บทที่ 517 เข้าวังหลวงกลางดึก

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ลูกชายไม่เป็นอะไร ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกสบายใจขึ้น ไม่นานชุนเหมยก็ถูกจับได้

อวิ๋นจิ่นเข้ามารายงานว่าชุนเหมยถูกพบขึ้นที่บ่อน้ำในจวนท่านอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นรีบเข้าไปดู

ร่างกายของชุนเหมยกระดูกแทบแตกอย่างน่าอนาถ บนเรือนร่างของนางเต็มไปด้วยบาดแผลและดวงตาทั้งสองข้างก็บวมแดง เมื่อมองออกไปกลัวว่าจะตายตาไม่หลับ

ฉีเฟยอวิ๋นนำเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขนส่งให้กับหนานกงเย่ และเดินเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง หมอโจวรีบกล่าวขึ้นมา “พระชายาอย่าเข้ามาใกล้เลยพ่ะย่ะค่ะ ให้ข้าน้อยตรวจสอบเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจะดูหน่อย” ฉีเฟยอวิ๋นสวมถุงมือป้องกันและเตรียมให้หมอโจวอีกคู่หนึ่ง ทั้งสองคนเริ่มทำการตรวจสอบ และตั้งกำแพงกั้นไว้รอบๆ เพื่อไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้

หมอโจวไม่พบสิ่งผิดปกติหลังจากการตรวจ ตรงกันข้าม เขาวินิจฉัยว่านางตกลงไปและเสียชีวิต

“ใช่ที่ล้มลงไปตาย แต่หลังจากนางถูกบังคับแล้วนางจึงตกลงไปต่างหาก”

ฉีเฟยอวิ๋นชี้ไปที่หูของชุนเหมย “ในนี้มีสิ่งที่เป็นสีเหลืองอยู่ นี่เป็นการแสดงออกของการได้รับความเสียหาย นางจะต้องได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเข้าและบังคับให้นางกระโดดบ่อลงไปตาย ในขณะที่นางกระโดดลงไปในบ่อนั้นก็ได้ตื่นขึ้น และได้รู้ว่าตัวเองถูกควบคุมให้ตาย นางไม่เต็มใจและบวกกับความหวาดเกลัวจึงทำให้เป็นเช่นนี้”

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นจากนั้นจึงออกคำสั่ง “อาอวี่ เจ้าออกไปดูว่าข้างล่างของบ่อน้ำมีรอยขีดข่วนหรือร่องรอยการขัดขืนอยู่บ้างหรือไม่ก็สามารถรู้ได้”

อาอวี่รับคำสั่งและรีบไปที่บ่อน้ำ จากนั้นจึงออกมารายงานฉีเฟยอวิ๋นว่าเป็นไปตามที่เธอกล่าว

จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงมองไปที่หนานกงเย่ “ท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะไม่เพียงแค่บังอาจฮึกเหิมเท่านั้น แต่ยังใจคอโหดเหี้ยม ขนาดคนของตัวเองยังฆ่าได้!”

“อืม” หนานกงเย่อุ้มลูกชายและเหลือบมองไป ใบหน้าที่เย็นชาของเขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา

“อาอวี่ ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว นำศพไปเผาแล้วโยนทิ้งที่สุสานศพไร้ญาติเสีย”

“ขอรับ”

หลังจากนั้นอาอวี่ก็ไปจัดการ จากนั้นบ่อน้ำที่คนตกลงไปตายก็ได้ปิดผนึกไว้

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปพร้อมกับหนานกงเย่ ทั้งสองไปนั่งที่เรือนจวินจื่อ

แม่ทัพฉีและหวังฮวายอันก็ไปถึงที่นั่นแล้ว วันนี้ทั้งสองคนมาเพื่อมาหาเด็กๆ

“เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก” หวังฮวายอันพูดเตือนออกมา “สายลับได้รายงานมาแล้วว่า คนที่มาสังหารและชุนเหมยนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ชุนเหมยเป็นคนของใครนั้นกำลังตรวจสอบ!”

