นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ แรงที่อยู่บนฝ่ามือนั้นค่อนข้างที่จะหนักเกินไป บีบจนเธอเจ็บ เธอคิ้วขมวด “เจ็บ…”
เขาก้มตัวลงมา ริมฝีปากของเขาจูบปากของเธอไว้อย่างโหดเหี้ยมและลึกซึ้ง
ระหว่างที่ริมฝีปากกับฟันกระทบกัน เสียงของเขาทุ้มต่ำลง พูดออกมาอย่างอึดอัดใจว่า “งั้นก็เจ็บด้วยกัน ลงนรกไปด้วยกัน!”
เชอร์รีนใช้แรงที่มีทั้งหมดในร่างกาย ผลักเขาออกอย่างรุนแรง หายใจถี่ๆ ตรงหน้าอกมีจังหวะหายใจขึ้นลง
ออกัสในเวลานี้กลับเหมือนคนบ้าที่ดื้อรั้นไม่มีทางรักษาหาย เธอทำให้เขาเจ็บ เขาก็ต้องทำให้เธอเจ็บ เจ็บไปด้วยกัน ไม่มีใครยอมใคร
ลงนรกไปด้วยกันก็ดี ยังไงมีเธออยู่ข้างกาย เขาชนหน้าผากของเธอ “เจ็บล่ะสิ พวกเราเจ็บไปด้วยกันเถอะ เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตได้อยู่ต่อ อย่างนี้ถึงจะดีที่สุด!”
“คุณบ้าไปแล้ว!” เชอร์รีนมองเขา ตะโกนเสียงดังใส่เขาอย่างเสียการควบคุม “ระหว่างพวกเราห่างกันเกินไป นอกจากสองชีวิตแล้ว ยังมีอะไรอีกมาก! คุณเข้าใจไหม? ฉันคงไม่ตัดแม่ตัดลูกเพราะคุณหรอกนะ คุณเข้าใจไหม?
ออกัสยื่นมือออกมาเช็ดรอยเลือดจางๆที่ริมฝีปาก “คุณรักเธอมากกว่าผมหรอ?”
“ใช่!” เธอตอบโดยไม่ลังเล
เขาจุดบุหรี่มาม้วนนึงต่อหน้าของเธอ ใจของออกัสเหมือนถูกอะไรบางอย่างมาทรมาน ถูกขยี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ดังนั้นคุณไม่มีความจำเป็นจะต้องมาหาฉันอีก สภาพการณ์มันเป็นอย่างนี้แล้วมันไม่มีทางย้อนเอาคืนมาได้ ฉันไม่มีทางทิ้งเธอเพราะคุณ คุณต้องเข้าใจ!”
พูดจบ เธอเปิดประตูรถแล้วอุ้มซารางออกมา เขาขึ้นรถโดยไม่หันกลับมามอง
ในขณะที่เธอหันตัวกลับ นัยน์ตาของเธอนั้นถูกคลุมไปด้วยน้ำตาแล้วมันก็ไหลออกมา
ออกัสนั่งอยู่บนรถ เขาหักพวงมาลัยรถเลยส่ายไปมา และส่วนที่เป็นข้อต่อกระดูกของเขาเส้นเลือดสีดำได้นูนยิ่งขึ้นไปอีก
ในห้อง เชอร์รีนไม่ได้นอน เธอเอนผิงตรงข้างประตู แม่เลี้ยงดูเธอจนเติบใหญ่อย่างนี้ เธอลืมบุญคุณไม่ได้หรอก!
เธอให้แม่นั้นสูญเสียพ่อไปแล้ว แล้วจะให้แม่สูญเสียเธอไปอีกได้ยังไง?
ดังนั้น ระหว่างเธอกับเขาได้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ทนความเจ็บปวดมามากมาย แต่ยังไม่มีทางที่จะอยู่ด้วยกัน!
ร้านเหล้า
ดนัยกำลังดื่มเหล้า หัสดินก็กำลังดื่มอยู่ ออกัสไม่ได้ขยับ เขาแค่นั่งผิงอยู่ตรงนั้น สีหน้าเขาหนักหน่วง
“ดื่มเถอะ ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องกวนใจมากขนาดไหน ดื่มเหล้าแล้วก็ลืมไปได้หมดแหละ!” ดนัยโยนเหล้าให้เขา
ออกัสเอาเหล้าโยนไปทางอื่น “ไม่มีอารมณ์ แล้วก็ไม่อยากหว่ะ”
หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้น ไม่แม้แต่จะพูดคำกล่าวลาก็ขับรถออกไป ที่ที่เขาไปคือบ้านของเชอร์รีน
เขาเคาะประตู พอเห็นเขา กนกอรก็ปิดประตูใส่ ออกัสไม่ได้กลับ เขายืนอยู่หน้าประตู ยืนอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งคืน
เช้าตรู่ของวันที่สอง ขณะที่กนกอรเปิดประตูออกมาก็เห็นตาของเขามีเส้นเลือดฝอยแล้ว อีกทั้งใบหน้าก็อ่อนและเหนื่อยล้า