ตอนที่ 504 เขาก็ไม่สามารถรังแกเจ้าเช่นนี้ได้ / ตอนที่ 505 ใจเย็นๆ ก่อน

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 504 เขาก็ไม่สามารถรังแกเจ้าเช่นนี้ได้ 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นเดาออกแล้วว่าทำไมหลิงอวี้จื้ออารมณ์ไม่ดี ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเฉินปี้แน่นอน 

 

 

เขาอยากบอกหลิงอวี้จื้อ ความกังวลของเธอจะคลายลงในไม่ช้า แต่เขาไม่สามารถพูดตรงเกินไปได้ หากหลิงอวี้จื้อรู้ทั้งหมดนี้จะต้องห้ามปรามแน่ ดังนั้นตอนนี้เขายังไม่สามารถให้หลิงอวี้จื้อรู้ได้ 

 

 

“เพราะเฉินปี้ใช่หรือไม่ อวี้จื้อ ข้ารู้จักเจ้ามาตั้งนานแล้ว ไม่เคยเห็นเจ้าก้มหน้าสลดใจเช่นนี้มาก่อน แค่เฉินปี้คนเดียวจะไปสนใจอะไร เจ้าจำต้องเอานางมาใส่ใจด้วยหรือ ข้าว่านางไม่มีดวงจะได้เข้าจวนท่านอ๋องหรอก” 

 

 

ไม่สามารถพูดอะไรตรงๆ ได้ มู่หรงนี่อวิ๋นได้แต่เตือนหลิงอวี้จื้ออ้อมๆ เท่านั้น 

 

 

วันนี้เขาอยากหาโอกาสลงมือ ทำอย่างไรเฉินปี้ก็ไม่อยู่ในจวน เดิมทีกะว่าจะเฝ้าตอรอกระต่าย [1] ต่อไป พอมั่วชิงวิ่งมาหา รู้ว่าหลิงอวี้จื้ออยากเจอเขา มู่หรงนี่อวิ๋นก็ไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว รีบมาทันที 

 

 

อย่างไรเสียเรื่องนั้น เขาก็ไม่สามารถยืดเวลานานเกินไป สองวันนี้ก็จะคลี่คลายได้ ตอนนี้อีกไม่ถึงสิบวันก็จะถึงวันแต่งงานของหลิงอวี้จื้อแล้ว เขาต้องรีบทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด 

 

 

หลิงอวี้จื้อหยิบกาน้ำชาจากโต๊ะขึ้นมา รินชาหนึ่งถ้วย เธอหลบสายตาลง มองถ้วยชาของตัวเอง ไม่ดื่มและไม่พูดอะไร เนิ่นนานถึงได้เอ่ยปากออกมา 

 

 

“นี่อวิ๋น ข้าถามเจ้า หากถ้วยชานี้มีขี้หนูตกลงไป ชาถ้วยนี้เจ้าจะดื่มหรือไม่ดื่ม” 

 

 

“ไม่ดื่มแล้ว รินใหม่อีกถ้วย” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นพูดจบก็อดใจไม่ไหว ถามว่า 

 

 

“เฉินปี้ไม่ถือว่าเป็นขี้หนูที่ตกลงไปในถ้วยชาหรอก อย่างมากก็เป็นแค่ขี้หนูที่ติดอยู่ข้างถ้วยชา 

 

 

อยากจะตกลงไปก็ตกลงไปไม่ทัน เช็ดออกก็จบแล้ว ถ้วยชานี้ยังไม่ถูกทำลาย” 

 

 

ครั้งที่แล้วหลิงอวี้จื้อก็เคยเปรียบเปรยเช่นนี้ ด้งนั้นมู่หรงนี่อวิ๋นจึงเข้าใจความหมายของหลิงอวี้จื้อ เธอกำลังพูดถึงเฉินปี้ เห็นเธอคอยพะวงเรื่องเฉินปี้ จึงยิ่งเพิ่มความมุ่งมั่นที่จะลงมือช่วยหลิงอวี้จื้อ 

 

 

หลิงอวี้จื้อหัวเราะอย่างขมขื่น 

 

 

“ตกลงไปแล้ว” 

 

 

“นางยังไม่ได้เข้าจวนท่านอ๋องมิใช่หรือ” 

 

 

หลิงอวี้จื้อถือถ้วยชาในมือแน่นขึ้น จนข้อนิ้วขาวซีด ราวกับจะบีบถ้วยให้แตกเป็นผุยผงอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“วันนี้ข้าไปหาอาเหยี่ยนที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เห็นอาเหยี่ยนกับเฉินปี้กำลัง… อย่างไรเจ้าก็มิใช่หนุ่มน้อยไร้เดียงสา ควรจะเข้าใจความหมายของข้า” 

 

 

เรื่องนี้หลิงอวี้จื้อจะไม่บอกคนอื่น แต่มู่หรงนี่อวิ๋นเป็นเพื่อนสนิทที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา ต่อหน้าเขา หลิงอวี้จื้อไม่ต้องกังวลอะไรมาก หากไม่พูดออกมาอีก หลิงอวี้จื้อรู้สึกว่าตัวเองคงจะอกแตกตาย 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นตกใจอย่างยิ่ง เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาอุตส่าห์มีความคิดเช่นนั้นแล้ว เฉินปี้กลับชิงนำเขาไปหนึ่งก้าวโดยการมีความสัมพันธ์ทางกายกับเซียวเหยี่ยน หรือว่าที่หลิงอวี้จื้อมีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงเช่นนี้ ที่แท้เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้น 

 

 

“ท่านอ๋องทำกับเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร” 

 

 

เมื่อมู่หรงนี่อวิ๋นมีสติกลับมาก็รู้สึกโมโหมาก ไม่สนใจสถานะของเซียวเหยี่ยน อ้าปากมาก็ด่าทันที 

 

 

“เดิมทีเจ้าก็คอยพะวงเรื่องเฉินปี้อยู่แล้ว ท่านอ๋องยังจะร่วมห้องกับเฉินปี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้อีก ทำเกินไปแล้วจริงๆ ถึงแม้จะเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก็ไม่สามารถรังแกเจ้าเช่นนี้ได้” 

 

 

“เรื่องนี้ก็โทษเขาไม่ได้ เฉินปี้วางยา มิเช่นนั้นเซียวเหยี่ยนจะแตะต้องตัวนางได้อย่างไร” 

 

 

ถึงแม้จะหัวร้อน แต่ต่อหน้าคนอื่นหลิงอวี้จื้อก็ปกป้องเซียวเหยี่ยนเองโดยไม่รู้ตัว นี่แทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งแล้ว 

 

 

“นึกไม่ถึงว่าเฉินปี้จะมีแผนร้ายเช่นนี้ เดิมทีนึกว่านางเป็นถึงกุลสตรี เข้าใจเรื่องมารยาท จรรยา มีความละอายแก่ใจ นึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักยางอายถึงเพียงนี้” 

 

 

ได้ยินเรื่องนี้แล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นก็แทบอยากจะบีบคอเฉินปี้เสียเดี๋ยวนั้น เดิมทีเขาคิดจะช่วยหลิงอวี้จื้อ คราวนี้แผนของเขาไม่มีทางทำสำเร็จแล้ว สองคนมีความสัมพันธ์ทางกายแล้ว เฉินปี้ได้เข้าไปอยู่ในจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 505 ใจเย็นๆ ก่อน 

 

 

“ด่านางไปจะมีประโยชน์อะไร นางไม่ได้ยิน มิหนำซ้ำยังไม่เจ็บไม่คัน วันนี้ข้าตบนางไปสองครั้ง ผลคือมือตัวเองเจ็บจะตายอยู่แล้ว” 

 

 

หลิงอวี้จื้อฟุบลงกับโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง เอามือปิดตา อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านอย่างยิ่ง 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ชินกับการเห็นหลิงอวี้จื้อในสภาพนี้ เมื่อก่อนหลิงอวี้จื้อสดใสมีชีวิตชีวามาก แววตาแจ่มใสราวกับน้ำพุร้อน แทบไม่เคยเห็นเธอเศร้าใจเลย 

 

 

ไม่ว่าเวลาใดก็มองโลกในแง่ดีเสมอ ถึงแม้อยู่ในช่วงวิกฤติของความเป็นความตายก็ไม่เคยย่อท้อให้เห็น ยังยิ้มได้ขณะหยอกล้อกับคนรอบๆ ตัว 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลิงอวี้จื้อแสดงออกเช่นนี้ รู้สึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนและความทุกข์ทนจากแววตาของหลิงอวี้จื้อได้อย่างชัดเจน ถึงแม้เธอพยายามใช้น้ำเสียงสบายๆ ตลอดเวลาที่พูดเรื่องเหล่านี้ออกมา แต่เห็นได้ชัดว่า เธอไม่ได้มีความคิดล้อเล่นเลย 

 

 