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่รู้สึกแปลกใจ อันที่จริงเธอเดาถูกแล้วบางส่วน

“ท่านพ่อ ลูกอยากเข้าวังเจ้าค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว หนานกงเย่กลับมองดูด้วยสายตาปกติ

แม่ทัพฉีกล่าว “เช่นนั้นก็รีบไป อย่าไปเย็นเกินล่ะ”

“เช่นนั้นพวกเขาเหล่านั้นก็รบกวนท่านพ่อด้วย” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว หนานกงเย่เดินออกไปก่อนหน้า

ฉีเฟยอวิ๋นขึ้นรถม้าจากจวนท่านแม่ทัพ ทั้งสองคนเดินทางไปวังหลวงด้วย

หนานกงเย่ไปที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย ส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นไปที่ตำหนักเฉาเฟิ่ง

ขณะนี้พระพันปีกำลังเตรียมที่จะอาบน้ำ เมื่อได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นมาจึงรู้สึกแปลกใจ “เย็นขนาดนี้แล้วมาทำไมกันนะ?”

ไห่กงกงรีบกล่าวว่า “ข้าน้อยจะทราบได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? แต่ข้าน้อยเห็นว่าในมือของพระชายาถือขวดเล็กๆ ไว้ขวดหนึ่ง ดูแปลกและน่าจับจ้องมาก ไม่รู้ว่าจะนำมามอบให้พระพันปีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ให้นางเข้ามาเถอะ”

พระพันปีออกมาจากห้องบรรทม ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปจากนั้นจึงยกชายกระโปรงขึ้นแล้วคุกเข่า “คารวะเสด็จแม่เพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นปฏิบัติตัวเรียบร้อยขึ้นและพระพันปีก็รับรู้ได้ ฉีเฟยอวิ๋นไม่ชอบคุกเข่า การกระทำเช่นนี้นักว่าหาดูได้ยาก

พระพันปีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวถามขึ้นมา “วันนี้ทำไมถึงช่างเอาอกเอาใจนักล่ะ ใกล้จะมืดค่ำแล้วยังเข้าวังหลวงมาอีกหรือ?”

“กราบทูลเสด็จแม่ ลูกเพียงแค่รู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจนัก จึงเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเสด็จแม่เพคะ”

พระพันปีฉลาดหลักแหลม ฉีเฟยอวิ๋นพูดขึ้นมาเช่นนี้ด้วยความไม่เข้าใจหลักการ พระพันปีปัดชุดจากนั้นจึงตรัสขึ้นมา “พูดขึ้นมาเถอะ ใครมารังแกเจ้าอีกแล้วล่ะ?”

“เสด็จแม่ได้โปรดเรียกคนใช้มาหนึ่งคนได้หรือไม่เพคะ ลูกต้องการทำการทดลอง” ฉีเฟยอวิ๋นก้มศีรษะลง

พระพันปีรู้ว่าอะไรคือการทดลองก็คือการได้แผ่นหน้ากากใหม่ในทุกครั้ง ก็มักจะต้องหาคนมาทดลองผลลัพธ์ หลังจากนั้นพระองค์ก็สามารถใช้ได้อย่างไร้ความกังวล

พระพันปีตรัสว่า “อาไห่มาเถอะ!”

“ข้าน้อย……”

“กราบทูลเสด็จแม่ ครั้งนี้เกรงว่าจะไม่สามารถเป็นไห่กงกงได้เพคะ เปลี่ยนเป็นคนวัยหนุ่มสาวที่แข็งแรงจะดีกว่าเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่รอให้ไห่กงกงพูดปฏิเสธก่อน

ไห่กงกงรู้สึกไม่ดีนัก เป็นของดีอะไรกันทำไมเขาถึงไม่สามารถใช้ได้

แต่ต่อให้ภายในใจรู้สึกไม่ดีก็ไม่สามารถแสดงออกได้ ได้แต่คิดว่าเช่นนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนางกำนัลคนอื่นๆ

พระพันปีโบกมือขึ้นและเรียกให้คนที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าเข้ามา

หลังจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงลุกขึ้นและเดินไปนั่งลงตรงหน้าของพระพันปีอย่างตั้งใจ เพื่อให้พระองค์ได้เห็นชัดเจนขึ้น

พระพันปีจ้องมองดูว่าเป็นของดีอะไรกันเชียว เป็นสีผึ้งกุหลาบหรือว่าเป็นสีผึ้งดอกกุ้ยฮวา ถึงอย่างไรเสียก็เป็นของดี

เมื่อเปิดขวดออก ฉีเฟยอวิ๋นหันปากขวดไปที่แขนของนางกำนัล แมลงเล็กตัวหนึ่งก็ออกมาจากในขวด ขนาดใหญ่ราวกับหัวเข็ม

พระพันปีตกตะลึง “นี่คืออะไรกัน?”

