ตอนที่ 1625

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,625 : อันดับ 1 ในรายนามนภา!

 

ชายชราในชุดคลุมสีขาว ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิง รู้ดีว่าภาพวาดเสมือนในรูปนั้นมี ‘น้ำหนัก’ มหาศาลถึงเพียงใดและมันมีความหมายอย่างไร

 

ภาพวาดเสมือนนี้ถูกถ่ายทอดมาจากเบื้องบน!

 

สาขาใดก็ตามที่ค้นพบตัวบุคคลในภาพ จะได้รับรางวัลใหญ่!!

 

หากสาขาใดสามารถจับตัวบุคคลในภาพเสมือนนี่มาได้ ผู้นำสาขานั้นๆจะได้สิทธิ์ติดตามรับใช้ผู้นำสูงสุดของตลาดมืดหยินชานสาขาหลัก เป็นเวลา 10 ปี!

 

เพียงแค่เรื่องนี้ก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนคลั่งกันแล้ว!

 

ผู้นำสูงสุดของตลาดมืดหยินชาน คือผู้นำที่มีเกียรติสูงสุดของตลาดมืดหยินชาน และยังเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้

 

การที่มีโอกาสได้ติดตามยอดคนเช่นนั้นเป็นเวลานับ 10 ปี ได้รับการชี้แนะสอนสั่งด้วยตัวเอง ย่อมเป็นอะไรที่เหมือนความฝันนัก!

 

ด้วยเหตุนี้ใจของชายชราผมสีดอกเลาถึงกับตกอยู่ในความปั่นป่วนทันที เพราะมันเองก็เคยได้ยินนามของชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงเลื่องลือขึ้นมาในประเทศฝูงเฟิงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน!

 

“จิ่งหยวนเจ้าเร่งเดินทางไปยังเมืองหลวงประเทศฝูเฟิง แล้วลองไปเยือนตระกูลซือถูสักครา ว่าต้วนหลิงเทียนแขกกิตติมศักดิ์ที่ว่าใช่บุคคลเดียวกันกับในรูปเหมือนนี้หรือไม่?”

 

หงเจิ้น ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิงสะบัดมือคราหนึ่ง ภาพเสมือนก็คล้ายวัตถุแข็งปลิดปลิวไปดั่งแผ่นเหล็กเข้ามือของชายวัยกลางคน “หลังจากที่เจ้าคัดลอกภาพนี้แล้วก็ออกเดินทางได้เลย”

 

“ทราบแล้วท่านผู้นำ”

 

จิ่งหยวนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ก่อนที่จะนำรูปเหมือนนี้ไปคัดลอก

 

หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็ คงอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นมาคราหนึ่งเป็นแน่ เพราะรูปเหมือนนี้ช่างวาดได้หล่อเหลาเหมือนเขาส่องกระจกนัก…

 

จวนอ๋องเฉียน ประเทศฝูเฟิง

 

“อ๋องเฉียน หากต้วนหลิงเทียนที่ว่ามันยังปิดด่านบ่มเพาะไม่ยอมโผล่หัวออกมาแบบนี้อีก 10 วัน ข้าคงทำได้แค่กลับไปยังคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนเท่านั้น…เพราะข้าสามารถระงับด่านพลังฝึกปรือมิให้ทะลวงผ่านได้มากสุดอีกแค่เดือนเดียว!”

 

ภายในห้องโถงหลักของจวนอ๋องเฉียน ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีขาวพิสุทธิ์ มันจิบชาคำหนึ่งค่อยเงยหน้ามองกล่าวกับอ๋องเฉียน องค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูเฟิง

 

ในวาจาที่กล่าวน้ำเสียงนั้นเป็นกันเองคล้ายกล่าวกับคนธรรมดา ไม่คล้ายกล่าวกับตัวตนระดับองค์ชายแม้แต่น้อย

 

ลึกลงไปในลูกตาของอ๋องเฉียนฉายแววโทสะเล็กน้อย แต่ก็ดับไปอย่างรวดเร็วจนยากที่ใครจะสังเกต ค่อยปั้นยิ้มร่ากล่าวออก “คุณชายหลินท่านมั่นใจได้เลย ภายใน 10 วันนี้ถึงต้วนหลิงเทียนยังมิออกด่าน ข้าก็จะบังคับให้มันต้องออกมา! ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาแห่งเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนมาท้าทายมันถึงที่ทั้งที นับว่าเป็นพรสูงสุดในชีวิตมันแล้ว มิคิดว่ามันจะกล้าหนีหน้าเช่นนี้ ข้าล่ะเชื่อมันเลยจริงๆ!!”

