ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 414 ร่วมห้อง
ห้องพักแบบpresidential suiteภายในไม่ได้มีเพียงห้องเดียว เป็นห้องพักแบบครอบคลุมที่มีความหรูหรา ข้างในไม่ได้มีเพียงห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ ห้องนอนเป็นต้น ยังมีสระว่ายน้ำกับฟิตเนสอีกด้วย
ดังนั้น คำพูดของเส้นหมี่ จึงเป็นเหมือนคำพูดที่ไร้สาระสิ้นดี
เส้นหมี่จึงหาห้องพักแล้วเดินเข้าไป ถอดรองเท้าส้นสูงทิ้ง ถอดชุดสูทที่แสนอึดอัดนั้นออก เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง
รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ
“ท่านประธานครับ เมื่อสักครู่ทางผู้จัดงานประชุมได้โทรมา บอกว่างานเลี้ยงจะเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม พวกเราจะไปกันตอนไหนดีครับ”
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“ตอนหกโมงครึ่งแล้วครับ”
เอชเจที่พึ่งจะเข้ามา มองดูนาฬิกาข้อมือ
งานสัมมนาจัดงานเลี้ยงรับรองด้วย เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกปี ข้อหนึ่งเพื่อปลอบประโลมและต้อนรับเหล่านักธุรกิจทั้งหลายจากไกลโพ้น
ข้อสอง เพื่อสร้างโอกาสให้ทุกท่านได้พบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิด
แสนรักเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด
แล้วออกมาอีกครั้ง เขาใส่นาฬิกาข้อมือพร้อมกับหันไปมองที่ห้องนอนด้านซ้ายที่ปิดประตูอยู่ “ไปสิ เรียกเธอออกมา”
ห๋า?
เอชเจนิ่งไปสักพัก
งานเลี้ยงคืนนี้ ยังจะพาผู้หญิงคนนี้ไปด้วยงั้นเหรอ นั้นเป็นสถานที่ที่นักธุรกิจระดับใหญ่มารวมตัวกัน เป็นอีกโลกหนึ่งที่ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพบเจอ จะไม่สร้างปัญหาหรือ?
เอชเจไม่ยอมอย่างร้องเปอร์เซ็นต์
แต่ว่า เป็นคำสั่งของท่านประธาน เขาก็ไม่กล้าขัด
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“ใคร”
“คุณเส้นหมี่ ท่านประธานให้มาถามว่า คุณจะไปร่วมงานเลี้ยงด้วยหรือเปล่า”เอชเจอธิบายอยู่หน้าประตูอย่างใจเย็น
งานเลี้ยง?
เส้นหมี่อยู่ในห้องกำลังอ่านสมุดจดบันทึกเล่มนั้นอยู่ จึงสวมรองเท้าแตะแล้วเปิดประตูออกมา
“ฉันไม่ไปได้ไหม ฉันอยากอ่านสิ่งที่ฉันจดมา”
หญิงสาวยืนอยู่หน้าประตู ผมทรงดังโงะ ชุดลำลอง ใบหน้าเรียวสวยสะอาดหมดจด และยังสวมแว่นตาอันเบ้อเร่อ ไม่รู้ว่าเธอไปเอามาตั้งแต่เมื่อไร่กัน
ตอนนี้เอชเจรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้ ช่างไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
“ไม่ไปก็ไม่ไป เอชเจพวกเราไปกันเถอะ”แสนรักยอมตกลงซะงั้น เขาตัดบทเอชเจ หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะน้ำชา แล้วเดินไปที่หน้าประตู
เอชเจดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงรีบตามไป
เมื่อทั้งสองออกไป ห้องพักสุดหรูก็เงียบสงบลง
เส้นหมี่กลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเพื่ออ่านสมุดจดต่อ สิ่งนี้ ดีกว่างานเลี้ยงเป็นไหนๆ นี่คือสิ่งที่เธอต้องการอย่างยิ่ง
เส้นหมี่อ่านอย่างตั้งใจ
แต่ยังอ่านไม่ถึงไหน ไม่นาน ก็มีคนโทรเข้ามา
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ”
“เนตรดาว คุณมาที่นี่หน่อยได้ไหม ผมมีอะไรจะคุยด้วย”
คณาธิป เป็นเขาที่โทรมา
ใบหน้าเรียวสวยของเส้นหมี่กำลังจดจ่ออยู่กับสมุดจด จึงหงุดหงิดขึ้นมา “ไม่ได้ ฉันกำลังยุ่งอยู่ ไม่มีเวลาลงไป”
เธอรีบปฏิเสธเขาทันทีอย่างไม่ต้องคิดก่อน
แต่เมื่อชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น จึงรีบพูดต่อ “งั้นผมจะรอคุณ ไม่ว่าคุณจะมาเมื่อไร่ ผมก็จะรออยู่ด้านล่างนี้”
“คุณ——“
เส้นหมี่รู้สึกเริ่มโมโหขึ้นมา
คนคนนี้เป็นอะไรของเขากันนะ จะไล่ต้อนให้ตายหรือไงกัน หรือสิ่งที่เธอเคยพูดกับเขานั้น เขาลืมไปหมดแล้วเหรอ
เส้นหมี่จึงยอมวางปากกาในมือลง ตั้งใจคุยโทรศัพท์ “คุณคณาธิป คุณต้องการอะไร ฉันก็บอกกับคุณไปแล้ว ว่าพวกเราอย่ามาเจอกันอีก คุณลืมไปแล้วเหรอ”
“เปล่า แต่ผมมาคิดดูแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมพวกเราจะเจอกันอีกไม่ได้ ถ้าเป็นเพียงเพราะผมโกหกคุณ คุณลงโทษประหารแก่ผม สำหรับผมมันไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไร่ว่าไหม”
“คุณพูดอะไร”เส้นหมี่โมโหควันออกหู “ยุติธรรม? คุณพูดคำว่ายุติธรรมกับฉันงั้นเหรอ”
คณาธิปพยักหน้า “ใช่ ผมโกหกคุณก็จริง แต่ผมไม่เคยทำร้ายคุณ ทุกเรื่องที่ผมทำ ก็เพื่อช่วยเหลือคุณ เพื่อดูแลคุณ แล้วแสนรักล่ะ ตั้งแต่แรกเริ่มเขาก็ทำแบบนั้นกับคุณ เขาเอาความจริงใจของคุณมาย่ำยี ละเลยคุณอย่างนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่คุณกลับใจกว้างกับเขาแบบไม่มีสิ้นสุด มันยุติธรรมแล้วเหรอ”
เขากำลังยิงคำถามใส่ระรัวผ่านทางโทรศัพท์
สีหน้าของเส้นหมี่เปลี่ยนไป
พูดตามความจริง เธอไม่ชอบให้คุณอื่นมายุ่งเรื่องส่วนตัว เธอกับแสนรักจะเป็นยังไง นั่นมันก็เรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น
แต่คนที่โทรมานี้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
“คณาธิป คุณคิดผิดแล้วล่ะ แสนรักสำหรับฉัน คือคนในครอบครัว เป็นพ่อของลูกฉัน แต่คุณ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย คุณเข้าใจหรือยัง”
เส้นหมี่พูดออกไปตรงๆ และไม่ได้สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
เสียงในโทรศัพท์เงียบไป
เหมือนกับกดปุ่มลบทิ้ง ตอนนี้ นอกจากเสียงของแบตเตอรี่ที่ยังไหลเวียน ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
ทำไมต้องทำให้เป็นแบบนี้?
เส้นหมี่กำลังจะวางหูไป
“ครับ ถ้าคุณพูดถึงขนาดนั้น งั้นผมก็จะคืนของของแม่คุณให้กับคุณ นับตั้งนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่มาเจอคุณอีก”
ทันใด มีเสียงส่งผ่านมาจากโทรศัพท์ แต่ครั้งนี้ มีสองคำที่โผล่ออกมา ที่ทำให้เส้นหมี่ใจเต้นใจอย่างรุนแรง
แม่ของเธอ
เขาหมายความว่าอย่างไร?!!
เธอยื้อสายโทรศัพท์เอาไว้ แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรน “คุณหมายความว่าอย่างไร อยู่ดีๆทำไมถึงได้พูดถึงคุณแม่ของฉัน แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณแม่ด้วย”
คณาธิปยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เพราะว่าผมเป็นลูกของชายของเนติเด็กกำพร้าที่คุณแม่คุณรับเลี้ยงมาเป็นสิบสิบปี!”