บทที่ 147 กระทู้ที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 147
กระทู้ที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“เธอไม่รู้ว่าข้อมูลที่มาจากที่ไหนและใครเป็นคนโพส อันที่จริงมีอีกกระทู้ ในกระทู้เป็นรูปของพี่ชู, หยางเฟิงและพี่กู่ตอนที่เธออยู่ในจังหวัด

ชื่อกระทู้ค่อนข้างรุนแรง: เทพีอัจฉริยะผู้บริสุทธิ์เป็นรองประธานสหภาพนักศึกษา?!

ตอนนี้มหาวิทยาลัยการแพทย์กำลังจะปะทุ มีทั้งคำถามและคำวิจารณ์มากมาย ผู้คนที่เคยเข้าข้างมู่หรงเสวี่ยก็เริ่มที่จะสั่นคลอน นักศึกษาบางคนถึงขนาดส่งข้อความว่าพวกเขาเสียความรู้สึกอย่างมาก

มู่หรงเสวี่ยอ่านข้อความด้านล่าง
“ถ้าเรื่องมันไม่มีมูล หมามันคงไม่ขี่หรอก ถ้าคนมันชั้นต่ำยังไงก็ต้องมีคนเห็น เห็นทำตัวสูงส่ง ท่าทางดูดีไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้”

“ก่อนที่จะได้อ่านโพส ฉันก็คิดว่าข่าวเป็นข่าวปลอม เทพีเป็นคนที่สวยมากๆก็ไม่แปลกที่จะมีคนอิจฉา แต่ตอนนี้อยู่ดีๆฉันก็ได้เห็นแล้วว่าเทพีที่สูงส่งกลายเป็นนังเทพีชั้นต่ำสะงั้น!”

“หน้าไม่อายจริงๆ ยังจะมีหน้ามาตามจีบประธานของเราอีกทั้งๆที่จับปลาหลายมือ น่าอายจริงๆที่มาอยู่ในมหาลัยการแพทย์ที่มีชื่อเสียงของเรา!”

“มู่หรงเสวี่ยตอนที่อยู่มัธยมในจังหวัดก็สร้างเรื่องฉาวไว้มากมาย ผู้ชายคนหนึ่งในรูปก็เป็นรุ่นพี่ของที่โรงเรียนเก่าด้วยไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่นะ!! หัวใจฉันแตกสลายเลยจริงๆ!”
“ไร้สาระ! เทพีก็ยังเป็นเทพี! พวกเธอก็แค่อิจฉาเธอ ฉันจะปกป้องเธอเอง”
“ไปให้พ้นเลยนะ! ไอ้โง่!! นี่นายเป็นแฟนเธอหรือถูกเธอหลอกมาหรือไง?”

“พอกันที พวกนายก็เพียงแค่มองจากความสวย ไม่เห็นหรือไงว่านิสัยเธอเป็นยังไง?”

“…”
เพราะชูอี้เสิ่นยังคงเป็นเจ้าชายที่ทรงเสน่ห์ในใจของสาว ๆ และคนดังมากมายในเมืองหลวงและมีนักศึกษาหญิงจำนวนนับไม่ถ้วนในมหาวิทยาลัยเพ้อฝันถึงเขา เดิมทีถ้าในข่าวลือมีเพียงมู่หรงเสวี่ยและชูอี้เสิ่นคนเดียวก็คงไม่น่าหงุดหงิดเท่าไร เหตุผลหลักก็เพราะในรูปมีผู้ชายคนอื่นๆอีกด้วยซึ่งทำให้พวกสาวๆเกิดความไม่พอใจและความอิจฉาและพวกหนุ่มๆก็รู้สึกผิดหวังด้วย

มู่หรงเสวี่ยแสยะและเรื่องนี้มันเล็งเป้ามาที่เธอชัดๆ เธอไม่รู้ว่ารูปพวกนี้ถูกถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไร เพียงแค่ว่ายังหาคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ไม่เจอ รูปพวกนี้เป็นตัวยืนยันข่าวลือและรูปที่ถูกปล่อยออกมาเป็นภาพที่ถ่ายจากหน้าจอ อย่างไรก็ตามรูปต้นฉบับของเธอยังอยู่ในโทรศัพท์ซึ่งก่อนหน้านี้เธอลืมไปแล้วเก็บโทรศัพท์ไป
หลังจากนั้นเจ้าของโพสก็ส่งรูปเข้ามา พร้อมทั้งเขียนอธิบายว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของมู่หรงเสวี่ยน่าเกลียดมากแค่ไหน ทีละรูปๆ ราวกับว่าเรื่องพวกนี้ถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะส่งให้มู่หรงเสวี่ยลงนรก

