ตอนที่ 298

Legend of the mythological genes

“ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต?ในสถานการณ์แบบนี้?เผ่าพันธุ์ต่างดาว?” เมื่อเผชิญหน้ากับความประหลาดใจที่ไม่คาดคิดนี้ เฟิงหลินก็คิดไปต่างๆตามสัญชาตญาณในแง่ร้าย

“ไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นร่องรอยของการขุดพบ ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกมนุษย์ขุดขึ้นมาก่อนหน้านี้ และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาอยู่ที่นี่ประมาณสิบเอ็ดวันหนึ่งชั่วโมงและสามสิบหกนาที”

“โอ้?” หัวใจของเฟิงหลินสับสน

นี่คือสุดกาแล็กซีทางช้างเผือก แม้ว่าเขาจะหลงทางไป แต่ในทางทฤษฎีเขาไม่ควรอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงมากนัก

คนที่เคยมาที่นี่มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นคนจากมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง หากเขาพบพวกเขานั่นไม่ได้หมายความว่า …

“ชาร์จพลังงานให้ถึงระดับสูงสุด เราจะเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่” เฟิงหลินสั่ง

กระสวยอวกาศชาร์จพลังงาน

หุ่นยนต์ปฏิบัติงานเหล่านั้นปลดปล่อยประสิทธิภาพสูงสุดและเริ่มการสกัดแร่

แร่ธาตุพลังงานสูงถูกรวบรวมและนำใส่เครื่องทำลายวัสถุเพื่อแปลงเป็นพลังงานในปริมาณที่เพียงพอ

อัตราพลังงานของกระสวยอวกาศพุ่งขึ้นจาก 10% จนถึง 100%

ตอนนี้ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขาถูกขุดอย่างสมบูรณ์ แร่ธาตุพลังงานทั้งหมดของมันถูกขุดจนหมดเหลือเพียงหินและซากปรักหักพังเท่านั้น

บูม!

ที่ปลายหางของกระสวยอวกาศมีเปลวไฟรุนแรงพุ่งออกมา อุณหภูมิเพิ่มขึ้นใช้เวลาเพียงชั่วครู่ในการเปิดเครื่อง ขณะที่มันเริ่มบินเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ดวงดาว

เร่งความเร็ว เพิ่มความเร็ว เร็วมากกว่านี้!

ยานบินเปลี่ยนเป็นภาพติดตา เผยให้เห็นเงาตามหลัง มันเหมือนลำแสงสีเงินที่ยิงทะลุอวกาศออกไป

นี่คือปรากฏการณ์พิเศษด้วยความเร็วแสง

ระหว่างยุคโลกโบราณ ทฤษฏีสัมพัทธภาพชี้ให้เห็นว่ายิ่งวัตถุเข้าใกล้ความเร็วของแสงมากเท่าไหร่ มวลของวัตถุก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เว้นแต่ว่าวัตถุจะผ่านรูหนอน มันเป็นไปไม่ได้ที่การเร่งความเร็วของวัตถุเพียงอย่างเดียวจะเร็วเกินความเร็วแสง

สถานะความเร็วแสงเป็นหนึ่งในโหมดการขับขี่ความเร็วสูงที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด

ยิ่งเร่งความเร็วมากเท่าไร พลังงานก็จะเสียไปอย่างทวีคูณ

ดาวแคระแดงเป็นผลมาจากการยุบดาว พวกมันมีแรงดึงดูดมหาศาลที่จะจับดาวเคราะห์น้อยจำนวนมากกลายเป็นวงแหวนของดาวที่หนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ

กระสวยอวกาศเร่งความเร็วด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ ไม่ว่าระบบสุริยะจะกว้างใหญ่เพียงใด เขาคงสามารถสำรวจมันได้ภายในครึ่งชั่วโมง

ดาวเคราะห์น้อยจำนวนนับไม่ถ้วนในทุกรูปร่างและทุกรูปแบบผ่านไป

มีดาวเคราะห์ที่ทำจากน้ำเพียงอย่างเดียว ดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยเพชร มีเหมืองทองคำตามแนวและดาวเคราะห์กัมมันตภาพรังสีที่สร้างจากสารกัมมันตรังสีล้วนๆ …

เฟิงหลินยืนอยู่ในกระสวยอวกาศถอนหายใจขณะที่จ้องมองที่ฉากเหล่านี้

สิ่งมหัศจรรย์และความกว้างใหญ่ของจักรวาลจะทำให้ผู้คนถอนหายใจด้วยความงดงามทุกครั้งที่เห็น

เมื่อมองเข้าไปในขอบฟ้า เราสามารถสัมผัสได้ว่าเอกภพนั้นกว้างใหญ่เพียงใด เฟิงหลินถอนหายใจเมื่อเห็นว่ามนุษย์มีขนาดเล็กและไม่สมเหตุผล