 

“เจ้าไม่ต้องกล่าววาจาประจบสอพลอข้าให้มาก ข้ามาเพราะของรางวัลที่เจ้าเสนอเท่านั้น…ภายใน 10 วันถ้ามันยังไม่ออกมาข้าจะจากไปทันที ส่วนของรางวัลที่เจ้ามอบมา ข้าไม่คืนให้หรอกนะ…”

 

ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไม่แยแส

 

“เป็นธรรมดา! ย่อมเป็นเช่นนั้น!”

 

อย่างไรก็ตามแม้ชายหนุ่มในชุดขาวจะไม่เห็นหัวมัน แต่อ๋องเฉียนก็ได้แต่ปั้นยิ้มกล่าวออกด้วยดี

 

เพราะชายหนุ่มในชุดขาวพิสุทธิ์ปานคุณชายตระกูลใหญ่ผู้สูงศักดิ์เบื้องหน้า ไม่เพียงแต่เป็นสุดยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาเท่านั้น แต่มันยังเป็นศิษย์ของขุมพลังชั้น 6 ที่มีพลังแกร่งกล้าในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิงหนานหยวน ที่สำคัญ…พลังอำนาจของขุมพลังดังกล่าว ไม่ได้ด้อยกว่าตระกูลราชวงศ์ของมันเลย!

 

และชายหนุ่มชุดขาวที่ว่าก็เป็นถึงบุตรชายของผู้นำขุมพลังดังกล่าว!

 

2 เดือนที่แล้วมันถึงกับเชิญยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนมายังประเทศฝูเฟิง เพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนและชิงแหวนพื้นที่ของอีกฝ่ายมา

 

กล่าวให้ชัดมันต้องการตราผนึกมารในแหวน!

 

แน่นอนว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองตราผนึกมาร อ๋องเฉียนไม่ได้โง่พอจะบอกชายหนุ่มผู้นี้ มันแค่กล่าวว่าต้องการของบางอย่างในแหวนมิติต้วนหลิงเทียนเท่านั้น และสิ่งของที่ว่าก็มีค่ากับมันมาก

 

การทำข้อตกลงกับ หลินตง ครั้งนี้ ได้ตกลงกันแน่ชัดแล้ว ถ้าหากหลินตงฆ่าต้วนหลิงเทียนได้…มันจะขอแหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนมา

 

ส่วนมันจะมอบรางวัลใหญ่ตอบแทนให้เพิ่ม!

 

เพื่อที่จะประจบหลินตง อ๋องเฉียนถึงกับกัดฟันจ่ายค่าเชิญตัวอีกฝ่ายออกด้วยราคามหาศาลเรียกว่าเชือดเนื้อเถือหนังออกไปก็ไม่ปาน แต่พอคิดว่ามันจะได้ตราผนึกมารกลับมาเป็นของตอบแทน มันก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว

 

“เหอะ! ข้าไปก่อนล่ะ ไม่ต้องส่ง”

 

แค่นเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดขาวก็ลุกขึ้นและเดินจากไปอย่างถือดีทันที ไม่คิดจะแยแสอะไรอ๋องเฉียนแม้แต่น้อย

 

อ๋องเฉียนที่มองแผ่นหลังหลินตงเดินจากไป ก็เผยสีหน้ามืดดำทันที

 

“ท่านอ๋อง หลินตงผู้นี้นับว่าหยิ่งยะโสนัก! ท่านเป็นถึงองค์ชาย 4 แห่งราชวงศ์เรา กระทั่งเป็นผู้ที่จะนั่งบัลลังก์ในอนาคต แต่มันกลับกล้าปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้!”

