บทที่ 1618 - การปรากฏตัวของผู้อาวุโสตะกูลน่าหลาน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1618 – การปรากฏตัวของผู้อาวุโสตะกูลน่าหลาน

 

ชิงหยินแม้เธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายแต่เธอก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยขณะที่เดินเข้าหาชิงสุ่ย ดวงตาของเธอแดงกล่ำราวกับคนที่กําลังจะร้องไห้ “ท่านพ่อ ข้าทําให้ท่านต้องผิดหวัง”

 

ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาค่อยๆลูบหัวลูกสาวของเขา “เจ้าเด็กโง่ เจ้าทําทุกอย่างได้ดีแล้ว พ่อภูมิใจในตัวลูกทุกคนเสมอ”

 

“แต่ข้าพ่ายแพ้!”แม้ว่าชิงหยินจะไม่สนใจทางโลกแต่เธอก็อยากทําเรื่องดีๆที่เธอพอจะทําให้พ่อของเธอได้

 

ชิงหยินยิ้มขณะเข้าสวมกอดชิงสุ่ย เธอรักพ่อของเธอมากแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่พ่อของเธอคอยพร่ำสอนทุกครั้งทําให้เธอก้าวไปข้างหน้า

 

ชิงสุ่ยไม่เคยแม้แต่จะทุบตีลูกๆของตน เขามักจะใช้คําพูดในการสั่งสอนและคําพูดเหล่านั้นก็ได้เป็นข้อฉุกคิดให้ลูกๆของเขาคิดได้ มันเป็นคําพูดที่สั่งสอนถึงวิธีการใช้ชีวิตมุมมองที่มีต่อโลกใบนี้และสั่งสอนให้ทุกคนสามารถปรับตัวเข้ากับโลกใบนี้ได้

 

“เจ้าเด็กน้อย เจ้ายิ้มอะไรหรือ? มาเถอะเข้ามาหาพ่อ” เมื่อชิงสุ่ยสังเกตเห็นรอยยิ้มลูกสาวอยู่คนนึงของเขาชิงอวี้ รอยยิ้มของเธอทําให้ชิงสุ่ยมองเห็นภาพของลิ่วลี่ ทั้งรูปร่างและหน้าตารวมถึงบุคลิกทุกอย่างช่างคล้ายคลึงกับผู้เป็นแม่

 

“ท่านพ่อดูนั้นสิ นั่นคือตระกูลป๊ายหม่า หญิงสาวผู้นั้นคือแม่นางน้อยตระกูลป๊ายหม่า ลูกชายของท่านพ่อหมายปองต้องชะตากับแม่นางท่านนั้น” ชิงอวี้ยิ้ม

 

ช่วยไม่ได้ที่ชิงสุ่ยจะต้องมองตามสิ่งที่ลูกสาวของเธอชี้ไป เบื้องหน้าเขามองเห็นหญิงสาวจากตระกูลป๊ายหม่า ผิวพรรณของเธอนั้นเปรียบเสมือนหิมะขาว และดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กคนอื่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความชัดเจนและสงบนิ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ชิงหมินจะลงมือปกป้องและสร้างความบาดหมางกับตระกูลน่าหลาน

 

เมื่อมาถึงตอนนี้ การต่อสู้บนลานประลองก็กําลังจะเริ่มขึ้น แต่แล้วทุกอย่างก็จบลงในเสี้ยววินาที หลวนหลวนปล่อยหมัดโจมตีน่าหลานชือจนปลิวออกจากลานประลองด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น

 

ชิงสุ่ยไม่แสดงความประหลาดใจออกมาแม้แต่น้อยเพราะเขารู้ดีว่าความสามารถของหลวนหลวนไม่ใช่อะไรที่คนรุ่นเดียวกันจะต่อก่อนได้ จากนั้นฝั่งตระกูลน่าหลานก็ยังคงส่งลูกหลานรุ่นเยาว์ขึ้นมาบนลานประลองต่อเนื่องถึง 3 คนแต่ก็ไม่มีใครต้านทานกระบวนท่าหลวนหลวนได้เกิน 3 กระบวนท่าเลย

 

เมื่อผ่านไปไม่นานก็ไม่มีใครจากตระกูลน่าหลานก็ขึ้นมาแบกรับความอัปยศอีกต่อไป เหล่าผู้อาวุโสตระกูลน่าหลานสามารถบอกได้ทันทีว่าเด็กสาวจากตระกูลชิงคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชน และเธอก็มีพลังในระดับที่คนรุ่นเดียวกันไม่มีทางต้านทานไหว

 

ตระกูลน่าหลานไม่อาจยอมรับผลการประลองครั้งนี้ได้ พวกเขารู้ดีว่าหญิงสาวจากตระกูลชิงคนนี้จะต้องเป็นตัวแทนรุ่นเยาว์คนสุดท้าย ซึ่งคนสุดท้ายที่ตระกูลน่าหลานได้เตรียมการเอาไว้เพื่อรองรับสถานการณ์นี้ ชายคนนั้นคือน้องคนสุดท้องของหัวหน้าตระกูล เขาคือชายอายุใกล้ 70 ปี แม้ว่าจะยังดูเด็กแต่ก็แข็งแกร่งอย่างมาก

 

เมื่อชายคนนั้นขึ้นไปบนเวทีประลองผู้คนมากมายถึงกับอ้าปากค้างเพราะว่าทุกคนต่างรู้จักน่าหลาน เฉิงหมิง เขาไม่ใช่คนรุ่นเยาว์แม้จะมีใบหน้าที่ดูเยาว์วัยก็ตาม

 

“ตระกูลน่าหลานเป็นพวกไร้ยางอายจริงๆ พวกมันกล้าส่งคนที่อยู่ในรุ่นผู้อาวุโสมาแข่งขันในกับเด็กรุ่นเยาว์ได้อย่างไร ถ้าหากไม่อยากอับอายขายหน้าก็ไม่ควรเข้าประลองตั้งแต่แรก”

 

“ข้าเองก็เคยเห็นคนที่ไร้ยางอายมาก่อนแต่ข้าไม่เคยเห็นตระกูลใดไร้ยางอายเท่าตระกูลนี้”

 

ในขณะที่ผู้คนกําลังพูดคุยถกเถียงกัน

 

“ข้าน่าหลาน เฉิงหมิง ขอมีส่วนร่วมกับการประลองนี้ได้หรือไม่?”น่าหลาน เฉิงหมิงยิ้มขณะกล่าวกับหลวนหลวน

 

หลวนหลวนจ้องมองน่าหลาน เฉิงหมิง ” ตระกูลน่าหลานไม่มีรุ่นเยาว์หลงเหลืออยู่อีกแล้วหรือ พวกเขาถึงไม่ละอายใจส่งเจ้าขึ้นมา”

 

หลวนหลวนในตอนเด็กเป็นดั่งปิศาจ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเธอจะต้องไม่พ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น

 

“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่รุ่นเยาว์ของตระกูลน่าหลาน แต่อายุของข้าก็ไม่ได้มากมายเลยเมื่อเทียบกับพวกเจ้า ถ้าหากอยู่ในโลกภายนอกที่มีผู้คนอายุนับพันปี ข้าก็ยังถือว่าเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเจ้า”น่าหลาน เฉิงหมิงไม่ได้โกรธเคือง และพูดจาด้วยท่าทางปกติ

 

“จริงๆแล้วข้าเองก็ไม่ได้อยากสู้กับพวกเด็กรุ่นเดียวกับข้านักหรอก เพราะเด็กรุ่นเยาว์ของตระกูลเจ้ามันอ่อนแอเกินไป “สิ่งที่หลวนหลวนกล่าวออกมาเหมือนกับการตบหน้าน่าหลาน เฉิงหมิงให้พูดไม่ออก

 

“ถ้าหากเจ้าอยากจะสู้ ข้าก็จะให้เจ้าสู้ และสุดท้ายมันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเจ้า ตระกูลน่าหลานจะได้จมอยู่กับความอับอายอย่างสมบูรณ์” หลวนหลวนยังคงกล่าวกดดันน่าหลาน เฉิงหมิง

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตระกูลน่าหลานจะพ่ายแพ้ ตลกสิ้นดี เจ้ากําลังจะบอกว่าเด็กรุ่นเยาว์อย่างเจ้ามีความแข็งแกร่งมากแข็งนั้นเลยหรือ?”

 

“เอาเถอะ ถ้าหากผู้อาวุโสอย่างเจ้าพ่ายแพ้อีก ตระกูลของพวกเจ้าก็คงไม่จําเป็นต้องสืบทอดเชื้อสายกันอีกต่อไปแล้ว เพราะว่ายังไงซะอนาคตของตระกูลน่าหลานคงจะจมหายไปกับเจ้า”

 

น่าหลาน เฉิงหมิงโกรธมาก แต่เขาก็ยังคงแสดงทีท่าจะเย็น ”เริ่มสู้กันดีกว่า”

 

หลวนหลวนยิ้มอย่างใจเย็นก่อนที่จะปรากฏเหรียญบางอย่างขึ้นในมือ จากนั้นมันก็เริ่มกระจายตัวจะมีลักษณะคล้ายกับกระบี่ สิ่งนี้ทําให้ชิงสุ่ยนึกย้อนกลับไปและจดจําได้ว่านี่คือเหรียญกระษาปณ์มิติราชันอสูรที่เขาเคยมอบให้เธอเมื่อในอดีต ชิงสุ่ยไม่คาดคิดเลยว่ามันจะกลายเป็นศาสตราวุธประจําตัวของหลวนหลวน

 

น่าหลาน เฉิงหมิงเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกันเขาถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ช่างน่าเสียดายที่เขาต้องมาเผชิญหน้ากับหลวนหลวน และหลวนหลวนเองก็ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เธอจึงเรียกสัตว์อสูรจํานวนมากของเธอให้ออกมาปรากฏกาย

 

หนูทะลายปฐพี วัวหิมะเกราะเทวะ กวางวิญญาณ หมีศิลาเกราะอัคคีสวรรค์ และสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมายก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมๆกัน พวกมันพุ่งเข้าหาน่าหลาน เฉิงหมิงตามคําบัญชาของหลวนหลวน ผู้คนมองดูด้วยความแตกตื่น เพราะนอกจากหลวนหลวนจะเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งแล้วเธอยังเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ทรงพลังอีกด้วย

 

อสูรแต่ละตัวของหลวนหลวนล้วนมีพลังมหาศาล หลังจากผ่านการฝึกฝนมาเป็นแรมปีสัตว์อสูรเหล่านี้ก็เติบโตขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์และยังได้รับพลังเพิ่มเติมจากยาเม็ดจํานวนมาก อย่างไรก็ตามหลวนหลวนก็ไม่ได้เรียกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอออกมา เพราะเธอคิดว่าน่าหลาน เฉิงหมิงไม่คู่ควรแม้แต่ปลายเล็บของมัน

 

เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งถ้วยชา น่าหลาน เฉิงหมิงก็พ่ายแพ้โดยที่ไม่ได้ทําอะไรเลย นี่คือความอับอายขายขี้หน้าของตระกูลน่าหลานอย่างแท้จริง

 

“เจ้าเด็กน้อย เจ้าทําได้ดีมาก ลงมาเถิด ถ้าหากตาแก่หน้าโง่จากตระกูลน่าหลานต้องการจะทะเลาะเบาะแว้งกับพวกเราอีก เดี๋ยวข้าจะเป็นคนโต้เถียงกับพวกเขาเอง”ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆแต่ก็ดังมากพอที่จะทําให้ทุกคนได้ยิน

 

หลวนหลวนได้ยินคําพูดของชิงสุ่ย เธอมีความสุขอย่างมากตอนนี้เธอมีอายุย่างใกล้ 30 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังคงเหมือนเด็กที่เคยตามติดชิงสุ่ยไม่เปลี่ยนแปลง เธอเดินเข้าไปหาชิงสุ่ยและจะเรียกเขาว่า “ท่านพ่อ!!”

 

ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของหลวนหลวน เนื่องจากเธอได้รับรู้เรื่องความสัมพันธ์สายเลือดพ่อแม่ของเธอ แต่ชิงสุ่ยก็ยังคงรักเธอเหมือนลูก และในใจของเธอก็ยังมั่นคงและยืนยันว่าชิงสุ่ยจะเป็นพ่อของเธอตลอดไป

 

ชิงสุ่ยค่อยๆลูบหัวหลวนหลวนราวกับเป็นกระต่ายน้อย ในขณะที่หลวนหลวนก็ยิ้มอย่างมีความสุข “ข้าคิดถึงวันคืนก่อนก่อนที่ท่านพ่อพาข้าออกไปตะลุยโลกกว้าง คอยอุ้มข้า และคอยเล่นกับข้าอยู่ตลอด”

 

“ตอนนี้เจ้าก็เติบใหญ่แล้ว เราจะเล่นสนุกเหมือนแต่ก่อนได้อย่างไร”

 

“ไม่นะ ข้ายังเป็นเด็กเสมอ!”

 

ในขณะนั้นชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางเวทีประลอง เสียงคําพูดของเขาดังสะท้านไปทั่วพื้นที่ “ทุกคนก็รู้ดีว่าตระกูลน่าหลานและตระกูลป๊ายหม่ากําลังจะเกี่ยวดองกัน แต่ใครบางคนจากตระกูลชิงบังอาจเข้าไปก่อกวนคู่หมั้นของตระกูลน่าหลาน อีกทั้งยังทุบตีคนของตระกูลข้า ถ้าหากตระกูลน่าหลานปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป ผู้คนคงจะมองเห็นตระกูลน่าหลานเป็นตัวตลก แม้ว่ารุ่นเยาว์ตระกูลชิงจะเก่งกาจ แต่พวกเขาก็ไม่ควรกลั่นแกล้งผู้อื่น

 

คําพูดของผู้อาวุโสคนนั้นไม่ใช่คําพูดใส่ร้ายตระกูลชิง สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผล เขารู้ดีว่าตระกูลชิงจะไม่กล้าโต้เถียงใดๆ เพราะมันคือสิ่งที่ชิงหยืนกระทํา

 

“ผู้คนไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความเลวทรามต่ำช้า แต่ผลประโยชน์มันทําให้ผู้คนเปลี่ยนไป เจ้าควรจะขอบคุณเด็กๆที่ช่วยเหลือสั่งสอนกันเอง ความพ่ายแพ้ของพวกเจ้าจะทําให้พวกเจ้าพัฒนาตนเองได้ และนี่ก็เป็นเรื่องที่เด็กๆก่อเรื่องกัน เจ้าควรจะปล่อยให้พวกเขาจัดการ ไม่ใช่คอยเอาผู้ใหญ่มายุ่งเกี่ยว เจ้าเองก็แก่แล้ว คิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะดูแลเด็กๆเหล่านี้ไปได้ตลอดกาล? และหากเจ้ามีเวลามากนัก ก็จงเอาเวลาที่เหลือไปสั่งสอนบุตรหลานของพวกเจ้า ไม่ใช่คอยแต่ให้ใส่ร้ายผู้อื่น คอยไปเอาอํานาจข่มเหง และหลบอยู่ด้านหลังคนที่แข็งแกร่ง” ชิงสุ่ยกล่าวสั่นๆ

 

ใบหน้าของชายชราแสดงความอับอายออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะกลับมาสงบนิ่ง “ข้าขอท้าทายตระกูลชิง ถ้าหากใครก็ตามจากตระกูลชิงสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะเป็นคนขอโทษและยอมรับความผิดพลาดทั้งหมดเอง แต่ถ้าหากตระกูลชิงพ่ายแพ้ ข้าก็หวังว่าตระกูลชิงจะยอมกล่าวขอโทษเช่นกัน”

 

ชิงสุ่ยรับรู้ถึงความสามารถของผู้อาวุโสคนนี้ เขาไม่ใช่คนที่อ่อนแอ เพราะถ้าหากเขาอ่อนแอ มันยังไม่มีทางที่จะทําให้กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรําล่มสลายได้ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องง่ายมากสําหรับชิงสุ่ยที่จะเอาชนะชายชราคนนี้ เพราะชายชราคนนี้ยังคงห่างไกลจากระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นปลาย

 

“ข้าให้สัญญากับเจ้า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะเป็นผู้แพ้ผู้ชนะ ผู้นั้นจะต้องยอมรับเงื่อนไขที่ผู้ชนะตั้งขึ้น “ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว

 

“เงื่อนไขที่ผู้ชนะตั้งขึ้น?” ชายชรายิ้มขณะกล่าวถาม