ความสำเร็จและความรุ่งเรืองทั้งหมดของพวกเขานั้นไม่ได้มีค่าพอที่จะเอามาพูดถึงเมื่อเปรียบเทียบกับจักรวาล

หัวใจและความคิดของเขาดูเหมือนจะถูกชำระล้างมากขึ้นกว่าเดิม

เฟิงหลินนั่งขัดสมาธิ ไม่มีสิ่งรบกวนใจ ขณะที่เขาเริ่มฝึกลมหายใจ

ระหว่างทางกระสวยอวกาศเปิดใช้งานเรดาร์ของเครื่องสแกนติดตามร่องรอยเล็ก ๆ ของมนุษย์

ร่องรอยเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้นและชัดเจนขึ้น

ดูเหมือนว่าความเร็วในการเดินทางของพวกเขาจะไม่ค่อยเร็วนัก ร่องรอยนั้นเมื่อสิบวันที่แล้ว แต่ตอนนี้เฟิงหลินอยู่ห่างออกไปเพียงสามวัน ซึ่งบ่งบอกว่าระยะห่างระหว่างเขากับพวกเขาใกล้กันมากขึ้น

หลังจากหลงทางมานานในที่สุดเขาก็พบทางของเขา

เฟิงหลินรู้สึกดีใจ

ในพริบตาสองวันก็ผ่านไป

เสียงปัญญาประดิษฐ์ประกาศบางอย่างทำให้เขาตื่นขึ้นมา

“นายท่าน เราพบกับกระสวยอวกาศของมนุษย์แล้ว กระสวยอวกาศภูเขาผลไม้เข้าสู่โหมดปกปิดโดยอัตโนมัติ!”

เฟิงหลินลืมตาของเขาและเห็นว่ามีวัตถุขนาดใหญ่มากๆที่บินอยู่ในอวกาศข้างหน้าเขา

นี่เป็นกระสวยอวกาศที่ด้านนอกทำจากโลหะอย่างสมบูรณ์ มันมีรูปร่างแปลกๆและดูเหมือนล้อรถขนาดยักษ์ที่มีรอยปะจำนวนมากปกคลุมจากการซ่อมแซม มันดูขาดรุ่งริ่งและทรุดโทรม

ตัวถังของยานบินนั้นสั่นไหวเหมือนมันทำจากกองขยะ ดูเหมือนว่ามันจะถูกสะบัดออกได้ทุกเวลา

นี่คือกระสวยอวกาศ?

เฟิงหลินตกตะลึง

แม้ว่าเขาเคยเห็นหลายสิ่งมาก่อนว่าขอบฟ้ากว้างเพียงใด แต่เขาไม่เคยคาดหวังอะไรแบบนี้

(สิ่งนี้สามารถใช้งานได้ด้วย?)

แม้ว่ามันจะยับเยิน แต่ก็สามารถเห็นร่องรอยของเทคโนโลยีของมนุษย์ได้

เพียงแค่เหลือบมองเฟิงหลินก็บอกได้ว่านี่ไม่ใช่ยานบินของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบมหาวิทยาลัยชั้นนำของจักรวาล มหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงมีอัจฉริยะระดับสูงสุดที่รวบรวมมาจากสาขาวิทยาศาสตร์ มาตรฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของพวกเขาจะไม่ยอมผลิตของที่ทรุดโทรมแบบนี้

ต้นกำเนิดของกระสวยอวกาศนี้ไม่ชัดเจนเลย

แต่ถึงอย่างนั้นเฟิงหลินก็ตัดสินใจที่จะติดตามมันต่อไป ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบบางสิ่งที่แปลกๆ

แม้ว่าภายนอกจะดูโทรม ฟังก์ชั่นของมันกลับดูเสถียรและความเร็วในการเดินทางนั้นไม่อาจพิจารณาว่าช้าได้ มันเดินทางอย่างเสถียรด้วยความเร็ว⅓ของความเร็วแสงและมีอุปกรณ์เฝ้าระวังที่ยื่นออกมา

นี่อยู่ใกล้กับทางช้างเผือกและพิกัดของสถานที่นี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง เพียงแต่เฟิงหลินไม่ทราบว่าทิศทางที่ถูกต้องคือทิศทางไหน

เขาสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่ายานบินที่ดูไม่น่าสนใจนี้ทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ตลอดทั้งปี มันเป็นไปได้อย่างมากว่ามันมีพิกัดที่แม่นยำของมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพง

อย่างไรก็ตามจักรวาลนั้นอันตรายเกินไป ด้วยโอกาสที่เหมาะสม ยานบินนี่อาจมองว่าเขาเป็นศัตรูหากเขาเข้าไปใกล้มากเกินไป