หลิงอวี้จื้อรักเซียวเหยี่ยนมากเพียงใด มู่หรงนี่อวิ๋นรู้ดี เขาเห็นกับตาตนเองมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถชักชวนให้หลิงอวี้จื้อไปจากเซียวเหยี่ยน เขาไม่ได้คิดจะออกไป เพียงแต่คอยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ เธอเท่านั้น 

 

 

“อวี้จื้อ หากเจ้าอยากร้องก็ร้องออกมา ไม่จำเป็นต้องคิดมากต่อหน้าข้า” 

 

 

หลิงอวี้จื้อเอามือออก เงยหน้าขึ้น อวี้จื้อเอามือปิดตา จึงทำให้เธอยังไม่ชินกับแสงภายนอก เธอแค่นยิ้มออกมา 

 

 

“ใครบอกว่าข้าอยากร้องไห้ มีอะไรน่าร้อง เจ้าไม่มีทางได้ล้อข้าหรอก ตัวข้าเองสิจะล้อตัวเอง ขอบใจเจ้านะ นี่อวิ๋น ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนรักของข้า” 

 

 

“เจ้าคิดจะทำอย่างไร” 

 

 

“ข้าอยากให้ตัวเองใจเย็นๆ ก่อนค่อยว่ากัน เรื่องที่ตัดสินใจทำตอนนี้มีแต่ความวู่วาม ตอนนี้ข้าไม่อยากตัดสินใจอะไรทั้งนั้น นี่อวิ๋นเอ๋ย เมื่อก่อนข้าคิดว่าการชอบใครสักคนเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก 

 

 

ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า ที่แท้มันก็มีจุดหักเหอยู่มากมาย เพราะอาเหยี่ยนไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคนที่ทุกคนจับตามองอยู่ คนมากมายคอยจ้องมองเขา และมีคนมากมายที่หมายตาเขา 

 

 

หากผู้หญิงสามารถแต่งเข้าเรือนได้ตามใจ ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายมาถึงชานเรือนเอง คงจะมากมายจนห้อมล้อมรอบตัวท่านอ๋องได้สามรอบแล้ว” 

 

 

“เจ้าเองก็มีคนหมายตาไม่น้อย ตัวเจ้าเองไม่เห็นจะมีเรื่องเช่นนี้เลย พูดให้ถึงที่สุดก็คือ ท่านอ๋องเป็นคนให้โอกาสพวกนางเอง” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นทอดถอนใจ 

 

 

“ต่อไปจะต้องเจอเรื่องวุ่นวายมากกว่านี้อีก อวี้จื้อ หากเจ้าเหนื่อยล้าจริงๆ เช่นนั้นก็ไปจากเขา หาคนธรรมดาอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เช่นนั้นถึงจะสามารถใช้ชีวิตเล็กๆ ของตนเองได้อย่างสงบสุข” 

 

 

“เขาเป็นผู้ชายที่ข้ายอมรับแล้ว ถึงแม้จะมีผู้หญิงหมายตาเขานับไม่ถ้วน ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเขา เป็นคนเดียวของเขา ตอนที่อยู่กับเขาข้าไม่ได้เตรียมตัวให้ดี แต่เขาทำให้ข้าเชื่อใจพอ นี่อวิ๋น ข้าไม่อยากไปจากเขา รอให้ข้าใจเย็นลงก่อน ข้าอยากฟังเขาอธิบาย” 

 

 

“ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่มีทางไปจากท่านอ๋อง หากมีวันหนึ่งที่ท่านอ๋องเปลี่ยนใจจริงๆ เช่นนั้นเจ้า…” 

 

 

“เช่นนั้นข้าก็จะเลิก ถึงแม้เขาเป็นฝ่ายเกิดความคิดจะรับอนุภรรยาขึ้นมา ข้าก็จะเลิก ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ใช่อาเหยี่ยนของข้าแล้ว” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นมองเธอ ในใจแอบผิดหวัง ความรู้สึกที่เธอมีต่อเซียวเหยี่ยนลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรอีก ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ 

 

 

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะอยู่ข้างเจ้า” 

 

 

ปากพูดเช่นนี้ แต่ในใจก็รู้ดี เขาจะอยู่เคียงข้างหลิงอวี้จื้อได้อีกไม่นานแล้ว คิดดูแล้วก็เสียดายจริงๆ แต่ก็หนีไม่พ้น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด 

 

 

“อุ๊ย ข้าหิวแล้ว” 

 

 

หลิงอวี้จื้อจงใจทำท่าทางสบายๆ แกล้งทำเป็นลูบท้อง 

 

 

“เจ้าหิวหรือไม่” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] มาจากสำนวน 守株待兔 หมายถึง รอโชคหรือโอกาสมาหาตนเองโดยไม่พยายามทำอะไร