ฉินซินหยิ่งจ้องมองถังเจิ้นหวาด้วยสายตางุนงง ครู่ใหญ่กว่าเธอจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่า “แต่คุณปู่คะ ผู้หญิงคนนั้นไปเดินพรมแดงในงานโรงเรียน สวมชุดของซีซี ที่ซีซีน่าจะมอบเป็นของขวัญให้เฉียวเหลียง ทำไมเฉียวเหลียงถึงทำอย่างนี้…”

 

 

แม้จะไม่มีสื่อมวลชนใดๆ ในระหว่างงานแสดงของโรงเรียนเลยก็ตาม แต่ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปในสื่อออนไลน์ประเภทบล็อกต่างๆ ว่าเซียวโหรวซึ่งสวมชุดราตรีสีแดง ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้พบเห็นทุกคน ด้วยความงามอันน่าตื่นตะลึง และได้รับการชื่นชมยกย่องให้เป็นดาวแห่งการเดินพรมแดงที่งดงามที่สุด ฉินซินหยิ่งได้เห็นภาพถ่ายเหล่านั้น จำได้ว่าชุดนั้นคือชุดแดงที่ถังซีออกแบบ แม้จะจำไม่ได้ทุกรายละเอียด แต่เธอมั่นใจว่าเคยเห็นภาพสเก็ตช์ของชุดนั้นในสมุดออกแบบของถังซี! ถ้าถังซีไม่ได้เป็นผู้ตัดเย็บชุดนั้น ก็ต้องเป็นเฉียวเหลียงที่สั่งให้ตัดตามแบบที่ถังซีวาดไว้!

 

 

แต่นังเด็กบ้านนอกกลับเป็นคนได้สวมใส่ชุดนั้น!

 

 

“พอได้แล้ว” ถังเจิ้นหวาขมวดคิ้วมองฉินซินหยิ่ง “เมื่อซีซีมอบชุดนั้นให้เฉียวเหลียงไปแล้ว ก็เป็นสิทธิ์ของเขา จะเอาไปให้ใครก็เรื่องของเขา ฉันไม่อยากได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้อีก รวมทั้งเรื่องของถังซีด้วย!”

 

 

ฉินซินหยิ่งมองดูถังเจิ้นหวาด้วยความพิศวง เธอใช้เวลาข่มความรู้สึกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยเงยหน้าขึ้นมองถังเจิ้นหวาด้วยรอยยิ้ม “หนูแค่เป็นห่วงซีซี ก็เลยขาดสติไป ต้องกราบขอโทษคุณปู่ค่ะ ที่ทำตัวไม่เหมาะสม”

 

 

ถังเจิ้นหวาพิจารณาดูฉินซินหยิ่งซึ่งกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ ก่อนยิ้มให้และกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เธอกลับไปเถอะ หรือถ้ายังอยากจะคุยกับเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดของซีซี เธอก็รออยู่ที่นี่ แต่ฉันจะกลับก่อนละ”

 

 

จบประโยคท่านก็ปิดประตูรถโดยไม่เหลียวกลับมามองอีก ฉินซินหยิ่งนึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญที่ตั้งใจมาพบคุณปู่ จึงรีบเคาะหน้าต่างกระจกรถ ถังเจิ้นหวาลดกระจกลง มองเธออยู่เงียบๆ ฉินซินหยิ่งยิ้มหวานให้เขา และกล่าวอย่างขวยเขิน “คุณปู่คะ คุณพ่อฝากมาถามว่า เมื่อไรคุณปู่ถึงจะโอนเงินลงทุนไปเข้าในบัญชีบริษัทเราคะ”

 

 

ประกายเยือกเย็นแวบขึ้นในดวงตาถังเจิ้นหวา รวดเร็วจนฉินซินหยิ่งไม่ทันสังเกต เขายิ้มใจดีให้เธอ “เงินยังไม่เข้าบัญชีอีกหรือ เดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกแผนกการเงิน ให้เร่งทำเอกสารสัญญาโดยเร็วที่สุด แล้วจะส่งคนไปที่ฉินกรุปเพื่อเซ็นสัญญา หลังจากนั้นก็จะโอนเงินไปเข้าบัญชีบริษัท ไม่ต้องกังวล”

 

 

กล่าวจบท่านก็เลื่อนกระจกปิด พ่อบ้านตระกูลถังสตาร์ตรถ แต่ยังอดไม่ได้ที่จะทุบพวงมาลัยรถด้วยความขัดเคือง เขาสบถด้วยความโกรธ “ไอ้พวกสารเลว กล้าดียังไงถึงได้คอยแอบติดตามดูท่าน!”

 

 

ถังเจิ้นหวากระตุกยิ้มมุมปาก มองผ่านกระจกมองหลังไปยังฉินซินหยิ่งซึ่งกำลังโบกมืออำลาเขา แล้วกล่าวตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันเกรงว่าจะไม่แค่แอบติดตามดูน่ะสิ กลับถึงบ้านไล่คนใช้ออกให้หมด แล้วเรื่องที่ฉันสั่งงานแผนกการเงินไปถึงไหนกันแล้ว”

 

 

“วางใจได้ครับ นายท่าน พวกเขาแจ้งมาว่าเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว” พ่อบ้านตระกูลถังรายงานยิ้มๆ “ฉินกรุปไม่รอดแน่ครั้งนี้ จะต้องหายไปจากโลกนี้ภายในไม่เกินสองเดือนอย่างแน่นอน”

 

 

ถังเจิ้นหวาส่งเสียงในลำคอ “อย่าให้มีร่องรอยอะไรหลงเหลือให้เห็นเด็ดขาด พวกมันจะได้ไม่เอามาตลบหลังเราได้”

 

 

“ไม่ต้องกังวลครับ นายท่าน พวกมันเล่นงานเราไม่ได้แน่นอน” พ่อบ้านตระกูลถังยิ้มขณะมองผ่านกระจกมองหลัง นำรถเลี้ยวตรงมุมถนน พ้นเขตโรงเรียนออกไป “คุณฉินนี่หน้าไม่อายจริงๆ เธอโกหกท่านหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ยังไง”

 

 

“ถังจง” ถังเจิ้นหวามองพ่อบ้านด้วยใบหน้านิ่งเฉย ขณะกล่าวว่า “จำไว้ คนโกหกย่อมกล่าวคำโกหกเสมอ อย่าเชื่อในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่คำเดียว”

 

 

พ่อบ้านตระกูลถังพยักหน้ารับ แล้วมองถังเจิ้นหวา ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมท่านถึงได้ใจดีกับคุณเซียวโหรวมากอย่างนั้นล่ะครับ…”

 

 

ถังเจิ้นหวามองกลับไปที่ถังจง เลิกคิ้วขึ้น “เด็กคนนั้นไม่รู้เรื่องราวอะไร เธอไม่รู้ว่าซีซีตายไปแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าเฉียวเหลียงเป็นคนยังไง เธอรู้แค่ว่าเฉียวเหลียงเคารพฉันเหมือนเป็นปู่แท้ๆ เธอจึงปฏิบัติต่อฉันอย่างดีเหมือนกับฉันเป็นปู่ของเธอด้วย และฉันก็อายุมากกว่าเธอขนาดนี้ จะไปรังแกเด็กได้ยังไง ผู้คนจะได้หัวเราะเยาะเอาถ้าฉันทำแบบนั้น”

 

 

“แต่ท่านก็ไม่พอใจเรื่องชุดนั่น…” พ่อบ้านตระกูลถังยังคงจ้องมองถังเจิ้นหวาอย่างคาดคั้น

 

 

ถังเจิ้นหวาถอนใจ ยกมือขึ้นปราม ก่อนจะกล่าวต่อไปแบบเหนื่อยหน่ายว่า “ลืมๆ ไปเสียบ้างเถอะ ซีซีจากไปแล้ว และฉันก็ไม่ได้เกลียดเด็กคนนั้น ปล่อยวางเสียบ้าง แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ไปตรวจสอบดูการทำงานของบริษัทเคมีภัณฑ์ของเซียวกรุป แล้วส่งรายงานการขออนุมัติเงินลงทุนมาให้ฉัน”

 

 

พ่อบ้านมองถังเจิ้นหวาอย่างประหลาดใจ อีกฝ่ายกล่าวต่อว่า “จองร้านอาหารด้วย ฉันจะไปทานอาหารค่ำกับเด็กผู้หญิงคนนั้น”

 

 

คราวนี้พ่อบ้านตระกูลถังยิ่งประหลาดใจหนักกว่าเดิม นี่นายท่านจะทำให้เด็กคนนั้นเจอกับความยากลำบากยิ่งขึ้น หรือจะช่วยสนับสนุนเธอกันแน่

 

 

 

 

ทางอีกด้านหนึ่ง แม้ฉินซินหยิ่งจะไม่สู้พอใจกับปฏิกิริยาที่ถังเจิ้นหวามีต่อเซียวโหรวเท่าใดนัก แต่เธอก็ยังดีใจที่ถังเจิ้นหวาตกปากรับคำว่าจะให้เงินลงทุนในบริษัทของฉินกรุป ภายหลังจากที่เฝ้าดูรถของถังเจิ้นหวาจากไปแล้ว เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรถึงบิดา “หนูจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ” กล่าวจบเธอก็เหลือบมองมือขวาของตนเอง แม้จะสวมเสื้อแขนยาวก็ยังไม่อาจปกปิดเฝือกที่สวมอยู่ได้ ฉินซินหยิ่งขบกรามแน่นเมื่อเห็นมือขวาของตัวเอง ไอ้นรก เซียวจิ่ง! ฉันต้องแก้แค้นแกให้ได้สักวันหนึ่ง!

 

 

พ่อของฉินซินหยิ่งหัวเราะชอบใจเสียงดังเมื่อได้ยินเธอกล่าวดังนั้น เขากล่าวว่า “เออนี่ลูก พ่อหาภาพสเก็ตช์งานออกแบบให้ลูกได้อีกสองแบบ เดี๋ยวจะส่งให้ทางอีเมล ลูกเอาไปใช้ในปารีสแฟชั่นวีกได้เลย”

 

 

ฉินซินหยิ่งได้ยินก็ดีใจมาก เธอยังคงยิ้มเมื่อวางสายโทรศัพท์ไป แล้วจึงขึ้นนั่งบนรถ เปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป หลังจากเปิดดูงานในกล่องจดหมายแล้ว เธอก็ส่งต่อให้วิเวียนด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับพิมพ์ข้อความว่า ‘นี่คืองานเก่าของฉันที่เพิ่งหาเจอ ถ้าคุณคิดว่าใช้ได้ ช่วยสั่งตัดชุดตามแบบนี้ให้ด้วย มีอีกเรื่องหนึ่งคือ ฉันอยากจะขอหยุดงานสักหนึ่งวัน’

 

 

 

 

ถังซีไม่คาดคิดว่าเธอจะทำข้อสอบเสร็จภายในช่วงบ่าย เธอมองหน้าหนิงเคอซึ่งเข้าสอบด้วยเช่นกัน ยิ้มมุมปากนิดๆ ถามเรื่อยๆ ว่า “เธอว่าข้อสอบเป็นยังไง”

 

 

หนิงเคอยิ้มให้ถังซี “ถ้าเธอว่าง่าย ผมก็คิดว่าผมทำได้ไม่เลวเหมือนกัน”

 

 

ถังซีหัวเราะในลำคอ “ฮื่อ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอแสดงความยินดีกับเธอไว้ล่วงหน้า ฉันต้องไปแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้”

 

 

หนิงเคอมองตามร่างถังซีที่เดินจากไป ยิ้มอย่างเบิกบาน “เจอกันพรุ่งนี้ เซียวโหรว!”

 

 

ถังซีโบกมือให้เขา เดินหิ้วกระเป๋าออกจากโรงเรียน เธอมีลางสังหรณ์ว่าเธอจะต้องสอบผ่าน และมีความมั่นใจว่าจะได้รับข่าวดีในวันพรุ่งนี้

 

 

แต่ความเบิกบานใจของเธออยู่ไม่ได้นาน เมื่อมองเห็นผู้ที่มาขวางทางเธออยู่ ถังซีมองตรงไปที่คนผู้นั้น และยิ้มออกมาแบบไม่จริงใจ