หากเป็นเช่นนั้นสิ่งต่าง ๆ จะน่าอึดอัดใจอย่างแน่นอน

มันจะลำบากมาก

แม้แต่เฟิงหลินเองยังรู้สึกเหนื่อยล้าจิตใจ เขาไม่ต้องการมีปัญหา เลือกได้เขาก็จะหลีกเลี่ยง

ภูเขาผลไม้เข้าสู่โหมดซ่อนตัวและติดตามยานบินทรุดโทรมนี่ไปเงียบ ๆ

ทันใดนั้นยานบินที่ดูทรุดโทรมขนาดยักษ์ดูเหมือนจะค้นพบบางอย่าง มันช้าลงและร่อนลงบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง

หลังจากนั้นแขนหุ่นยนต์นับสิบคล้ายตะขาบก็ยื่นออกมาจากตัวยานบิน ดูหนามากแต่ทนทาน พวกมันกลายเป็นสว่านเจาะขนาดใหญ่และเริ่มส่งเสียงเจาะผ่านพื้นดิน

แร่ธาตุทุกประเภทถูกบดขยี้และสกัดออกก่อนที่จะทำการคัดกรองอย่างรวดเร็วและดูดซึมกลับเข้าไปในตัวถัง

(ยานบินนี่คือสว่านขุดหรือไม่ก็เป็นอะไรที่มากกว่านั้น!)

เฟิงหลินสังเกตว่ามีการดูดน้ำจืดจำนวนมากเข้าไป

“น่าสนใจ!”

หลังจากบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ยานบินก็บินออกไปอีกครั้งโดยทิ้งดาวเคราะห์ที่แห้งแล้งไว้ข้างหลัง

ภูเขาผลไม้ตามหลังไป

ยานบินทรุดโทรมนี่มักจะหยุดทุกครั้งที่มันเจอดาวเคราะห์ มันจะดูดซับทรัพยากรจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการสกัดทั้งหมด

เฟิงหลินเริ่มชิน

(ยานบินเก็บรวบรวมทรัพยากรแร่ธาตุจำนวนมากและจำนวนที่ได้รับเกินกว่าที่ยานบินต้องการ พวกมันส่งทรัพยากรเหล่านี้ไปที่ไหน?)

(ภูมิภาคที่ห่างไกลนี้อยู่ใกล้กับขอบของทางช้างเผือก ควรมีมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงเท่านั้นไม่ใช่หรอ? มหาวิทยาลัยต้องใช้ทรัพยากรมากมายขนาดนี้เลยหรอ?)

ใจเขาคาดเดาต่างๆนาๆ เขาจะสามารถไปถึงมหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงได้โดยการตามยานบินนี่ไปได้หรือไม่?

หลังจากตระหนักถึงความจริงแล้ว เฟิงหลินก็ไม่รีบอีกต่อไป เขาอาจปล่อยให้ยานบินของเขาบินตามหลังไป ในขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะ

ยิ่งเขามีประสบการณ์มากเท่าไร เขาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความโหดร้ายของจักรวาล

ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองของมนุษยชาติที่ดูร่าเริง แท้จริงแล้วมีผู้คนนับไม่ถ้วนที่แบกรับภาระไว้

กฎธรรมชาตินั้นโหดร้ายเกินไป

คนธรรมดาอาจจะอยู่ในมุมเล็ก ๆ ของพวกเขาได้ แต่เฟิงหลินทำเช่นนั้นไม่ได้

ผู้บ่มเพาะคือความแข็งแกร่งของมนุษยชาติ!

เมื่อคนหนึ่งเดินไปตามเส้นทางนี้พวกเขาจะพบกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวไม่ช้าก็เร็ว ผู้บ่มเพาะไม่ควรหย่อนยาน

ศักยภาพทางพันธุกรรม +1.5, +1.5, +1.5 …

ด้วยความคิดในใจนี้ เฟิงหลินจึงแยกสิ่งรบกวนออกไป ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มขึ้น มันสูงถึง 126.2 และเขาได้รับจุดพันธุกรรมหลุดพ้นอีกหนึ่งจุด

แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเพิ่มมันลงไปในยีนใดๆของเขา คำเตือนจากปัญญาประดิษฐ์ก็ดังขึ้น…

“นายท่านมียานบินจำนวนมากที่ไม่ปรากฏชื่ออยู่ข้างหน้า!”

เฟิงหลินลืมตาของเขาและมองไปที่ขอบจักรวาล เขาเห็นยานบินที่ติดตั้งใบพัดแบบโบราณมากมาย ไอน้ำที่พุ่งออกมาทิ้งควันสีขาวไว้ข้างหลัง

(นี่คือ…? ยานบินที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำ!)