 

อี้เฟิงที่นั่งเงียบอยู่เป็นเวลานานในที่สุดก็กล่าวออกมาในเวลาที่เหมาะสม แถมวาจายังประจบสอพลออย่างเห็นได้ชัด

 

“ฮึ่ม! คนอื่นๆอาจจะยำเกรงข้าในฐานะองค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูเฟิง แต่หลินตงผู้นี้มันไม่ต้องยำเกรงอะไรข้า เพราะขุมพลังของมันก็มิได้ด้อยไปกว่าตระกูลราชวงศ์ของข้า”

 

อ๋องเฉียนแค่นคำอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งกล่าวออกเสียงเข้ม ทำให้หน้าอี้เฟิงม้านไปทันใด

 

“อี้เฟิง แล้วเจ้ามัวไปทำอันใดของเจ้าอยู่กันแน่? นี่มันก็ปาเข้าไป 2 เดือนแล้ว แต่ไฉนยังไม่ได้เรื่องได้ราวอันใดสักอย่าง?”

 

ไม่นานอ๋องเฉียนก็ชักสายตาเย็นชาจับจ้องไปยังอี้เฟิงเขม็ง

 

“องค์ชาย 4 ตลอด 2 เดือนที่ผ่านข้าก็พยายามเต็มที่แล้ว กระทั่งถึงกับปล่อยข่าวว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู หวาดกลัว หลินตง ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนจนหัวหดเป็นลูกเต่า ไม่กล้าแม้แต่จะออกมารับคำท้า แต่เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันก็ไม่คิดโผล่หัวออกมาสักครั้ง….”

 

อี้เฟิงเผยยิ้มออกมาอย่างอับจนหนทาง

 

“ในเมื่อเจ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป”

 

อ๋องเฉียนกล่าวออกอย่างเบื่อหน่าย

 

อี้เฟิงพอได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก มันเองก็ขี้เกียจจัดการเรื่องนี้เต็มที

 

เห็นได้ชัดว่า ต้วนหลิงเทียน แขกกิตติมศักดิ์แห่งตระกูลซือถู ไม่คิดรับคำท้าทายจริงๆ

 

หาไม่แล้วอีกฝ่ายต้องโผล่หัวออกมานานแล้ว

 

หลังจากนั้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ผู้คนที่เดินบนถนนหนทางของเมืองหลวงประเทศฝูเฟิงก็พบว่าเนื้อหาในข่าวลือได้แปรเปลี่ยนไปอีกแล้ว

 

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานั้น ส่วนมากแล้วมักจะลือกันหนาหูว่า แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียน ไม่กล้ายอมรับคำท้าทายจากหลินตง ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลหลิ่งหนานหยวน เลือกที่จะปิดด่านหลบหน้าประหนึ่งลูกเต่า

 

แน่นอนว่าเป็นตระกูลซือถูออกมาประกาศด้วยตัวเองว่า…ต้วนหลิงเทียนปิดด่านบ่มเพาะอยู่

 

ในเรื่องนี้ผู้คนส่วนมากย่อมไม่เชื่อ ต่างคิดว่าต้วนหลิงเทียนใช้ข้ออ้างปิดด่านฝึกตน เพื่อหลบหน้าหมายหนีคำท้าประลองทั้งสิ้น!

 

ทว่าแม้วันนี้เรื่องราวจะอยู่ในเชิงประนามต้วนหลิงเทียน แต่กลับเริ่มลือกันว่าหลินตงนั้นเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียนเพิ่มขึ้นมา

 

จวนอ๋องเฉียน!

 

คำ 3 คำนี้จะไม่มีความหมายอะไรมากนัก หากมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซือถู!

 

ทว่าพอมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซือถูแล้ว ผู้คนก็เริ่มเชื่องโยงเรื่องราวไปเป็นอีกอย่างทันที!

 

เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องที่ตระกูลซือถูสนับสนุน อ๋องหรง ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี!