กลุ่มทั้งห้าคนรู้สึกโกรธมากจนถึงขนาดทุบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย “บ้าเอ๊ย เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนเล็งเป้ามาที่เธอ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้พี่สามปลอมเป็นแฟนเธอก็ไม่มีประโยชน์หรอก…”

พี่สี่เปิดกระทู้ของมุมมองสาธารณะขึ้นมา
มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจ “กระทู้มันถูกเปิดไปแล้วแต่ถ้าจะหาวิธีพิสูจน์ ก็มีแต่จะยิ่งสร้างปัญหา”

พี่สามแสยะ “คนที่โพสเรื่องนี้ฉลาดมากเลยนะและจงใจใช้พลังของข้อความมาโจมตีเธอ!”

มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “ปล่อยให้พวกเขาสร้างปัญหาต่อไป ยิ่งใหญ่ขึ้นก็ยิ่งดี กระทู้นี้เป็นกระทู้เปิด เธอคิดว่ามันเป็นกระทู้ของมหาลัยหรือไง? ฉันไม่อยากเห็นว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ เดี๋ยวอีกไม่นานธรรมชาติก็จะออกมาจัดการพวกเขาเองและฉันมีหลักฐานบางอย่างอยู่ในมือ รอการระเบิดครั้งสุดท้าย”

พี่สองมองเธออย่างประหลาดใจ “นี่เธอโง่หรือไง? ถ้ามีหลักฐานก็ควรที่จะรีบเอาออกมาเลยสิ!”

มู่หรงเสวี่ยหัวเราะและตอบออกมา “ไม่ต้องห่วงนะ!”
น้องห้าเดินตรงเข้ามาเขย่าไหล่เธอ “น้องหกเลิกงอแงได้แล้ว ลุกขึ้นมาเลยสิ อ่า!”

มู่หรงเสวี่ยตบไปที่มือเธออย่างใจเย็น “ใจเย็น อย่าโมโหสิ โมโหไปกับเรื่องพวกนี้มันไม่คุ้มหรอก!”

“พวกเราเป็นห่วงเธอนะ!” พี่ใหญ่อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา เรื่องนี้มันเริ่มที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ

“ไปกินข้าวก่อนเถอะ ฉันหิวแล้ว ฉันจะตัดสินใจหลังจากที่กินแล้ว ไม่ต้องห่วงนะฉันมีวิธีของตัวเอง”

“กินเนี่ยนะ! กิน! กิน! เธอก็คิดแต่เรื่องกิน” น้องห้าพูดออกมาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

มู่หรงเสวี่ยหยักไหล่ “ฉันต้องกินให้พอถึงจะมีแรงสู้…”
พวกเขามองมู่หรงเสวี่ยอย่างพูดไม่ออก สุดท้ายก็ช่วยไม่ได้จึงต้องเดินไปที่โรงอาหาร ตลอดทางพวกเขาต้องทนรับสายตามากมายรูปแบบของนักศึกษามากมายที่จ้องมาที่พวกเขา

โรงอาหารของมหาวิทยาลัยการแพทย์แตกต่างจากโรงอาหารทั่วไป ที่นี่จะแยกหลักๆเป็นสามชั้น ชั้นสามเป็นชั้นที่เหล่าพนักงานนั่งกินกันอยู่ และชั้นสองจะเป็นร้านอาหารส่วนตัว การตกแต่งภายในหรูหรา, งดงามและมีทั้งร้านอาหารจีนและฝรั่ง แน่นอนว่าราคาไม่ถูกเลย ชั้นนี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อนักศึกษาที่ไม่ธรรมดาของมหาลัยในขณะที่ชั้นแรกจะเป็นของคนทั่วไป ราคาก็จะไม่แพงเกินไป สามารถซื้อได้

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยและเพื่อๆเดินเข้าไปในโรงอาหาร พวกเขาก็ดึงดูดสายตาได้มากมาย เสียงซุบซิบเริ่มที่จะดังขึ้นเรื่อยๆและถึงขนาดชี้นิ้วมาที่มู่หรงเสวี่ยเลยด้วยซ้ำ

“บ้าเอ๊ย แค่เห็นหน้าคนแบบนี้ก็กินข้าวไม่ลงเลย!”
“เอาจริงดิ?! ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงไม่กล้าออกมาจากบ้านแน่ๆ”

