ตอนที่ 1700 การตัดสินใจของไคลี

Monster Paradise

ตอนที่ 1700 การตัดสินใจของไคลี

 

หลังวางสายหลิวฟู หลินฮวงก็ตรวจสอบสถานะปัจจุบันของเขาทันที

 

“สมาชิก : หลินฮวง”

 

“เพศ : ชาย

 

“ระดับอานาจ : S

 

“ผลการประเมินคุณสมบัติ : S+”

 

“ระดับพลัง : จ้าวเทวะขั้นต่ํา”

 

“องค์กรในเครือ : ขัตติยะ(สองดาว) ลี้ลับ(สองดาว)”

 

“หมายเหตุ : เขาฆ่ากิ่งจ้าวเทวะขั้นสูงสุดของไรเดอร์ เก้าอสรพิษได้ด้วยพลังจ้าวเทวะขั้นต่ํา”

 

ตามคาด หน้าข้อมูลส่วนตัวของเขาเลื่อนเป็นระดับSแล้ว

 

เขามองเนื้อหาของสถานะอํานาจระดับS เขาพบว่ามันเป็นจริงอย่างที่หลิวฟูพูด สมาชิกระดับSแทบถือเป็นลูกชายแท้ๆของราชันย์

 

ก่อนอื่น สมาชิกระดับรสามารถแลกของทุกชนิดในราชันย์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม

 

มันไม่เพียงจะใช้ได้กับในราชันย์ แต่ยังใช้ได้กับองค์กรในเครือทั้งหมดของราชันย์ ตราบเท่าที่มันลงทะเบียนภายใต้ราชันย์ เขาจะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม

 

ส่าหรับหลินฮวง นี่เป็นเวลาอันเหมาะเจาะที่จะใช้อ่านาจใหม่นี้

 

เขาสามารถฉวยโอกาสจดรายชื่อของบนการประมูล อํานาจระดับริจะช่วยเขาประหยัดค่าธรรมเนียม

 

แถม นี่ยังเป็นแค่ผลประโยชน์เล็กน้อยจากสิทธิประโยชน์จํานวนมาก

 

ในบรรดาทั้งหมด หลินฮวงคิดว่าสิทธิประโยชน์ที่ใช้งานจริงได้สุดคืออันที่จะมอบการเข้าถึงเขตทดสอบทั้งหมด

 

เขาอดจะเทียบกับคําอธิบายสถานะครั้งก่อนไม่ได้

 

“สมาชิกระดับS : เข้าถึงเขตทดสอบระดับ0-3 ใดก็ได้ เข้าถึงเขตทดสอบระดับ4ได้30แห่ง เขตทดสอบระดับ5ได้10แห่ง และเขตทดสอบมหาพิภพ10แห่ง”

 

“สมาชิกระดับS : เข้าถึงเขตทดสอบใดก็ได้ไม่จํากัด(พื้นที่ต้องห้ามจํานวนหนึ่งไม่รวมอยู่ในข้อนี้)”

 

ต้องรู้ว่าเขตทดสอบคือมิติบรรพกาลหรือไม่ก็เขตลับ ในความเป็นจริง มันเทียบเท่ากับดันเจี้ยนแห่งหนึ่ง

 

มันหมายความว่าหลินฮวงมีดันเจี้ยนนับไม่ถ้วนให้เข้า ทรัพยากรที่เขาสามารถได้รับจะไม่ถูกจํากัดแค่มหาพิภพที่เขาอาศัย

 

แม้กระทั่งสถานะอานาจสําหรับสมาชิกขององค์กรในเครือเขาก็ยังเพิ่มขึ้น

 

“สมาชิกระดับA : เข้าถึงเขตทดสอบระดับ0ใดก็ได้ เขตทดสอบระดับ1ได้80แห่ง เขตทดสอบระดับ2ได้20แห่ง เขตทดสอบระดับ3ได้10แห่ง เขตทดสอบระดับ4ได้3แห่ง เขตทดสอบระดับ5ได้1แห่งและเขตทดสอบมหาพิภพได้อีก1แห่ง”

 

“สมาชิกระดับS: เข้าถึงเขตทดสอบระดับใดก็ได้ รวมถึงเขตทดสอบมหาพิภพกับเขตทดสอบสาธารณะในจักรวาล”

 

ในทางทฤษฎี การดูแลที่ราชันย์ให้สมาชิกระดับรนั้นมากพอจะบ่มเพาะจ้าวเทวะได้เป็นจํานวนมากเลย

 

หลินฮวงคิดและลงทะเบียนพันธมิตรดาบเป็นองค์กรในเครือภายใต้เขา

 

ด้วยความที่ดาบหนึ่งกับคนอื่นคือเทพสวรรค์ เขาจึงลงทะเบียนพันธมิตรดาบเป็นองค์กรระดับ4

 

หลังผ่านการประเมินของราชันย์ เขาสามารถส่งใครก็ตามจากพันธมิตรดาบเข้าไปยังเขตทดสอบได้

 

หลินฮวงเหลือบมองสิทธิประโยชน์ ไม่ช้า เขาก็เห็นอันที่เขาสนใจสิทธิ์ตั้งผู้คุ้มกัน

 

สมาชิกระดับรสามารถตั้งผู้คุ้มกันได้สิบคน ทันทีที่ตั้งเสร็จ ผู้คุ้มกันทั้งหมดของเขาจะมีสถานะสมาชิกระดับAทันที พวกเขาจะเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์สมาชิกระดับAที่ราชันย์มอบให้

 

สมาชิกระดับSสามารถเพิ่ม เปลี่ยนหรือถอนผู้คุ้มกันได้ตามใจชอบ

 

พอเห็นสิทธิประโยชน์ หลินฮวงก็คิดถึงเจ้าแดงกับไคลี่ก่อน

ทั้งคู่จะครอบครองตัวตนระดับAถ้าเป็นผู้คุ้มกัน เขาสามารถขยายไปจนให้เผ่าเนฟิลิกมาเป็นองค์กรภายใต้เขาได้

 

เขาจมอยู่กับความคิดนี้เพียงวินาทีเดียว ก่อนจะบอกความคิดนี้และข้อมูลเกี่ยวกับราชันย์ให้เจ้าแดงกับไคลี่รู้ผ่านกระแสจิต

 

ต่อมา เขาก็ดําเนินการตรวจสอบสิทธิพิเศษที่เหลือ

 

“การอุดหนุนด้านทรัพยากร”ไม่ช้าหลินฮวงก็เห็นสิทธิพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

“สมาชิกระดับรสามารถขอรับทรัพยากรอุดหนุนประจําปีได้ พวกเขาสามารถเลือกทรัพยากรอุดหนุนที่มีค่าเทียบเท่ากับอาวุธเต่ขั้นสูงสุดได้”

 

“สิทธิพิเศษนี้สามารถสะสมและเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องอ้างสิทธิ์เป็นเวลาหลายปี มูลค่าของมันจะสะสมไปเรื่อยๆ”

 

“นี่หมายความว่าถ้ามีใครละทิ้งมันและไม่เรียกร้องเป็นเวลาหลายหมื่นปี พวกเขาจะขอรับเงินอุดหนุนที่เทียบเท่ากับอาวุธเต่ขั้นสูงสุดได้หมื่นชิ้นเนี่ยนะ!”หลินฮวงเบิกตากว้าง

 

ต้องบอกว่าราชันย์นั้นใจกว้างจริงๆ

 

ผลประโยชน์ประจําปีของสมาชิกระดับSเทียบได้กับอาวุธเต่ขั้นสูงสุด

 

แถมมันยังสะสมได้ด้วย

 

แต่ทว่า ตอนเขาคิดอย่างรอบคอบ หลินฮวงก็คิดว่ารางวัลเช่นนี้คงไม่มีผลกับสมาชิกระดับรคนอื่น

 

เหตุผลก็อย่างที่หลิวฟูพูดไว้ สมาชิกระดับรส่วนใหญ่ในราชันย์อยู่ที่ระดับเต่า

มีน้อยคนที่ต่ํากว่าระดับเต่

 

