ภายในเรือนลั่วเหมยจวนอิงชินอ๋อง ขณะที่เซี่ยฟางหวากำลังตัดเย็บเสื้อผ้า หลูเสวี่ยอิ๋งก็เข้ามาในเรือน
เซี่ยฟางหวาเห็นนางมาจึงวางผ้าในมือลง แล้วออกไปต้อนรับ
หลังจากหลูเสวี่ยอิ๋งเห็นนาง ก็ยิ้มพลางกุมมือนางไว้ “ไฉนถึงผอมขนาดนี้ เทียบกับเจ้าแล้ว ข้ายังอ้วนกว่าอีก”
เซี่ยฟางหวาพบว่าสีหน้าอีกฝ่ายดียิ่ง ได้ยินมาบ้างว่าหลายวันนี้คุณชายใหญ่ฉินห้าวไม่เหมือนก่อน กลับเนื้อกลับตัวแล้ว ตั้งแต่ที่ท่านอ๋องเลิกให้เขาเก็บตัวสำนึกผิด เขาก็ไปขอขมาจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายทุกวัน อ้อนอวนให้หลูเสวี่ยอิ๋งให้อภัย หลูเสวี่ยอิ๋งโกรธมากจึงไม่สนใจเขา ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายซ้ายเดิมทีก็โกรธมากเช่นกัน อยากให้บุตรีหย่าร้าง ทว่าทนเห็นฉินห้าวบากหน้าไปจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ไหว นอบน้อมถ่อมตน ขอให้หลูเสวี่ยอิ๋งกลับจวนด้วยความจริงใจ สุดท้ายฮูหยินเสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไม่กลั่นแกล้งเขาอีกต่อไป เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็เห็นแก่ที่เขาปรับปรุงตัว อนุญาตให้เขารับหลูเสวี่ยอิ๋งกลับจวน
เซี่ยฟางหวาเองก็กุมมือนางตอบ ทอดถอนใจถึงตอนที่ตนเพิ่งกลับเมืองและได้พบอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ยามนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตนมิใช่ทิงอินอีกแล้ว และนางก็มิใช่หลูเสวี่ยอิ๋งในวันวานแล้วเช่นกัน ยามนั้นยากนึกภาพได้ว่าวันหนึ่งจะปรองดองกันได้เช่นนี้ นางยิ้มพลางนำทางอีกฝ่ายเข้าห้อง ขณะเดียวกันก็เอ่ยขึ้น “เจ้าอ้วนที่ไหนกัน เพียงแค่มีน้ำมีนวลขึ้นบ้างเล็กน้อย ยิ่งขับความงดงาม มิน่าพี่ใหญ่ถึงขอให้เจ้ากลับมา เก็บกวาดสาวใช้ในสวนจื่อจิงจนหมด”
“เก็บกวาดสาวใช้นับประสาอะไร รอข้ารับอนุแปดบ้านมาให้เขาก่อน สวนจื่อจิงก็จะคึกครื้นขึ้นมาทันใด” หลูเสวี่ยอิ๋งแค่นเสียงแผ่วเบา
“รับอนุแปดบ้าน” เซี่ยฟางหวาชะงัก
หลูเสวี่ยอิ๋งพยักหน้า
เซี่ยฟางหวาดึงนางนั่งลง ซื่อฮว่ายกน้ำชาเข้ามา นางเลื่อนน้ำชาไปตรงหน้าอีกฝ่าย กล่าวอย่างหมดคำพูดเล็กน้อย “เยอะเกินไปกระมัง”
“นายท่านของข้าอึดถึกทน ไม่แต่งอนุแปดบ้านสิบบ้าน ไหนเลยจะลดไฟราคะในตัวเขาได้ ข้าไม่อยากกลับไปเหยียบด่านประตูผีอีกแล้ว” หลูเสวี่ยอิ๋งเม้มปากยิ้ม
เซี่ยฟางหวายิ่งหมดคำพูด
หลูเสวี่ยอิ๋งมองนาง เห็นว่านางมีท่าทางเหลือเชื่อ จึงดื่มน้ำชาอึกหนึ่ง แล้วกล่าวติดตลก “ทำให้เจ้าตกใจหรือ อนุภรรยาแปดบ้านก็ไม่ถือว่าเยอะ เรือนหลังไม่น้อยในเมืองหลวงล้วนมีอนุเป็นสิบยี่สิบบ้าน อย่างจวนอิงชินอ๋องแห่งนี้ เรือนน้อยของท่านอ๋องก็มีสี่ห้าหลังเช่นกัน เพียงแต่หลังจากท่านอ๋องกับพระชายาคืนดีกันก็ไล่ออกไปทั้งหมด เหลือเพียงชายารองหลิวที่อยู่ในจวน เจ้าแค่มองไม่เห็นเท่านั้น”
เซี่ยฟางหวาพูดไม่ออกชั่วขณะ
“จวนต่างๆ ในเมืองหลวงย่อมมิอาจเทียบกับจวนจงหย่งโหวได้ ที่ผ่านมาจวนจงหย่งโหวล้วนแต่งเพียงภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่รับอนุเข้ามา ขนาดเรือนหลังของผู้นำจวนแหล่งธัญพืชกับจวนโรงเก็บเกลือก็ล้วนแต่งเพียงคนที่ถูกตาต้องใจเท่านั้น ไม่รับอนุ เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในตระกูล นี่ก็รวมถึงตระกูลเซี่ยด้วย แม้แต่เรือนหลังของพ่อข้า แม้เขาไม่โปรดปรานหญิงงาม แต่ก็ยังมีอนุสามสี่บ้านเช่นกัน” หลูเสวี่ยอิ๋งกล่าวอีก
เซี่ยฟางหวาครุ่นคิด ราวกับเป็นเช่นนี้จริง
หลูเสวี่ยอิ๋งเห็นนางก็ยิ้มกล่าวขึ้นอีก “ท่านอ๋องน้อยเจิงมีศีลธรรมอันดีงาม ต่างจากฉินห้าว เขาประคบประหงมเจ้าราวกับแก้วตาดวงใจ ลั่นวาจาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะแต่งกับเจ้าเท่านั้น ชีวิตนี้มีเจ้าเพียงคนเดียว ดังนั้น เจ้าไม่ต้องตกใจกับสิ่งที่ข้าบอกหรอก”
“มิใช่แค่ข้าที่ตกใจ หากเจ้าบอกกับพระชายา เกรงว่านางก็คงตกใจเช่นกัน ถึงอย่างไรการรับอนุเข้ามาทีเดียวมากขนาดนี้ก็มีน้อยมาก” เซี่ยฟางหวายิ้มขำ
“ข้าบอกกับพระชายาแล้ว” หลูเสวี่ยอิ๋งยิ้ม “ตกใจดังคาด แต่ข้าตัดสินใจแล้ว รอพระชายาหาฤกษ์ยามได้แล้ว ก็จะนำคนที่ข้าคัดเลือกไว้เข้ามา”
เซี่ยฟางหวาได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าควรกล่าวคำใด เพียงรู้สึกว่าภรรยาที่มอบอนุแปดบ้านให้สามีในคราวเดียวนั้นนับว่ามีน้อย จำต้องสร้างพายุระลอกหนึ่งขึ้นในเมืองหลวงหนานฉินแน่
ทั้งสองคุยเล่นกันอีกพักหนึ่ง เด็กรับใช้คนหนึ่งก็มาที่เรือนลั่วเหมย บอกว่าคุณชายใหญ่กลับจวนมาแล้ว แต่ไม่พบสะใภ้ใหญ่จึงเขามาเชิญนางกลับเรือน
หลูเสวี่ยอิ๋งฟังจบก็เอ่ยถามผ่านม่านกั้น “ยังสว่างอยู่ ไฉนเขาถึงกลับมาเร็วนัก”
“เรียนท่านสะใภ้ใหญ่ คุณชายใหญ่ทำงานเสร็จแล้ว จึงรีบกลับมาดูทีเรือนว่ายังขาดเหลือสิ่งใดหรือไม่ กลัวว่าท่านอยู่ที่จวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายนานจะไม่คุ้นเคย” เด็กรับใช้ตอบทันใด
หลูเสวี่ยอิ๋งได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “ที่แท้ก็เรื่องนี้ เจ้ากลับไปบอกเขา ประเดี๋ยวข้าก็กลับแล้ว”
เด็กรับใช้พยักหน้า ก่อนกลับไปรายงาน
หลูเสวี่ยอิ๋งไล่เด็กรับใช้กลับไปก็มิได้รีบกลับในทันที ยังพูดคุยกับเซี่ยฟางหวาต่ออีกครึ่งชั่วยาม ก่อนจะลุกขึ้นขอตัวกลับ ก่อนกลับยังเอ่ยเสียงทุ้มต่ำบอกเซี่ยฟางหวา “พ่อข้าบอกว่า หากมีเรื่องใดหรือมีจุดไหนไม่ราบรื่น ขอให้เจ้าไปหาเขา”
เซี่ยฟางหวากระจ่าง เข้าในความหมายที่เสนาบดีฝ่ายซ้ายต้องการสื่อ จึงพยักหน้าให้นาง
หลูเสวี่ยอิ๋งออกจากเรือนลั่วเหมย
เสี่ยวเฉวียนจื่อมายังจวนอิงชินอ๋อง โดยมีสี่ซุ่นนำทางไปพบพระชายาอิงชินอ๋อง
พระชายาอิงชินอ๋องได้ยินว่าไทเฮาจะมาด้วยก็ชะงักไปครู่หนึ่ง และได้ยินว่าฝ่าบาทจะเสด็จมากับไทเฮาก็ยิ่งแปลกใจ ทว่าก็มิได้แสดงออกบนใบหน้า ยิ้มพลางพยักหน้าว่า “ข้าเห็นว่าปีก่อนๆ ไทเฮามิได้โปรดความคึกครื้นแบบนี้ จึงมิได้ส่งเทียบเชิญไปที่วังหลวงด้วย ปีนี้ไทเฮากับฝ่าบาทจะเสด็จมาชมดอกไม้ที่จวนด้วย ย่อมดีมาก”
เสี่ยวเฉวียนจื่อทำธุระเสร็จก็มิได้ไปเรือนลั่วเหมย แต่มุ่งกลับวังหลวงทันที
พระชายาอิงชินอ๋องไตร่ตรองว่าฝ่าบาทเสด็จมาชมดอกไม้ที่จวนกับไทเฮานั้นมีความหมายแฝงอย่างไรกันแน่ ทว่าคิดแล้วคิดอีกก็เดามิได้ จึงเจียดเวลาไปหาเซี่ยฟางหวาที่เรือนลั่วเหมย
หลังจากเซี่ยฟางหวาส่งหลูเสวี่ยอิ๋งกลับ ก็ได้รับรายงานจากซื่อฮว่าถึงเรื่องที่ไทเฮากับฝ่าบาทจะเสด็จมาชมดอกไม้ที่จวนในวันพรุ่งนี้ด้วยแล้วเช่นกัน นางแย้มยิ้ม พยักหน้ารับ ก่อนกลับห้องไปเย็บปักเสื้อผ้าต่อ
พระชายาอิงชินอ๋องเข้ามาในเรือนลั่วเหมย พบซื่อฮว่ากำลังจะไปรายงาน นางจึงยิ้มแล้วยกมือปราม พร้อมกับถามขึ้นว่า “หวาเอ๋อร์กำลังพักผ่อนหรือ”
“คุณหนูกำลังเย็บเสื้อผ้าเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าส่ายหน้า
พระชายาอิงชินอ๋องขมวดคิ้ว “ไฉนไม่ยอมพักผ่อนกลับไปทำงานอีก หากเหนื่อยขึ้นมาจะทำเช่นไร” ว่าจบก็เข้าไปในห้องทันที
เซี่ยฟางหวากำลังเชื่อมผืนผ้าเข้าด้วยกัน ทุ่มเทตั้งใจมากเกินไป กว่าจะรู้ว่าพระชายาอิงชินอ๋องมาหา นางก็ผ่านทางเข้าเรือนมาแล้ว ยังมิทันออกไปต้อนรับ นางก็เข้ามาในห้องแล้วเช่นกัน จึงได้ส่งเสียงเรียก “ท่านแม่ ท่านมาแล้ว”
พระชายาอิงชินอ๋องเดินเข้าหา มองผ้าแวบหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “กำลังเย็บเสื้อผ้าให้เจิงเอ๋อร์หรือ ยกให้ช่างเย็บปักทำเถอะ เจ้าควรพักผ่อน”
เซี่ยฟางหวาส่ายหน้า “ผ้าพวกนี้แตกต่างกัน ข้าตั้งใจว่าจะทำเป็นเสื้อตัวในให้เขา”
พระชายาอิงชินอ๋องพินิจเนื้อผ้าอย่างถี่ถ้วน พร้อมทั้งยกมือสัมผัสดู “มิใช่ผ้าดิ้นเงินดิ้นทองไหมหิมะทั่วไปหรือ”
เซี่ยฟางหวายิ้มพลางพยักหน้า “เป็นผ้าดิ้นเงินดิ้นทองไหมหิมะทั่วไป แต่ลวดลายแตกต่างกัน ประโยชน์ใช้สอยก็แตกต่างกันด้วย มิอาจยืมมือผู้อื่นได้ พวกนี้ล้วนทำให้ฉินเจิง” พูดจบ นางก็ลดเสียงต่ำลง “เกี่ยวกับแผนที่สายสอดแนมในตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางตลอดหลายปีมานี้ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนให้มา”
พระชายาอิงชินอ๋องตกใจ
เซี่ยฟางหวาพยักหน้ายืนยันอีกหน
พระชายาอิงชินอ๋องพินิจเนื้อผ้าอย่างถี่ถ้วนอีกรอบหนึ่ง ทว่ายังมองไม่ออก เซี่ยฟางหวาจึงเลื่อนเนื้อผ้าให้ถูกแสงแดด นางเข้าใจทันใด เงียบลงพักหนึ่งก็ทอดถอนใจกล่าว “สมกับเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย ซ่อนไว้ได้ลึกล้ำขนาดนี้”
เซี่ยฟางหวากำลังจะเอ่ยปาก เหยี่ยวตัวหนึ่งก็บินเข้ามาจากด้านนอก ครั้นนางยื่นมือออกมา เหยี่ยวตัวนั้นก็บินลงมาเกาะลงบนฝ่ามือนาง