 

แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูหวาดกลัวไม่กล้ารับคำท้าจากแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียน นี่ไม่ได้หมายความว่าจวนอ๋องหรง อ่อนด้อยกว่าจวนอ๋องเฉียนหรืออย่างไร?

 

ไม่นานวาจาทำนองดังกล่าวก็เริ่มแพร่กระจายกันไปอย่างเผ็ดร้อน ผู้คนสุมหัวสนทนากันอย่างออกรส ยิ่งมาก็ยิ่งถล่มฝ่ายที่หนีหน้าเสียราวกับเป็นตัวพิการไร้แขนขา..

 

เมื่อเสียงนินทาเริ่มดังมากเข้า กระทั่งอ๋องหรงเองก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป มันเริ่มกดดันตระกูลซือถูทันที!

 

ที่เขตที่ดินของตระกูลซือถู คิ้วของซือถูฮ่าวถึงกับยู่ย่นเป็นปมตายยากคลี่คลาย หลังจากส่งคนของจวนอ๋องหรงกลับไป มันก็เดินหน้ามุ่ยไปยังคฤหาสน์ของซือถูหังทันที

 

“ลูกหัง ป่านนี้แล้วท่านปรมาจารย์ยังไม่ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะอีกหรือ?”

 

ซือถูฮ่าวกล่าวถามซือถูหังด้วยท่าทางไม่ค่อยสู้ดี

 

“มีปัญหาอันใดหรือท่านพ่อ? อย่าบอกข้านะว่าท่านสนใจเสียงนกเสียงกาที่นินทาท่านปรมาจารย์ต้วนนั่นกับผู้อื่นด้วย? ท่านอย่าได้กังวลไป ท่านปรมาจารย์ต้วนไม่แยแสข่าวลือเหลวไหลพรรค์นั้นหรอก”

 

ซือถูหังหัวเราะออกมา

 

“หังเอ๋อ…ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว”

 

ซือถูฮ่าวเผยยิ้มขื่นขมออกมา และเริ่มเล่าข่าวลือใหม่ให้ซือถูหังฟังทันที อีกทั้งยังบอกจุดประสงค์การมาเยือนของคนจวนอ๋องหรงออกไป เรียกว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข่าวลือเรื่องจวนอ๋องหรงอ่อนด้อยกว่าจวนอ๋องเฉียนทั้งสิ้น!

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหรงโดยตรง

 

อย่างไรก็ตามเขาเป็นแขกกิติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับอ๋องหรง เช่นนั้นกล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหรงในระดับหนึ่ง ยังถูกเหมารวมว่าเป็นทรัพยากรบุคคลของจวนอ๋องหรงเป็นที่เรียบร้อย

 

สำหรับหลินตงนั้น ก็ไม่ต่างกัน! อีกฝ่ายได้ชื่อว่าเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียน จึงนับเป็นทรัพยากรบุคคลของจวนอ๋องเฉียน!

 

“คนจากจวนอ๋องเฉียน มันพยายามจะทำอะไรกันแน่?”

 

ใบหน้าซือถูหังเปลี่ยนเป็นปั้นยากทันที

 

“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าเรื่องนี้สมควรมีอันใดไม่ชอบมาพากล…ตอนแรกข้าหลงคิดว่าหลินตงมาท้าทายท่านปรมาจารย์ต้วนเพื่อวัดกันว่าผู้ใดมีพลังฝีมือเหนือกว่ากันแน่ อย่างไรก็ตามมาวันนี้ท่าทางเรื่องราวจะมิได้ง่ายดายเสียแล้ว…ข้ากลัวว่าจวนอ๋องเฉียนต้องมีจุดประสงค์อันใดแอบแฝงบางประการ ถึงได้ราดน้ำมันรดลงกองไฟเช่นนี้…”

 

ซือถูฮ่าวกล่าววินิจฉัย

 

“ท่านพ่อ…ท่านหมายความว่าหลินตงอาจเป็นคนที่อ๋องเฉียนเชิญมาเพื่อเล่นงานอ๋องหรงเช่นนั้นหรือ”

 

ลูกตาซือถูหังหดเล็กลงทันใด

 

“เป็นไปได้อย่างยิ่ง”

 

ซือถูฮ่าวพยักหน้า “น่าเสียดายที่ท่านปรมาจารย์ต้วนยังมิออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ…จะว่าไปนี่มันก็ 3 เดือนแล้วใช่หรือไม่ที่ปรมาจารย์ต้วนปิดด่าน?”

 

“ใช่ นับว่าเกิน 3 เดือนไปเล็กน้อย”

 

ซือถูหังพยักหน้า

 

“ตอนนี้คนในจวนอ๋องเฉียนเริ่มนั่งกันไม่ติดแล้ว…กระทั่งอ๋องหรงยังกล่าวเสนอทางเลือกมาให้พวกเรา 2 ทาง”

 

ซือถูฮ่าวกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

 

“ทางเลือกอันใด?”

 

ซือถูหังขมวดคิ้ว

 

“อ๋องหรงกล่าวว่าหากท่านปรมาจารย์ต้วนปิดด่านบ่มเพาะอยู่จริง ให้พวกเราหาวิธีปลุกอาจารย์ต้วนให้จงได้ และกล่าวถามว่ามีความมั่นใจในการประลองครั้งนี้หรือไม่…หากมีก็ยอมรับคำท้าเสีย แต่หากไม่มีก็จำต้องหาทางลง!”

 

ซือถูฮ่าวกล่าว

 

“หาทางลงอย่างไร?”

 

ซือถูหังกล่าวถามเสียงเข้ม คิ้วยังขมวดย่น

 

“ให้ท่านปรมาจารย์ต้วนประกาศต่อสาธารณชนว่าจะถอนตัวออกจากตระกูลซือถู และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลซือถูของพวกเราอีกต่อไป”

 

ซือถูฮ่าวถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

 

“นั่นจะได้อย่างไร!”

 

สีหน้าซือถูหังเปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านปรมาจารย์ต้วนคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า ข้าจะปล่อยให้ท่านต้องทำอะไรเช่นนี้ได้อย่างไร! ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้ามิเห็นด้วยนะ!!”

 

“ไม่เด็ดขาด! ว่าแต่แล้วทางเลือกที่ 2 เล่า…ทางเลือกอีกทางที่อ๋องหรงบอกท่านพ่อมาคืออะไร?”

 

วาจาท้ายประโยคของซือถูหังยังคาดคั้นราวกับจะไขว่คว้าฟางเส้นสุดท้าย

 

“ทางเลือกที่ 2 คือให้ท่านปรมาจารย์ต้วนหลบหนีไปเสีย…นี่นับเป็นการหลบหนีอย่างแท้จริง!”

 

ซือถูฮ่าวกล่าวจบก็ระบายลมหายใจออกมายืดยาว

 

“แล้วผู้นำตระกูลซือถูอยากเลือกทางไหนหรือ?”

 

ทันใดนั้นมีเสียงกล่าวถามดังขึ้น ปรากฏร่างหนึ่งเปิดประตูออกมา ก่อนที่จะค่อยๆก้าวออกมาต้องรับแสงตะวันร้อนที่สาดส่องลง จนเผยให้เห็นเป็นร่างในชุดสีม่วง

 

ร่างในชุดสีม่วงนี้เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงอันมีคิ้วคมเข้ม ใบหน้าได้รูปปานหยกเสลา

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน!”

 

เมื่อเห็นร่างในชุดสีม่วง ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะโพล่งคำทักออกไปด้วยความดีใจ สองตายังลุกวาวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

 

“ปรมาจารย์ต้วน”

 

ซือถูฮ่าวย่อมต้องเผยยิ้มเจื่อนๆทักออกไป เพราะมันรู้ว่าวาจาที่กล่าวไปก่อนหน้าทั้งหมด อีกฝ่ายสมควรได้ยินหมดสิ้น พาลให้มันรู้สึกกระดากใจไม่น้อย

 

ชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่พึ่งเดินออกมาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียน ที่ปิดด่านบ่มเพาะไปเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน!