ตอนที่ 375 ปฏิเสธลูกเดียว / ตอนที่ 376 นมข้าวโอ๊ต

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 375 ปฏิเสธลูกเดียว

 

 

“เอ…ฉันไม่ได้มานานเท่าไรแล้วนะ” ฉินซื่อหลานเดินไปรอบๆ มองรายละเอียดต่างๆ อย่างถี่ถ้วน ก่อนจะพบว่าทั้งห้องนี้สะอาดเกินไป “ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของซย่าเสี่ยวมั่วเลย”

 

 

เหยียนเค่อเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ปล่อยให้เขาเดินจับนั่นจีบนี่ไปทั่ว ก่อนจะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด ฉินซื่อหลานก็เดินตามหลังมาติด

 

 

“เอ๊ะ?” ฉินซื่อหลานตาไวหันไปเห็นกรอบรูปที่วางคว่ำไว้บนตู้หัวเตียง จึงหยิบมันขึ้นมาก่อนที่

 

 

เหยียนเค่อจะได้ร้องเรียกให้หยุดเสียก่อน ในความของหมอกฝนจางๆ ทางตอนใต้นั้น ร่างที่สวยสดประดุจเปลวไฟ ราวกับหญิงสาวที่หลุดเข้าไปในภาพวาดน้ำหมึกแบบจีนอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“วางลง” เสียงของเหยียนเค่อไม่มีความเย็นเยียบเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว ฟังแล้วดูแหบแห้งลงไปมากทีเดียว

 

 

ฉินซื่อหลานรีบวางมันลง อย่างไรเสียเขาก็เห็นหมดแล้ว ก่อนจะหลอกถามอย่างระมัดระวัง “คือ…นั่นซย่าเสี่ยวมั่วเหรอ”

 

 

เหยียนเค่อไม่ปริปากตอบ

 

 

“นายยอมรับกับฉันแล้วว่านายชอบซย่าเสี่ยวมั่ว ตอนนี้ยังจะมาอมพะนำอะไรอยู่อีก” ฉินซื่อหลานไม่เข้าใจ

 

 

เหยียนเค่อถอดเสื้อเชิ้ตออก เผยให้เห็นรูปร่างสมบูรณ์แบบ ก่อนจะพูดปฏิเสธลูกเดียว “ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย”

 

 

“หา?” ฉินซื่อหลานไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไง เจ้าหมอนี่มันช่างไร้เหตุผลเสียจริงๆ “นายไม่ได้พูดแล้วฉันพูดหรือไง”

 

 

เหยียนเค่อเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านก่อนจะเหลือบตามองเขา “นายกลับไปได้แล้วมั้ง”

 

 

ฉินซื่อหลานเพิ่งเข้ามาเดินดูได้รอบหนึ่งก็ถูกไล่ตะเพิดออกไปเสียแล้ว เขามีท่าทีอิดออดจึงต่อรองกับเขา “คืนนี้ฉันจะนอนกับนายที่นี่ เรานอนด้วยกันดีไหม”

 

 

“ฝันไปเถอะ”เหยียนเค่อโยนเสื้อคลุมใส่หัวเขา “เหอะ รีบไสหัวไปซะ”

 

 

ฉินซื่อหลานดึงเสื้อคลุมสูทที่คลุมอยู่บนหัวเขาออก “นายเห็นฉันเป็นซย่าเสี่ยวมั่วหรือไง ถึงโยนใส่หัวฉันอย่างนี้น่ะ”

 

 

เขากำลังจะจัดผมก็เห็นเหยียนเค่อที่เพิ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จ ผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่ยังดูดีขนาดนั้น ก็แอบเดินเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำด้วยทรงผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงนั้น

 

 

เหยียนเค่อหยิบเสื้อคลุมที่เขาโยนไว้บนโซฟาขึ้นมาพาดไว้บนตะกร้าผ้าที่ทำจากไม้หวาย แล้วหยิบกรอบรูปที่วางไว้บนหัวเตียงเก็บเข้าไปในลิ้นชัก

 

 

“เฮ้อ” ฉินซื่อหลานที่อยู่ในห้องน้ำจัดผมใหม่อย่างยอมแพ้ต่อโชคชะตา พอเขาหัวยุ่งปุ๊บหน้าตาก็แย่ลงปั๊บ อะไรคือความงามที่ยุ่งเหยิงกัน ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติธรรมดาจะควบคุมได้เลย

 

 

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรกัน นี่มันเอาชีวิตเธอได้เลยนะ! ซย่าเสี่ยวมั่วใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว แม้แต่หมูพะโล้ที่เธอโปรดปรานที่สุดก็ไม่สนใจแล้ว

 

 

“พี่คะ ถ้าพี่ยังไม่กินอีกมันจะเย็นหมดแล้วนะคะ” ตอนที่เสี่ยวฝูเอ๋อร์เอาอาหารมาให้เธอมันก็เริ่มเย็นนิดหน่อยแล้ว จากความเร็วของซย่าเสี่ยวมั่วในตอนนี้ กินข้าวไปแค่สองเม็ดอาหารก็คงเย็นชืดหมดแล้ว

 

 

“ฉันไม่กินแล้ว ฉันนอนต่อดีกว่า” ซย่าเสี่ยวมั่วดันโต๊ะตัวเล็กออก ถ้าเธอนอนหลับไปจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจพวกนั้น

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์แอบไปรายงานสถานการณ์ให้ฉินซื่อหลานฟัง เมื่อฉินซื่อหลานรับโทรศัพท์แล้วก็สงสัยว่าสมองของเสี่ยวฝูเอ๋อร์โดนซย่าเสี่ยวมั่วกินไปแล้วหรือเปล่า

 

 

[เธอบอกฉันแล้วฉันจะกลับไปหาได้เหรอ] ฉินซื่อหลานไม่เข้าใจเอาเสียเลย [เขาก็ไม่กินก็แสดงว่าไม่หิวไง อ้วนขนาดนั้น ไม่กินมื้อเดียวไม่ตายหรอก]

 

 

“พี่!” เสี่ยวฝูเอ๋อร์น้อยเนื้อต่ำใจ “ฉันแค่กลัวว่าพี่จะดุฉันไง! ไม่งั้นฉันจะบอกพี่ทำไมเล่า!”

 

 

ฉินซื่อหลานได้ยินเธอแผดเสียงขึ้นสูงแล้วก็เริ่มกลัว ยังไม่ทันฟังเสี่ยวฝูเอ๋อร์พูดจบก็ยัดโทรศัพท์ใส่มือเหยียนเค่อไปเสียก่อน

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเพียงประโยคครึ่งหลัง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหันกลับไปมองฉินซื่อหลานอย่างฉงนสงสัย

 

 

ฉินซื่อหลานแบมือ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกไปทันที

 

 

เหยียนเค่อจึงต้องเอ่ยปากถามเอง เมื่อเสี่ยวฝูเอ๋อร์ได้ยินเสียงเหยียนเค่อก็หยุดพูดทันที “พี่เหยียน”

 

 

[เกิดอะไรขึ้น] เหยียนเค่อถามซ้ำอีกครั้งอย่างอดกลั้น เสี่ยวฝูเอ๋อร์เอาคำพูดของฉินซื่อหลานมาตอบเขาอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “ถึงฉันพูดไปพี่ก็ไม่กลับมาหรอก ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันวางแล้วนะ…

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 376 นมข้าวโอ๊ต

 

 

เหยียนเค่อไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ได้วางสายเช่นกัน เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็ไม่กล้าวางสายก่อน ทั้งคู่ถือสายค้างไว้อยู่นานจนในที่สุดเสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็ยอมแพ้ จึงสารภาพความจริง “ตอนเย็นพี่ซย่าได้กินข้าวค่ะ”

 

 

เหยียนเค่อหัวเราะประหลาดใจ [เขาเลือกที่จะไม่กินข้าวเหรอเนี่ย ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เดี๋ยวตอนเที่ยงคืนก็ลุกขึ้นมากินเองนั่นแหละ] คาดว่าน่าจะกินไปเสียใจไปด้วยที่ตนไม่ยอมกินตอนที่มันยังร้อนอยู่

 

 

“ก็ได้ค่ะ” ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟน ยังไม่ไยดีกันขนาดนี้เลย แย่มาก! เสี่ยวฝูเอ๋อร์ตำหนิในใจ ไม่กล้าเป็นเดือดเป็นร้อนแทนซย่าเสี่ยวมั่วแบบออกนอกหน้านัก

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เมื่อบอกราตรีสวัสดิ์กับเสี่ยวฝูเอ๋อร์แล้วก็วางสาย

 

 

ฉินซื่อหลานเห็นว่าด้านในไม่มีเสียงแล้วจึงเดินกลับออกมาจากระเบียงห้อง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างปวดใจ “ทำไมเขาเชื่อฟังนายจังนะ เมื่อกี้ตะโกนใส่ฉันจนแก้วหูจะแตกอยู่แล้ว”

 

 

เหยียนเค่อเอื้อมมือข้ามตัวเขาเพื่อไปหยิบโทรศัพท์มา ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่

 

 

ฉินซื่อหลานที่โดนเมินเดินไปหาเหยียนเค่อเพื่อเรียกร้องความสนใจ “นี่ นายมองฉันหน่อยไม่ได้หรือไง”

 

 

ทำไมพอเสิ่นจิ้งเฉินไม่อยู่แล้ว ฉินซื่อหลานถึงทำตัวน่ารำคาญเหมือนเสิ่นจิ้งเฉินเลยนะ เหยียนเค่อชำเลืองตามองเขาปาดหนึ่งแล้วหันไปดูโทรศัพท์ต่อ เมื่อจัดการเสร็จแล้วก็จะเดินไปอาบน้ำ

 

 

“เราอาบน้ำด้วยกันเถอะ” ฉินซื่อหลานดูกระตือรือร้นผิดปกติ

 

 

“นาย…โดนผีเข้าหรือเปล่า” เหยียนเค่อโบกมือไปตรงหน้าเขา

 

 

ฉินซื่อหลานกลอกตามองเพดาน “ฉันว่าแล้วว่าต้องโดนปฏิเสธ” เพราะรู้ว่าจะโดนปฏิเสธ จึงเข้าไปเรียกร้องความสนใจจากเหยียนเค่อ ถ้าเหยียนเค่อยอมให้พวกเขาอาบน้ำด้วยกันนี่สิถึงจะน่าตื่นตกใจ

 

 

“ตอนนี้นายเบื่อจนถึงขนาดที่ต้องการให้ฉันปฏิเสธแล้วไล่นายไปแล้วเหรอ” เหยียนเค่อยิ้ม เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนโดยไม่รอให้ฉินซื่อหลานได้พูดอะไร ปิดประตูขังเขาไว้ด้านนอก

 

 

ฉินซื่อหลานไม่ทันได้เถียงกลับ ทำได้เพียงยืนคับข้องใจอยู่กับบานกระจกฝ้า

 

 

เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวฝูเอ๋อร์รู้ว่ามีอาหารและเครื่องดื่มมาส่งให้ถึงหน้าประตูได้ เมื่อก่อนเธอต้องไปหยิบเอาที่หน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาล นึกไปถึงว่าตอนนี้จะใส่ใจผู้ป่วยมากขึ้นกว่าเดิม

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหิวจนนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่อยากลุกขึ้นมากินข้าว เห็นเสี่ยวฝูเอ๋อร์เดินกลับเข้ามาก็ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น “มีอะไรเหรอๆ”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ยื่นกระบอกเก็บความร้อนให้ซย่าเสี่ยวมั่ว แล้วตอบอย่างสั้นกระชับ “นมข้าวโอ๊ต”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเบ้ปาก กลับไปนอนตามเดิมอย่างเซ็งจิต

 

 

“พี่ ลุกขึ้นมากินสักหน่อยเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยนอน” พี่เหยียนช่างเอาใจยิ่งกว่าร้านขายอาหารและเครื่องดื่มเสียอีก เสี่ยวฝูเอ๋อร์เหงื่อผุดพรายเต็มหน้า ก่อนจะไปหาแก้วมาเทนมให้ซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วลีลาประคองแก้วไว้ในมืออยู่นาน สุดท้ายก็ยอมดื่มจนเกลี้ยงกระบอกน้ำร้อนใบนั้น

 

 

“เธอสั่งของร้านไหนมาอะ อร่อยมากเลย” ซย่าเสี่ยวมั่วดื่มจนรู้สึกอุ่นๆ ที่หน้าท้อง

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ส่ายหัว หาสัญลักษณ์ที่อยู่บนกระบอกใบนั้นอย่างละเอียดก็หาชื่อร้านไม่เจอ “ไม่รู้สิคะ ไม่มีเครื่องหมายอะไรเลย”

 

 

“เธอเป็นคนสั่งมาไม่ใช่เหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เข้าใจ สั่งเองแต่ไม่รู้ว่าสั่งจากร้านไหนมาเนี่ยนะ?

 

 

“ฉันไม่ได้สั่งค่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ส่ายหัว แต่ไม่บอกว่าใครเป็นคนสั่งมากันแน่ ซย่าเสี่ยวมั่วจึงทึกทักไปเองว่าเป็นฉินซื่อหลาน อดปิดปากตัวเองด้วยความตื่นตระหนกไม่ได้ “ฉันกินของเธอหมดเลยอะ

 

 

ฉินซื่อหลานจะเอามีดมาสับฉันไหมเนี่ย”

 

 

“ไม่หรอกค่ะ อันนี้สั่งมาให้พี่” เมื่อฉินซื่อหลาน เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็หงุดหงิดขึ้นมา ไม่อยากได้ยินชื่อเขา

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นน้ำเสียงเธอแปลกไป ชีวิตคนเราไม่ได้ราบรื่นไปตลอดรอดฝั่งจริงๆ ด้วยสินะ “ทะเลาะกันเหรอ”

 

 

“เปล่าค่ะ แค่รู้สึกว่าฉินซื่อหลานทำตัวเหมือนเด็กเลย” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ตอบเสียงขุ่น

 

 

เทียบกับใครบางคนแล้ว เห็นได้ชัดว่าฉินซื่อหลานเป็นชายหนุ่มที่ดี มีชาติตระกูล มีอุดมการณ์ มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง คำพูดใส่ร้ายป้ายสีแบบนี้เธอก็ทำได้เพียงรับฟัง ไม่สามารถเออออห่อหมกตามไปได้ ซย่าเสี่ยวมั่วลูบท้องที่อิ่มไปด้วยน้ำ แล้วนอนลงบนเตียงอย่างสบายๆ