ตอนที่ 670 หลูเหวินเฉิงทำประโยชน์ได้ดี

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ชาวบ้านที่ก่อนหน้านี้ตะโกนด่าชูฮันได้แต่เหงื่อตก พวกเขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี ไม่มีใครคิดว่าชูฮันจะฆ่าคนอย่างไม่มีข้อแม้แบบนี้ แล้วตอนนี้พวกเขาต้องทำยังไงต่อ? ทำไงดี? พูดเรื่องศีลธรรมกับชูฮัน?

 

ทว่าไม่ว่าอย่างไรศีลธรรมเป็นไม่มีความสำคัญสำหรับชูฮัน ความกลัวได้แพร่เข้าสู่จิตใจของทุกคนไปแล้ว ทุกคนต่างกลัวตาย ใครจะรู้ว่าคนต่อไปที่เอ่ยปากจะถูกชูฮันผ่าครึ่งเป็นสองท่อนอีกตอนไหน?

 

ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีใครเปิดปากเลย!

 

ความวุ่นวายก่อนหน้านี้หยุดชะงักทันที ความคิดในหัวของเหล่าผู้รอดชีวิตคือความตระหนกและต้องการจะหนีไป ค่ายนี้มันเลวร้ายมากและพลเอกชูฮันก็เลวร้ายยิ่งกว่า!

 

ในเวลาเดียวกันเหล่าผู้บริหารของค่ายก็กำลังเป็นกังวลและว้าวุ่น พวกเขาไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีและในขณะที่การจลาจลกำลังจะปะทุขึ้นมาวินาทีสุดท้าย

 

พั้วะ!

 

ทันใดนั้นชูฮันก็ยกขวานซิ่วโหลขึ้นสูงและ——

 

“ปัง!”

 

เกิดลมแรง พร้อมกับเสียงกระแทกสนั่นลั่นอย่างกระทันหัน!

 

“ปัก!”

 

เสียงกระแทกอย่างรุนแรงพร้อมราวกับสั่นสะเทือนไปถึงเปลือกโลก ตามมาด้วยรอยร้าวที่ลึกและเป็นทางยาว ขวานดำใหญ่ยักษ์กว่าคนถูกปักคาพื้นดิน พลังและออร่าที่กระจายออกมาของขวานซิ่วโหลนั้นทำให้ทุกคนตะลึงค้าง

 

การจลาจลที่กำลังจะปะทุถูกระงับไว้ก่อนทันที ทุกคนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ความหวาดกลัวอัดแน่นเต็มอก…

 

ในตอนนั้น แววตาดำสนิทของชูฮันที่ไม่ต่างจากขวานซิ่วโหลคู่กายก็กวาดตาไปทั่วเหล่าผู้รอดชีวิตตรงหน้าจนครบทุกคน

 

พร้อมๆกันก็ส่งเสียงขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด “ฉันเคยดูแลพวกคุณไม่ดีมั้ย?”

 

เหล่าผู้รอดชีวิตที่หวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง พวกเขาเพียงมองชูฮันอย่างเงียบๆ

 

เหล่าเจ้าหน้าและผู้บริหารของค่ายที่ยืนห่างออกไปไกลก็ต่างเป็นกังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้

 

“ค่ายเขี้ยวหมาป่าของฉันไม่ใช่ค่ายใหญ่แต่มันก็ไม่ได้เล็ก!” ชูฮันพูดต่อ สีหน้าและน้ำเสียงเย็นชาจัด “ในกลุ่มพวกคุณมีคนที่อยู่ที่นี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม ฉันทำอะไรให้กับค่ายเขี้ยวหมาป่ามาบ้าง? พวกเราพัฒนามาถึงขนาดไหนตลอดหกเดือนที่ผ่านมา?”

 

หลายคนหลับตาตั้งสมาธิย้อนนึกถึงความทรงจำอันยาวนาน ครึ่งปีที่แล้วค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นแค่ค่ายผู้รอดชีวิตที่มีแต่ชาวบ้านดั้งเดิม ชีวิตนั้นแสนจะยากลำบาก ข้าวแทบไม่มีกิน หยางเทียนก็เมินเฉยต่อการบริหารดูแลอย่างสิ้นเชิง

 

ทว่าหลังจากที่ชูฮันยึดการบริหารมาแทน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ระดับของค่ายเพิ่มสูงขึ้น กลุ่มคนที่ทำอะไรไม่เป็นถูกแทนที่ด้วยกลุ่มคนที่สามารถทำได้ทุกอย่าง คนมากมายที่มีความสามารถหลั่งไหลเข้ามาในค่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการก่อสร้างพัฒนาและเปลี่ยนแปลง ทั้งค่ายปรับปรุงใหม่ทั้งหมดภายในเวลาแค่ครึ่งปี

 

แม้แต่เดือนนี้ที่ชูฮันพึ่งจะกลับมาที่ค่าย ค่ายตกอยู่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ มีการสร้างเมืองโรแมนติกขึ้นซึ่งเป็นเมืองใหม่ที่สะอาดสุดๆพร้อมย้ายเข้าไปอยู่ ผู้รอดชีวิตยางคนก็ย้ายเข้าไปอยู่แล้วเนื่องจากตอนนี้ค่ายเขี้ยวหมาป่าพื้นที่เต็มหมด เครื่องมือ อาวุธ ทุกอย่างและที่สำคัญที่สุดกองกำลังตั้งมั่นอยู่ที่ค่ายนี้ มันจึงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

 

เมื่อได้เห็นกลุ่มคนที่กำลังทำสมาธิ ชูฮันก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “พวกคุณเข้าร่วมกับค่ายเขี้ยวหมาป่า ฉันได้ขอให้พวกคุณเสียภาษีมั้ย จ่ายค่าอยู่มั้ย? ฉันได้เรียกเก็บเงินจากพวกคุณมั้ย?”

หลายคนส่ายหัวตอบทันที เวลากว่าครึ่งปีที่พวกเขาอาศัยอยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่า ค่ายไม่เคยเรียกเก็บภาษีจากคนธรรมดาเลย และไม่เคยบังคับให้พวกเขาทำอะไรเกินขีดจำกัด

 

“ไม่มีสักอย่าง” ชูฮันหัวเราะเยาะ “ฉันให้ที่พักที่ปลอดภัยที่สุดกับพวกคุณ จัดหางานให้ทำ หาอาหารให้พวกคุณกิน หาเสื้อผ้าให้ใส่ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกคุณดีขึ้นและตอนนี้ทุกคนกินอยู่นอนหลับสบายกันหมด”

 

เสียงของชูฮันดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ยิ่งชูฮันพูด ศีรษะของทุกคนก็เริ่มตกลงเรื่อยๆ บางคนรู้สึกละอายใจจนไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมา มันจริงอย่างที่พลเอกชูฮันพูด ในพื้นที่ในเมืองอันลู มันจะมีค่ายไหนดูแลพวกเขาแบบนี้อีก?

 

แม้แต่ค่ายใหญ่สุดและรุ่งเรืองที่สุดอย่าง ซางจิง ค่ายตวน และค่ายหนานตู้ยังมีการเก็บภาษี และค่ายเขี้ยวหมาป่าก็เป็นเพียงค่ายเดียวในจีนที่ไม่มีพื้นที่ผู้ลี้ภัย!

 

เมื่อได้เห็นท่าทางและสีหน้าของฝูงชน ชูฮันก็รู้ได้ว่าจุดประสงค์ของเขาลุล่วงแล้ว “ฉันปฏิบัติกับพวกคุณอย่างไรพวกคุณรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่พวกคุณอาศัยอยู่ที่นี่และไม่เชื่อใจต่อผู้นำสูงสุดของตัวเอง แต่ไปเชื่อไอ้สายลับที่ถูกส่งมาเพื่อก่อความวุ่นวายแทน!”

 

สายลับ?!

เมื่อได้ยินคำว่าสายลับ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นทันที มองไปทางคนที่ชูฮันชี้นิ้วใส่

 

ในกลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่ถูกชูฮันสร้างความกลัวฝังในใจมาตั้งแต่แรกนั่นแทบจะหลุดสติ มองไปที่เพื่อนของตัวเองที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น จิตใจก็ยิ่งอ่อนแอ หวาดกลัวจนตัวสั่น

 

ในจังหวะนั้นเอง ชูฮันก็พูดบางอย่างขึ้น ร่างของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่คนหนึ่งก็กระแทกคุกเข่าลงหมอบกับพื้นทันที ร้องขอความเมตตาอย่างสิ้นหวัง “ท่านพลเอกได้โปรดเมตตา ให้อภัยผมด้วย อย่าฆ่าผมเลย ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมถูกล่อลวง!”

 

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในบริเวณต่างรู้สึกโกรธและละอายใจที่ก่อนหน้านี้พวกเขาสงสัยชูฮัน

 

“หลิวยู่ติงและติงเซวเอาตัวมันไปจัดการ” ชูฮันออกคำสั่งอย่างสบายๆ

 

“ครับ!” หลิวยู่ติงตอบรับเสียงดังลั่น เขาตื่นเต้นมาก

 

เหล่าผู้บริหารที่ยืนมองยิ่งกว่าประหลาดใจ พวกเขาคิดว่ามันเป็นการปัญหาตรงหน้า แต่ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นแผนการที่วางเอาไว้แล้ว ชูฮันใช้พลังของเขาแก้ไขปัญหาอันตรายที่ซ่อนอยู่ ผู้คนคิดว่าค่ายนี้ไม่สามารถอยูดรอดได้แต่พวกเขาต้องมีการสื่อสารกัน

 

ชูฮันไม่ใช่พระเจ้าที่สามารถเดารายละเอียดหรือความคิดในใจคนพวกนี้ได้ ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือคนที่บงการอยู่เบื้องคนที่สร้างปัญหา มันก็แค่ตอนที่เขากำลังเดือดจัดเขาก็ได้รู้ชื่อของคนพวกนี้ผ่านระบบล่มสลายซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญที่หลูเหวินเชิงจากหน่วยข่าวกรองพึ่งจะส่งรายชื่อข้อมูลของคนที่น่าสงสัยมาให้เขาไม่กี่วันก่อนเอง

 

“หึ!”

 

แผนกหน่วยข่าวกรองที่หลูเหวินเฉิงประจำอยู่นั้นพัฒนาไปรวดเร็วมาก หลังจากงานแรกที่ต้องเก็บข้อมูลของผู้รอดชีวิตจากค่ายเจียนอี๋กว่าหมื่นคน ตอนนี้พวกเขาทำการตรวจสอบทุกแง่มุมอย่างละเอียด ผู้รอดชีวิตของทั้งค่ายถูกตรวจสอบใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครสามารถเล็ดลอดสายตาของแผนกข่าวกรองไปได้

 

ครั้งนี้หลูเหวินเฉิงทำคุณประโยชน์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว!