บทที่ 414 ยืนเงินหน่อย

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 414 ยืนเงินหน่อย

“มีอะไร?”

ไป๋ชินหยุนมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาสงสัย “เจ้าเคยล่อลวงคนรักของคนอื่นสำเร็จ แต่มันก็มิใช่ว่าเจ้าจะล่อลวงข้าได้สำเร็จหรอกนะ”

“ข้ามีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ”

หลินเป่ยเฉินว่า “ขอยืมเงินสัก 300,000 เหรียญทองคำหน่อยสิ”

“นั่นไง ว่าแล้วเชียว“

ไป๋ชินหยุนยกมือทาบอกตนเองและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ทำเอาตกอกตกใจหมด ไม่มีปัญหา แต่เจ้าต้องรอเดือนหน้าแล้วล่ะ เดือนนี้ข้าแทบไม่เหลือเงินติดตัวอีกแล้ว เดี๋ยวเบี้ยเลี้ยงเดือนหน้าออกมาเมื่อไหร่ ข้าจะให้เจ้ายืมทันที”

เดือนหน้าเลยหรือ?

หลินเป่ยเฉินทำสีหน้าลำบากใจ

เขาจะมีชีวิตรอดอยู่ถึงเดือนหน้าไหมเล่า?

การแข่งขันจตุรมิตรสามัคคีกำลังจะเกิดขึ้นในอีก 5 วัน

“แต่ข้าจำเป็นต้องใช้เลยนี่สิ” หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน “ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเรา เจ้าจะคิดหาทางอื่นช่วยเหลือข้าไม่ได้เชียวหรือ”

ไป๋ชินหยุนขมวดคิ้วมองหน้าหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความสงสัยมากกว่าเดิม “เดี๋ยวนะ เจ้าคงไม่ได้กำลังวางแผนยืมเงินแล้วชิ่งหนีใช่ไหม?”

หลินเป่ยเฉินถามกลับไปด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือไง?”

“ใช่”

เด็กสาวตอบกลับมาน้ำเสียงราบเรียบ

ให้ตายสิ

คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด?

หลินเป่ยเฉินอดรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาไม่ได้

เขาอุตส่าห์แกล้งทำตัวเป็นคนดี แต่สุดท้ายก็หางโผล่สินะ

แต่ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินตั้งใจว่าจะไม่หลบหนีเด็ดขาด

เพราะเขาจะรวบรวมเงินทั้งหมดนี้เพื่อไปจ่ายเป็นค่าดำเนินการให้เทพีกระบี่ช่วยลงมือกำจัดพวกของเว่ยหมิงเฉินไปให้พ้นทาง

ไม่ว่าเว่ยหมิงเฉินจะสูงส่งมาจากไหน หรือมีองครักษ์ฝีมือยอดเยี่ยมสักเท่าไหร่

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพีกระบี่ ก็ไม่ต่างไปจากมดปลวกเท่านั้น

“ข้าจะกลับไปคิดหาวิธีก็แล้วกัน”

ไป๋ชินหยุนพูดเน้นย้ำทีละคำในขณะที่จ้องตาหลินเป่ยเฉินด้วยความจริงใจ “แต่อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ช่วงหลังข้าใช้เงินเยอะมากเกินไป ท่านลุงก็เลยตัดเบี้ยเลี้ยงไปหลายส่วน และเจ้าก็ควรทำใจหน่อยนะว่าเงิน 300,000 เหรียญทองคำ มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย”

“รู้แล้วน่ะ”

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด

ต่อจากนั้น เขาก็เดินไปเตะเจ้าหนูอากวงที่แกล้งตายอยู่บนพื้นห้อง ส่งให้อดีตราชันหนูอสูรลอยละลิ่วออกไปกระแทกกับรั้วกั้นไม้ไผ่ที่ด้านนอก ก่อนที่ตัวจะค่อยๆ ไถลรูดลงมา

เสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็เดินกลับมาเทเหล้าราดลงไปบนใบหน้าของหวังจง

ทั้งคนทั้งหนูจึงได้สติฟื้นขึ้นมาทันที

“นายน้อยไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?…”

หวังจงกระโดดลุกขึ้นมากางแขนขวางหน้าหลินเป่ยเฉิน “นายน้อยรีบหนีไป บ่าวจะเป็นคนปกป้องนายน้อยเอง”

ผลั่ก!

หลินเป่ยเฉินกระโดดถีบยอดหน้าพ่อบ้านชราเต็มแรง

ในจังหวะนั้นเอง

‘ติ๊ง! ตรวจพบคุณสมบัติการเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดดในแอปพลิเคชัน Keep เจ้าค่ะ โปรดตรวจสอบรายละเอียด’

เสียงอ่านข้อความดังขึ้นในใจ

หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักกึก

ในที่สุด ฟังก์ชันการเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดดก็ปรากฏออกมาแล้วหรือ?

จะจริงหรือหลอกกันนะ?

ในเวลาเดียวกันนี้ คนอื่นๆ เริ่มกลับมาทำตัวตามปกติและเริ่มต้นรับประทานอาหารกันอีกครั้ง

เด็กหนุ่มอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจ นำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอปพลิเคชัน Keep เพื่อดูข้อความแจ้งเตือนโดยละเอียด

‘ท่านสามารถเริ่มต้นการทำงานฟังก์ชันเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดดได้โดยการกดปุ่มด้านล่าง’

‘ภารกิจที่ต้องทำประกอบไปด้วย : แบ่งปันรูปแบบการออกกำลังกายให้เพื่อนๆ เข้าร่วม ยิ่งเพื่อนๆ มีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งได้รับรางวัลมากขึ้นเท่านั้น’

‘รายชื่อผู้เข้าร่วมภารกิจที่ต้องชักชวนให้สำเร็จ : ฉู่เหิน พานเว่ยหมิน หลิวฉีไห่ ติงซานฉือ ฉุยหมิงโหลว เฉียนเหมย เฉียนเจิน หวังจงและอากวง รวมผู้เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้เป็นจำนวน 10 คน!’

‘เป้าหมายการทำภารกิจ : ช่วยเพื่อนๆ ทุกคนเลื่อนระดับพลังขึ้นมาอย่างน้อย 2 ขั้นให้สำเร็จ’

‘ของรางวัล : หลังทำภารกิจเสร็จสิ้น ท่านจะสามารถยกระดับคุณชายนายกระจอกระดับมาตรฐาน ขึ้นเป็นคุณชายนายกระจอกระดับพรีเมียม แต่ถ้าภารกิจล้มเหลว ท่านจะต้องถูกหักเงิน 3,000 เหรียญทองคำ’

เอาไงดีนะ? เขาควรรับภารกิจนี้หรือเปล่า?

หืม?

หลินเป่ยเฉินดวงตามองหน้าจอโทรศัพท์ในขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ

แต่ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ

นี่คือฟังก์ชันการเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดด

คงไม่ได้หลอกให้ออกกำลังกันเล่นๆ หรอกใช่ไหม?

ทำไมต้องเดิมพันด้วยการหักเงินด้วยล่ะเนี่ย

แต่ถ้าเขาสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ ของรางวัลมันก็เย้ายวนใจเหลือเกิน

รูปแบบการออกกำลังกายคุณชายนายกระจอกระดับพื้นฐานในขณะนี้ หมายความว่าเขายังมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์

แต่ถ้าหลินเป่ยเฉินสามารถทำภารกิจได้สำเร็จในเวลา 5 วัน เขาก็จะเป็นคุณชายนายกระจอกระดับพรีเมียม และนั่นหมายความว่าเขาเลื่อนระดับขึ้นไปอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ได้สำเร็จแล้วนั่นเอง

อุ๊วะ! อะเฮ้ย! อะเฮ้ย!

ลองวัดดวงดูดีไหม?

คุ้มเสี่ยงอยู่นะ

และแล้ว หลินเป่ยเฉินก็กดตอบรับภารกิจ

เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว

ถ้าเป็นเมื่อก่อน การชักชวนให้คณะอาจารย์อย่างเช่นพวกของฉู่เหิน พานเว่ยหมิน หลิวฉีไห่ หรืออาจารย์ติงมาออกกำลังกายร่วมกับเขา คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

แต่หลังผ่านเหตุการณ์ในวันนี้ไป หลังจากที่ทุกคนได้รับประทานโจ๊กวิเศษ หลินเป่ยเฉินเชื่อว่าพวกท่านไม่น่าจะปฏิเสธคำเชิญของเขาอีกแล้ว

หลินเป่ยเฉินคิดได้ดังนั้น ก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

สมองของเขาเริ่มคิดหาถ้อยคำหว่านล้อมชักชวนทุกคนให้ออกกำลังกาย

เรื่องแค่นี้…

“นี่ เจ้ายืนเหม่ออะไรอยู่ ทุกคนกำลังรอคำตอบจากเจ้าอยู่นะ”

ไป๋ชินหยุนใช้ข้อศอกสะกิดสีข้างหลินเป่ยเฉินและพูดต่อ “พวกเราอยากจะรู้ว่าเจ้าใส่อะไรลงไปในโจ๊กหม้อนั้นกันแน่?”

หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์โดยทันที

เมื่อเขากวาดสายตาสำรวจมองหน้าทุกคน ก็ได้เห็นแววตาเหมือนเด็กน้อยขี้สงสัยจ้องตอบกลับมา แน่นอนว่าพวกเขาคงอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโจ๊กวิเศษหม้อนั้น เพราะมันมีสรรพคุณที่น่ามหัศจรรย์มากเกินไป ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากรู้ที่มาที่ไปของสิ่งที่ตนเองเพิ่งรับประทานลงไปในทุกด้านทุกมุม

“หึหึ นับว่าเป็นคำถามที่ดี”

หลินเป่ยเฉินยกถ้วยสุราขึ้นดื่มอึกใหญ่เพื่อใช้เวลาเรียบเรียงคำพูด “ในเมื่อทุกท่านกล้าถามด้วยความจริงใจ ข้าก็จะบอกความลับด้วยความจริงใจเช่นกัน…”

หลังจากนั้น เขาก็ดื่มสุราอีกถ้วยใหญ่

หลินเป่ยเฉินมักมีอาการหน้าแดงเวลาดื่มสุรา

ด้วยเหตุนี้ มันจึงช่วยกลบเกลื่อนอาการหน้าแดงเพราะความตื่นเต้น ที่จะต้องพูดโกหกต่อหน้าเสือเฒ่ามากประสบการณ์อย่างติงซานฉือและฉู่เหินให้เขาได้เป็นอย่างดี

“ความลับอันใด? รีบบอกมาเร็วไว”

ไป๋ชินหยุนเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น

ไม่มีสิ่งใดที่นางจะชื่นชอบมากไปกว่าการได้ล่วงรู้ความลับของผู้อื่นอีกแล้ว

ทุกสายตาหันมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินอย่างต้องการคำตอบ

“อย่างที่ทุกท่านทราบดีว่าข้าไม่ได้มีดีเพียงแค่หน้าตา แต่ยังมีสถานะเป็นถึงผู้ที่ถูกเลือก”

หลินเป่ยเฉินยกสุราขึ้นดื่มเป็นถ้วยที่ 3 ใบหน้าของเขาแดงก่ำ “อันที่จริงแล้วในเหตุการณ์วันนั้น ข้าไม่เพียงได้เป็นร่างทรงของเทพีกระบี่เท่านั้น แต่ว่าท่านเทพียังได้ประทานผลไม้วิเศษมาให้ข้าหนึ่งลูก สำหรับการเพิ่มพลังในร่างกายอีกด้วย…”

“ว่าไงนะ?”

ฉู่เหินอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “เจ้าพูดความจริงหรือ?”

ฉุยหมิงโหลดีดตัวลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “คุณชายหลินได้รับผลไม้สวรรค์?”

ผลไม้สวรรค์?

จะเรียกอย่างนั้นก็คงไม่ผิดมั้ง

หลินเป่ยเฉินสลัดความมึนงงออกไปและพยักหน้าตอบรับว่า “ถูกต้องแล้ว มันคือผลไม้สวรรค์ โจ๊กวิเศษที่พวกท่านรับประทานเข้าไป มีส่วนผสมของผลไม้สวรรค์ลูกนั้น มันจึงมีสรรพคุณมหัศจรรย์อย่างที่ทุกท่านได้ทราบกันดี และถ้าพวกท่านอยากจะรีดเค้นประสิทธิภาพของมันออกมาให้ได้มากที่สุด ก็ต้องทำตามแผนการฝึกฝนที่ข้าวางเอาไว้”

ฮ่าฮ่าฮ่า

เรานี่ก็โกหกแนบเนียนใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

บัดนี้ ทุกคนมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ ในขณะที่พยายามจะซึมซับข้อมูลที่เขาเพิ่งบอกกล่าว

ผลไม้สวรรค์

ดูเหมือนว่าเป็นเวลานานหลายทศวรรษแล้ว ที่เทพีกระบี่ไม่เคยประทานผลไม้สวรรค์ให้แก่ผู้ใดเลย

แม้แต่บรรดาคนที่มีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือกก็ไม่เคยได้รับ

คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าคนเสเพลอย่างหลินเป่ยเฉิน กลับได้รับผลไม้สวรรค์เสียอย่างนั้น

ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

เรื่องนี้ถ้าเป็นคนอื่นพูดออกมา ก็จะต้องถูกกล่าวหาว่าพูดจาโป้ปดมดเท็จแน่นอน

แต่ในเมื่อคนพูดเป็นหลินเป่ยเฉิน…

อีกอย่าง พวกเขาก็ได้เห็นกับตาถึงพลังของเทพีกระบี่ยามที่สถิตอยู่ในร่างกายหลินเป่ยเฉิน รวมถึงเรื่องที่เขากลายเป็นผู้ที่ถูกเลือก เพราะฉะนั้น การมีผลไม้สวรรค์อยู่ในครอบครองจึงไม่ใช่เรื่องที่เหลือเชื่อเกินไปนัก… มิหนำซ้ำ มันยังเป็นหลักฐานที่ช่วยยืนยันได้ว่าเด็กหนุ่มไม่เคยพูดโกหกเกี่ยวกับสถานะของตนเอง

“อันที่จริงแล้ว ข้าไม่ควรเปิดเผยความลับข้อนี้เลย”

“แต่ในเมื่อทุกคนดีกับข้าขนาดนี้ พวกท่านเป็นอาจารย์ของข้า เป็นเพื่อนร่วมสถาบันของข้า เป็นครอบครัวของข้า แล้วข้า หลินเป่ยเฉินผู้มีจิตใจงดงามบริสุทธิ์ จะเก็บของดีไว้หาประโยชน์กับตัวเพียงคนเดียวได้อย่างไร?”

“ข้าจึงตัดสินใจแล้วว่าจะแบ่งปันผลไม้วิเศษลูกนี้กับพวกท่าน เพราะฉะนั้น พวกเรามาตั้งใจฝึกฝน เพื่อเลื่อนระดับพลังด้วยกันเถอะ!”

หลินเป่ยเฉินพูดจบ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่น สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน