“ตระกูลเอนอส…” ลั่วเฟิงเฉียงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ความหมายของ Hunting Flame ยิ่งกลายเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาต้องการให้ตระกูลลั่วเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้ จากความเข้าใจของเขา กลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้คือคมเขี้ยวของ 10 บทบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการกำจัด, การลอบสังหาร และการทำลายล้าง พวกเขาเป็นพวกที่มีความแข็งแกร่งมากใน 10 บทบัญญัติ แต่พวกเขาทั้งสามคนก็ถือได้ว่าเป็นตัวอันตรายมากด้วยเช่นกัน หัวหน้าที่ลึกลับของพวกเขาคือปีศาจสีเงิน มีคนได้พูดเอาไว้ว่า เขาตั้งใจที่จะเกษียณอายุ และกำลังพัฒนาพวกสายเลือดใหม่ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอำนาจมากมายใน 10 บทบัญญัติอยู่ดี Cold Moon เป็นชื่อที่ได้ยินบ่อยมากที่สุด จากบรรดาหนึ่งในสามคนของกลุ่มหัวรุนแรง เธอเป็นคนที่มีคะแนนความอันตรายสูงมาก สำหรับ Hunting Flame เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการลอบสังหารจากเงามืด… ลั่วเฟิงเฉียงหรี่ตาลง การสร้างความสัมพันธ์กับ 10 บทบัญญัติเป็นเรื่องที่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ความสัมพันธ์นี้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร “รู่วหยาน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ 10 บทบัญญัติ พ่อจะปล่อยให้ลูกเป็นคนจัดการก็แล้วกัน และลูกต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้เพียงลำพังนะ…”

“หนูเข้าใจแล้วค่ะ” MistyVeil พยักหน้า เธอไม่สามารถประมาทได้เลย ถ้าองค์กรหมื่นวิญญาณเป็นหมาบ้า งั้นกลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้ก็เป็นราวดั่งสิงโตคลั่ง หรือไม่พวกเขาก็เกินกว่าระดับของสัตว์ร้ายไปแล้ว

ณ.บ้านพักริมทะเล

เย่ฉางย่อตัวลงและนอนบนหลังคา เสื้อผ้าสีขาวกระพือตามลมที่พัดผ่านจากผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขา เย่ฉางยิ้มอย่างแผ่วเบา “เธอรู้งั้นหรือ?”

“อื้อ…” Cold Moon พยักหน้า ขณะที่ยืนอยู่ใต้ดวงจันทร์ ฉากของผมที่ยาวสลวยของเธอถูกพัดผ่านอย่างอิสระ ทำให้ภาพฉากนี้ช่างสบายตาดีเหลือเกิน

“การจัดการกับศัตรูภายนอกเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากพอแล้ว…” Cold Moon พูดขึ้นมาโดยไม่มีความโกรธเกรี้ยวแม้แต่เล็กน้อย

“มันช่วยไม่ได้จริงๆนี่ เธอ, ฉัน และ Hunting Flame เป็นดาบที่คมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่ในขณะที่เราหันดาบไปหาเขา เราจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นทิ้งเรื่องนี้เอาไว้ให้กับ Hunting Flame เถอะ…” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย

“ฉันรู้ ปล่อยให้เขาคิดว่ามันถูกต้องไปเถอะ อีกไม่นานก็จะมีการแสดงโชว์ที่ดีเกิดขึ้นแล้ว…” คำพูดของ Cold Moon น่าจะเป็นคำที่ควรจะได้รับการจัดว่าเป็นคำเยาะเย้ยเลยก็ว่าได้ แต่เธอพูดด้วยความรู้สึกธรรมดามาก และไม่มีอารมณ์ร่วมปนอยู่ในน้ำเสียงของเธอเลย นี่คือสิ่งที่ทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับ Cold Moon เช่น SpyingBlade และฟางชิปวดหัวมากที่สุด…

ทั้งสองคนจ้องมองดวงจันทร์โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

ไม่กี่วันต่อมา เย่ฉางและทุกคนในบ้านมักจะออกไปตกปลากัน ซูหยี่ยี่เริ่มใกล้ชิดกับทุกคนมากขึ้นแล้ว เมื่อเธอรู้ว่าซงซินเป็นแฟนของหลินหลี่ ปากของเธอก็แทบจะอ้าค้างไปเลยทีเดียว อูนาและ FrozenCloud ทั้งสองคนตบไปที่ไหล่ของเธอ และพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ‘เราเข้าใจดี เราเข้าใจดี’

ตอนกลางคืน เย่ฉางอยู่ที่ทะเลสาบจันทร์ครึ่งเสี้ยวเพื่อสั่งสอนลูกศิษย์ทั้งสองคน เขานั่งลงบนก้อนหินและเฝ้าดูละครในโทรศัพท์ของเขา เมื่อเฉาเฉียงหยูมีการเคลื่อนไหวใดๆที่ผิดแปลกออกไป เขาจะปรากฏตัวออกมา และใช้แส้ที่เป็นเถาวัลย์หวดใส่เธอ มันเจ็บมากพอที่จะทำให้เธอหอบพะงาบพะงาบได้เลย ในคืนนี้ เธอถูกแส้หวดไปถึง 180 ครั้ง จนซูหยี่ยี่คิดกับตัวเองด้วยความสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ‘ดีนะที่ฉันไม่ได้เรียนศิลปะการต่อสู้ ในยุคปัจจุบันนี้ การฝึกอบรมประเภทนี้เป็นการละเมิดสิทธิอย่างชัดเจน’

“ท่านอาจารย์คะ ทำไมพี่สาวถึงไม่โดนแส้หวดบ้างคะ!?” ในที่สุดเฉาเฉียงหยูก็แสดงความไม่พอใจของเธอออกมา

“เพราะเธอจ่ายค่าเล่าเรียนเพิ่มมากขึ้นยังไงล่ะ…” เย่ฉางเงยหน้าขึ้น และคิดในเวลาไม่ถึงวินาทีก่อนที่จะตอบกลับไป เฉาเฉียงหยูรู้สึกแน่นหน้าอก เพราะเธอจ่ายค่าเล่าเรียนเพิ่มมากขึ้น! เธอเป็นดาราซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรวยอยู่แล้ว! เฉาเฉียงหยูทำได้แค่เพียงถอนหายใจออกมา

“อย่างไรก็ตาม อันที่จริงเมื่อเธอพูดถึงมันออกมาแล้ว ในฐานะที่ฉันเป็นอาจารย์ที่ชอบธรรม ฉันจะต้องปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน…” เย่ฉางหันไปทางซูหยี่ยี่ที่กำลังฝึกเดินอยู่บนทะเลสาบอย่างยากลำบาก และปั้นรอยยิ้มที่แสนดีออกมา

หน้าอกของซูหยี่ยี่เหมือนถูกบีบรัด ‘ทำไมเธอต้องลากฉันไปกับเธอด้วย!’ เธอมองไปยังเฉาเฉียงหยูที่กำลังรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย และกัดฟันของเธอแน่น เธอรู้สึกปวดร้าวที่ขาของเธอ และเธอก็ได้สูญเสียการควบคุมพลังของเธอทันที จนเธอตกลงไปในน้ำ

ความไม่พอใจที่อัดอั้นอยู่ในใจของเฉาเฉียงหยูถูกระบายออกมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงกลับไปฝึกซ้อมและทำท่าฟันออกไป ในขณะที่เธอฮัมเพลงออกมาเบาๆ

“อืม ท่านอาจารย์คะ ฉันเป็นดารานะคะ หากมีการแสดงเกิดขึ้น ฉันไม่สามารถขึ้นไปแสดงพร้อมกับรอยฟกช้ำได้นะคะ…” ซูหยี่ยี่พูดอย่างจริงจังเมื่อเธอก้าวเดินออกมาจากน้ำ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของเธอ มันเป็นเรื่องยากในการเรียนรู้ที่จะเต้นรำไปบนผิวน้ำ แถมตอนนี้เธอต้องถูกขัดจังหวะโดยแส้ที่หวดเข้ามาอีก

“มันไม่เป็นไร ฉันเก่งในเรื่องการขจัดรอยฟกช้ำ ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน เธอสามารถถามน้องสาวที่ฝึกซ้อมอยู่ตรงนั้นได้ การบาดเจ็บของเธอได้รับการเยียวยาจากฝีมือของฉันทั้งหมด…” เย่ฉางยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส

เฉาเฉียงหยูพยักหน้า ‘การรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอาจารย์มีความชำนาญมากจริงๆ! แต่มันก็เจ็บมากอีกด้วย!’

ซูหยี่ยี่มองไปที่เฉาเฉียงหยูที่กำลังพยักหน้ารัวๆ ราวกับไก่จิกเมล็ดข้าว ‘ยัยปลาเค็มเอ๊ย!’

หลังจากล้มลงไปในน้ำถึงสองสามครั้ง ซูหยี่ยี่ก็ได้กรีดร้องออกมาในขณะที่เย่ฉางกำลังเยียวยารักษาเธอ เมื่อปากของเธอถูกปิดด้วยมือของเฉาเฉียงหยู เธอก็รู้ได้ทันทีว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นจึงพยักหน้ารัวๆแบบนั้น ‘บ้าเอ๊ย! มันเจ็บเหมือนกับตกนรกเลย! ฉันมาที่นี่เพื่อเรียนรู้การเต้น! ไม่ได้มาเพื่อที่จะได้เจ็บตัวแบบนี้!’

‘ยัยน้องตัวแสบ! ถ้าเธอต้องการเล่นแบบนี้กับฉันล่ะก็ ฉันจะต้องเอาคืนเธอกลับอย่างแน่นอน เวรเอ๊ย!’ ซูหยี่ยี่กัดฟันของเธอแน่น เธอลุกขึ้นยืนและจ้องเขม็งไปที่เฉาเฉียงหยู “อาจารย์ค่ะ ไม่ใช่ว่าอาจารย์ลุงหน้ากากเสือ กำลังคิดถึงน้องสาวตัวน้อยคนนี้อยู่หรอค่ะ…”

“เอาล่ะ งั้นเอาเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน แต่ตอนนี้เฉาเฉียงหยูจะต้องฝึกกับฉันไปก่อน ฉันสังเกตเห็นว่าทักษะและร่างกายของเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยวิธีนี้…” เย่ฉางขบคิดไม่ถึงวินาที ก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างจริงจัง

“นั่นมัน…” เฉาเฉียงหยูเริ่มสั่นสะท้าน ซูหยี่ยี่หัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ ‘ยัยน้องตัวแสบ! นี่คือผลของการที่เธอไปยุ่งเรื่องของคนอื่นยังไงล่ะ!’

เฉาเฉียงหยูกัดเล็บของเธอ และจ้องเขม็งไปที่ซูหยี่ยี่ด้วยความเกลียดชัง ซูหยี่ยี่เคยเป็นดาราที่เธอชื่นชอบ แต่ตอนนี้พวกเธอทั้งสองคนได้กลายเป็นคนแปลกหน้า จนแปรเปลี่ยนไปเป็นศัตรูกันไปแล้ว…

เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไป เกมก็กำลังจะเปิดให้ผู้เล่นเข้าไปเล่นอีกครั้ง ผู้เล่นหลายคนเตรียมความพร้อมด้วยความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับแร็งค์ A , แร็งค์ B และการแข่งขันมือสมัครเล่น ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขา ทุกคนที่รักโลกเสมือนมีความฝัน เพื่อที่จะมีส่วนร่วมในการแข่งขันสงครามคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่, การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลจักรพรรดิดอกเบญจมาศ, การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลแห่งเงา…

เช้าตรู่ วันเปิดเกม

“เพื่อน เกมเปิดวันนี้ตอนเที่ยงนะ ฉันลืมไปแล้วว่าเราทำอะไรก่อนที่มันจะปิด…” จางเจิ้งเฉียงพูดขึ้นมาในขณะที่เขากำลังดื่มซุปมิโซะที่อูนาเป็นคนทำ และกัดกินปลาทอด

“จะอะไรก็ช่างมันเถอะ…” เย่ฉางไม่ได้คิดแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่เขาจะยักไหล่และกินอาหารต่อไป

ส่วนหลินหลี่และเย่เทียนนั้น พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อแย่งเค้กข้าวกันอยู่ ทั้งสองคนเป็นเหมือนไฟและน้ำ อุบายและข้อโต้แย้งของพวกเขาทำให้อูนารู้สึกหมดสิ้นหนทาง…

“พวกเรากำลังจะไปช่วยพี่สาวโรสสืบหาเบาะแสของเควส…” FrozenCloud ตอบ

อูนาถอนหายใจ และรู้สึกปวดใจอยู่เล็กน้อย…

เวลาเที่ยงวัน เมื่อพวกเขากินอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาก็กลับเข้าไปในเกม เย่ฉางลูบขนนกของเจ้าฟ้าน้อย เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้มารวมตัวกันแล้ว เขาจึงโบกเสื้อคลุมเสือโคร่ง และพาพวกเขากลับไปที่เมืองบาลเพื่อไปพบกับ ThornyRose

เย่ฉางมีความตั้งใจที่จะทำอาหารมื้อใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่เข้าเกมในครั้งนี้ ไม่มีใครเลยสักคนที่จะสามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้ เมื่อมองไปที่กระบวนการการทำอาหารแห่งความมืดที่อยู่ต่อหน้าของพวกเขาแล้ว ทำให้ ThornyRose หลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมาทันที พวกเขาเพียงแยกกันอยู่พักหนึ่ง แต่การทำอาหารของเขาก็วิวัฒนาการไปไกลอีกครั้งแล้ว เมื่อเธอเห็นอูนาจ้องมองมา เธอจึงยื่นมือออกไปทักทาย “เธอคืออูนาใช่ไหม!? สวัสดี…”

อูนาไม่ได้จับมือของเธอ หลังจากที่ได้รับการจ้องมองจากอูนา ThonryRose ก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ‘เธอเป็น…’ FrozenCloud และ SpyingBlade ดูกังวลเล็กน้อย ‘นี่จะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีงั้นหรือ?’ ในที่สุดอูนาก็ถอนหายใจออกมา เธอได้กลับไปเป็นเธอคนเดิม คนที่มีรอยยิ้มที่คุ้นเคยและน่ารัก จากนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไป “สวัสดี พี่สาวโรส…”

“โอ้! ฉันได้กลิ่นรักสามเศร้าด้วยแหละ…” ElegantFragrance ลูบคาง และพูดออกมาอย่างเงียบๆ

ที่ด้านข้าง FrozenBlood มองไปที่ ThornyRose และอูนาด้วยความสนใจ “ดูเหมือนว่ากำลังจะมีความสนุกสนานบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วสิ…”