“เสด็จแม่เชิญดูสิเพคะ”

ไห่กงกงรู้สึกกลัวขึ้นมาในขณะนี้ ในใจรู้สึกขอบคุณฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาที่ไว้ชีวิตของเขา

ไห่กงกงรู้สึกขอบคุณขึ้นมาในใจ

นางกำนัลก็ตกใจไม่น้อยเมื่อมองเห็นสิ่งนั้นไม่ขยับแล้ว และไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด แต่รู้สึกว่ามันยังอยู่ หลังจากนั้นก็เห็นว่ายิ่งนั้นค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นางกำนัลจึงตกใจจนตัวสั่น

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ได้ยินแม่นมในจวนกล่าวว่าสิ่งนี้เรียกว่าแมลงดูดเลือด เมื่อกัดเข้าไปแล้วก็ไม่ปล่อยและห้ามจับ เมื่อจับก็จะขาดออกจากกัน มันจะเหลือส่วนหัวไว้ที่ผิวหนัง ตอนนี้เริ่มบวมแดงแล้ว แต่ต่อให้ไม่ดึงออกมามันก็จะดูดเลือดไปเรื่อยๆ เช่นนี้

มันไม่มีก้น มันจะกินจนกว่าจะอิ่มตาย”

นางกำนัลตกใจอย่างมาก “พระพันปี พระพันปีไว้ชีวิตด้วยเพคะ”

พระพันปีมีสีหน้าเย็นชา “หุบปาก!”

นางกำนัลรีบหุบปาก ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า “เสด็จแม่เพคะ อันที่จริงสิ่งนี้ปรากฏขึ้นที่บนศีรษะของหลานชายพระองค์เจ้าห้าเพคะ”

“อะไรนะ?” พระพันปีนึกถึงเด็กน้อยคนนั้น เด็กน้อยที่เห็นของยิ้มของนาง ได้ยินมาว่าเจ้าห้าไม่ชอบยิ้ม แต่วันนั้นที่นางอุ้มเจ้าห้ากลับยิ้มให้กับนาง

สีหน้าของพระพันปีเปลี่ยนไปมาก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “เสด็จแม่ลองดูสิเพคะเพียงแค่ตัวเดียวก็เป็นเช่นนี้ หากทั้งศีรษะเป็นเช่นนี้ เสด็จแม่ลองคิดดูสิเพคะว่าจะเป็นอย่างไร?”

พระพันปีมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “ตอนนี้เจ้าห้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

“กราบทูลเสด็จแม่ ยังดีที่พบเจอได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นตอนนี้ก็คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เพคะ”

“อะไรนะ?” พระพันปีสีหน้าซีดเซียวและตบฝ่ามือลงตรงบัลลังก์หงส์อย่างเจ็บปวดจนตัวสั่น

“ขุนนางชั่วช้าเหล่านั้น ข้าให้โอกาสพวกเขาน้อยเกินไปหรือถึงกลับมาทำร้ายข้านับครั้งไม่ถ้วน หรือพวกเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว?”

“เสด็จแม่เพคะ ครั้งนี้ไม่ใช่เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นรีบอธิบาย พระพันปีมองไป

“เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันขอจัดการก่อนนะเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบเข็มยาออกมาและฉีดแอลกอฮอล์เข้าไป นางกำนัลตกใจจนหน้าซีดเซียวและอดไม่ได้จึงร้องไห้ออกมา

แมลงดูดเลือดนั้นกลายเป็นฟองสบู่ ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มจัดการอย่างระมัดระวัง

ถึงแม้ว่าจะไม่มีแมลงแล้ว แต่ก็มีรอยลึกที่มีเลือดออกมาสู่ภายนอก

ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาพิเศษออกมาประคบให้กับนางกำนัล “ยานี้มีไม่มากใช้ในการรักษาโดยเฉพาะ ช่วงนี้เจ้าอย่าโดนน้ำก่อน หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนก็จะหายเป็นปกติ หากทาหลายๆ ครั้งก็สามารถหายได้เร็วขึ้น แต่ข้ามีไม่มากจริงๆ บนศีรษะของเจ้าห้ามีอยู่หกเจ็ดรู เพื่อไม่ให้เป็นแผลเป็น ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนหลายครั้งในหนึ่งวัน ส่วนนี่ก็แค่ส่วนที่เหลือไว้เท่านั้น”

ฉีเฟยอวิ๋นกำลังเรียกร้องความยุติธรรม พระพันปียิ่งฟังยิ่งรู้สึกเจ็บปวด “บอกมาสิว่าเป็นอย่างไร?”

“เสด็จแม่ออกไปก่อนเถอะเพคะ”