“นี่เป็นรองประธานสหภาพนักศึกษาจริงสิ?! หน้าไม่อายและไม่รู้เลยนะว่าเธอยังทำตัวปกติได้ยังไง”

“ผู้หญิงใจง่ายยังไงก็เป็นผู้หญิงใจง่าย หน้าด้านจริงๆ…”
“…”

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ เวลามันผ่านไปไม่นานเลย เธอต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว ทำไมคนในโลกนี้ถึงทำตัวน่าขำกันแบบนี้? แต่จะทำยังไงได้ล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์จากในชีวิตที่แล้ว เดาว่าเธอก็คงจะทนสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แน่ๆและคงจะต้องทรมานไปตลอด

“พวกเธอพูดเรื่องอะไรกัน?!” น้องสี่พูดเสียงดังใส่เด็กสาวที่พูดเสียงดัง
มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไปดึงเธอออกมา “ไม่ต้องโมโห เธอจะทำอะไรพวกเขา?” เธอไม่อยากที่จะดึงเพื่อนทั้งห้าลงมาจมน้ำด้วย

“แต่พวกนั้นพูดเกินไป เธอไม่ได้ยินที่พวกนั้นพูดหรือไง?” น้องห้าเองก็อดไม่ได้ที่อยากจะเข้าไปมีเรื่องกับพวกนั้น น้องหกไม่ใช่คนแบบนั้น คนพวกนี้ทำตัวน่าเกลียดจริงๆ

มู่หรงเสวี่ยแตะไปที่หัวเธอ “พอแล้ว อย่าโกรธไปเลย ฉันไม่โกรธแล้วเธอจะโกรธเรื่องอะไร?”

นี่เธอจะทำอะไร?! เธอไม่ใช่หมานะ?! แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของน้องหก เธอก็ต่อต้านอีกครั้ง อันที่จริงเธอรู้ว่ามันคงไม่ดีกับน้องหกที่จะสร้างเรื่องแบบนี้

“เรื่องนี้ดูจะยุ่งยากเกินไปแหละ เสี่ยวเสวี่ยขึ้นไปคุยกันข้างบนกันเถอะ…” พี่ใหญ่พูด ชั้นสองเป็นโรงอาหารสุดหรูจึงไม่ค่อยมีคนเท่าไร

มู่หรงเสวี่ยมองไปรอบๆกลุ่มคนที่ยิ่งพูดกันมากขึ้นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและพยักหน้า รู้สึกเบื่อในหัวใจ เธออุตส่าห์มาเข้ามหาลัยที่ดีที่จะไม่ฆ่าหรือจับเธอเผาไฟ แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงอยากที่จะทำกับเธอแบบนี้อยู่เรื่อย? เดิมทีเธออยากที่จะใช้ชีวิตในมหาลัยอย่างสงบแต่ตอนนี้มันกลับสูญเปล่า

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ห้าคนที่อยู่รอบเธอที่กำลังสู้เพื่อความยุติธรรมเพื่อเธอ ก็รู้สึกว่ามหาลัยไม่ใช่สถานที่ที่น่ารังเกียจไปซะทั้งหมดและยังมีสิ่งที่สวยงามคุ้มค่าที่จะตั้งตารอ

พวกเธอเดินขึ้นไปที่ร้านอาหารชั้นสอง หลังจากที่เปิดเข้าไปในกระทู้ของโรงเรียน เธอก็พบว่าบางคนได้อัปโหลดรูปของ มู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงอาหาร พวกเขาทั้งห้าก็ถูกติดแท็คไปด้วย ที่ด้านล่างรูปเขียนไว้ว่าเพื่อนๆของนังตัวแสบ

นอกจากนี้ยังเขียนไว้ด้วยว่าเพื่อนๆของมู่หรงเสวี่ยเป็นพวกหน้าไม่อายและรีบหนีขึ้นไปชั้นสองเพื่อหลบหน้านักเรียนคนอื่นๆ แล้วเขียนไว้ว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นพวกติดหรูที่ต้องขึ้นไปกินข้าวที่ชั้นสองและอื่นๆอีก
ตอนนี้สายตาของมู่หรงเสวี่ยเริ่มที่จะเย็นชาขึ้น พวกเขาบอกว่ายินดีแต่เธอไม่อยากที่จะลากเพื่อนๆเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แล้วเธอก็กล่าวขอโทษเพื่อนทั้งห้าและพูดว่า “ฉันขอโทษนะ เป็นเพราะฉันทั้งหมดเลย…”

“นี่เธอพูดเรื่องอะไร? เราไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก…”

“ใช่เลย ถ้าเห็นเราเป็นเพื่อนก็ไม่ต้องขอโทษ”

“ปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือวิธีที่จะจัดการปัญหาเรื่องนี้…”

“ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้ น้องหกก็อาจจะถูกปลดจากการเป็นรองประธานสหภาพนักศึกษาได้ และถ้ามันรุนแรงเธอก็อาจจะถูกไล่ออกจากมหาลัยได้ และถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องนี้จะติดเป็นมลทินกับเธอไปตลอด…”

พวกเธอเริ่มที่จะเงียบ ตอนนี้พี่ใหญ่พูดถูก ปัญหามันรุนแรงมากจริงๆ มันจะต้องถูกจัดการอย่างเร็วที่สุด
มู่หรงเสวี่ยมองเห็นพวกเพื่อนที่กำลังเป็นห่วงและไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากที่จะหัวเราะออกมาแล้วเธอก็หัวเราะออกมาจริงๆ

“คนทั้งห้ามองเธอราวกับเห็นผี น้องสี่มองเหล่ตามองเธอ “น้องหกเธอนี่บ้าไปแล้วหรือไง เวลาแบบนี้ยังจะมีหน้ามาขำอีก…”

มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “เปล่า ฉันแค่อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักขึ้นมา…” ช่างโชคดีจริงๆ!

คนทั้งห้าอ้าปากค้างราวกับเห็นผีแต่เมื่อมองมาที่ท่าทางมีความสุขของเธอ คนทั้งห้าต่างก็ต้องยิ้มตามเธอไปด้วย ทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มที่จะครื้นเครงขึ้นมาทันที

พี่ใหญ่พูดขึ้นมาว่าก่อนหน้านี้เขาได้ลองเช็กที่อยู่ IP ของสหภาพนักศึกษาแล้ว อย่างไรก็ตามในสหภาพนักศึกษาก็ยังมีนักศึกษาอยู่อีกมากมาย โดยพื้นฐานแล้วจะมีแต่คนในระดับประธานหรือเหนือกว่าเท่านั้นที่จะสามารถมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวใช้ได้ในออฟฟิศสหภาพนักศึกษาเพื่อใช้ในเรื่องส่วนตัวได้ด้วยรหัสส่วนตัว

พี่ใหญ่บอกเรื่องนี้กับมู่หรงเสวี่ยเพราะในพวกเขาทั้งห้าคนมีเพียงมู่หรงเสวี่ยเท่านั้นที่มาจากสหภาพนักศึกษา พวกเขาเข้าไปไม่ได้แต่มู่หรงเสวี่ยเข้าได้

มู่หรงเสวี่ยไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาจากสมาชิกของสหภาพนักศึกษาแต่เมื่อนึกถึงตำแหน่งของตัวเอง บางทีอาจจะเป็นเพราะการที่เธอได้ตำแหน่งรองประธานสหภาพนักศึกษามา ยังไงซะการเป็นรองประธานสหภาพนักศึกษาก็ทำให้มีอภิสิทธิ์อะไรมากมาย เดาว่าเพราะแบบนี้คนอื่นๆถึงได้เกลียดเธอ

รู้เหตุผลดีกว่าถูกโจมตีโดยไม่รู้สถานการณ์
รูปก่อนหน้านี้ถูกยืนยันแล้วว่าอยู่ที่จังหวัด บางทีเธออาจจะขอให้อาจารย์ที่โรงเรียนในจังหวัดให้ช่วยได้ เธอนึกถึงคุณฮวง เธอจึงโทรหาเขาโดยตรง

“สวัสดีค่ะคุณฮวง”
“มู่หรง ฮ่าฮ่า ไม่เจอกันนานเลยนะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“อาจารย์ค่ะ คือว่าขอโทษนะคะที่อยู่ดีๆก็โทรมาแบบนี้ อันที่จริงแล้วมีบางอย่างที่หนูอยากจะให้อาจารย์ช่วย อาจารย์พอจะมีเวลาไหมคะ?”

“มีเรื่องอะไรเหรอ? มีอะไรเหรอ? มีอะไรให้ครูช่วย? บอกครูมาก่อน ถ้าครูช่วยได้ครูก็จะช่วยแน่นอน!”