อาวุธเดําขั้นสูงสุดจะดูมีค่ามากจากมุมมองจ้าวเทวะขั้นต่ํา

 

แต่ทว่า สําหรับยอดฝีมือระดับเต่า อาวุธเต่ขั้นสูงสุดไม่มีประโยชน์สําหรับพวกเขาเลย

 

ตอนเขาคิดถึงจุดนี้ หลินฮวงก็เข้าใจทันที่ว่าทําไมราชันย์ถึงกําหนดให้เงินอุดหนุนสะสมได้ตลอด

 

สาหรับหลินฮวง การสะสมนี้ก็ไม่มีความหมายเช่นกัน

 

เขาใช้เวลาบ่มเพาะมาแค่ไม่กี่ปีเอง ไม่ต้องสนใจเวลาหมื่นปี เขายังไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเขาจะไปถึงระดับไหนหลังบ่มเพาะต่อจากนี้ไปอีกร้อยปี

 

โดยธรรมชาติ เขาจะเลือกรับมันทุกปีแน่

 

นอกจากทรัพยากรอุดหนุน ยังมีอีกรางวัลที่ทําให้หลินฮวงมีความสุข

 

รางวัลที่เขาได้รับจากการเลื่อนเป็นระดับรคือของระดับเต๋

 

พอหลินฮวงกําลังคิดว่าเขาควรเลือกของระดับเต่ชิ้นใดเป็นรางวัล ไคลี่กับเจ้าแดงก็ดูเหมือนจะได้ข้อสรุป และตอบกลับ

 

“เราตัดสินใจจะรับสิทธิ์เป็นผู้คุ้มกัน”

 

ไคลี่ส่งคลื่นเสียงต่อ

 

“ข้าตัดสินใจเช่นนี้ได้หลังคิดอยู่นาน ตอนแรก ข้ากังวลว่าข้าจะไม่อาจตัดสินใจแทนเผ่าเนฟิลิกได้ตามใจชอบ เหตุผลเพราะพวกเขาอาจไม่เต็มใจขึ้นตรงต่อราชันย์ แต่ทว่า สิ่งที่เจ้าแดงพูดก็สมเหตุสมผล ข้าเองก็เป็นหนึ่งในเผ่าเนฟิลิก ข้าสามารถลองเปลี่ยนชะตากรรมของเผ่าเนฟิลิกได้”

 

“นี่คือเผ่าเนฟิลิกเดียวในมหาพิภพแห่งนี้ มันมีคนเหลือแค่หลักร้อย และอัตราการเกิดก็ต่ํามาก แม้มันจะเป็นองค์กรชั้นนําระดับหกที่ดูยิ่งใหญ่จากภายนอก แต่จริงๆแล้วพวกเขาแทบหลุดจากตําแหน่งแล้ว”

 

“บางทีการหาผู้หนุนหลังให้พวกเขาคงเป็นทางเลือกที่ดีสุดที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของทั้งเผ่า แม้มันจะฟังดูเหมือนการพึ่งพาราชันย์และกลายเป็นองค์กรในเครือ แต่มหาพิภพแห่งนี้ก็เป็นอาณาเขตของราชันย์อยู่แล้ว องค์กรระดับ/ทุกแห่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของราชันย์ มันจึงไม่ต่างมากสําหรับเราที่จะกลายเป็นองค์กรในเครี

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ทรัพยากรอุดหนุนที่ราชันย์ให้จะช่วยให้เผ่าเนฟิลิกพ้นสถานการณ์ปัจจุบันไปได้..“

 

หลินฮวงคิดเกี่ยวกับมันและตอบไคลี่

 

“เจ้าอยากให้เผ่าเนฟิลิกเป็นองค์กรภายใต้เจ้าเมื่อเจ้าได้รับสถานะผู้คุ้มกันไหม?พวกเจ้าสามารถตัดสินใจเองได้ หากเจ้าแน่ใจว่าต้องการ ข้าจะมอบอํานาจบริหารเต็มที่ให้เจ้ากับเจ้าแดงในอนาคต ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง”