บทที่ 150 บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 150
บางอย่างผิดปกติกับพี่สี่

ดูเหมือนว่าเหล่านักศึกษาปีหนึ่งที่อยู่ด้านล่างจะไม่ค่อยยอมรับครูฝึกที่เข้มงวดคนนี้เท่าไรพวกเขาจึงยืนกันเงียบ สีหน้าของครูฝึกเริ่มเย็นชาขึ้นและพูดออกมาเสียงเข้ม “ตอบรับออกมาด้วยว่า รับทราบครูฝึก!”

“รับทราบ ครูฝึก!”
“เสียงเบาเกินไป ไม่ได้กินข้าวกันมาหรือไง?! พูดอีกรอบ”
“รับทราบ ครูฝึก!”
“อีกรอบ!”
“รับทราบ ครูฝึก!”
“…”
ภายใต้สีหน้าที่เย็นชาของครูฝึกโม่แต่กลับทำให้นักศึกษาปีหนึ่งในกองของเขาต้องตะโกนกันเสียงแหบเสียงแห้งตั้งแต่ในวันแรกของการฝึกทหารแล้ว
เพราะนี่เป็นวันแรกจึงยังไม่ได้ฝึกอะไร เพียงแค่ฝึกท่ายืนทั่วไป หลังจากนั้นก็พูดถึงกฎและหอพักเกี่ยวกับการฝึกทหารในกองทัพ

พี่สี่และมู่หรงเสวี่ยได้พักอยู่ด้วยกัน ในระหว่างที่พี่ห้าถูกแยกออกไปอยู่หอพักอื่น ส่วนที่เหลืออีกสามคนแน่นอนว่าต้องไปอยู่ที่หอพักชายซึ่งอยู่คนละอาคาร

นี่เป็นการเริ่มต้นของการฝึกทหารแต่มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกเหนื่อยซะแล้ว เธอไม่ได้ยืนแบบนี้มานานมากแล้ว แม้แต่เท้าของเธอก็เจ็บไปหมดแต่มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่ ทันทีที่เธอกับพี่สี่กลับมาที่หอพัก พี่สี่ก็นั่งหน้าซีดอยู่ที่เตียง

คนที่เหลือของหอพักต่างก็มาถึงแล้วด้วยเหมือนกัน ที่นี่จะไม่ใช่หอพักที่เรียงเป็นแถวๆแต่เป็นหอพักที่ผสมกัน นอกจากพี่สี่แล้วก็ยังมีอีกหกคนที่มู่หรงเสวี่ยไม่รู้จัก หอพักมีขนาดเล็กมากๆ เป็นเตียงสองชั้นพร้อมห้องน้ำสองห้อง ตารางการฝึกทหารค่อนข้างแน่น แม้แต่เวลาอาบน้ำก็ยังมีจำกัดเลย นักศึกษาทุกคนจะต้องเข้านอนก่อนเวลา 5 ทุ่มและห้ามส่งเสียงใดๆ ซึ่งจะมีครูฝึกเข้ามาคอยตรวจสอบด้วย
“สวัสดีมู่หรง ฉันฮวงเสี่ยวเฟ่ย เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม?”
มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเธอดูท่าทางธรรมดา เป็นเด็กสาวขี้อาย, ตาโต, จมูกเล็กๆและที่หน้ามีกระเล็กน้อย ในตอนนี้เธอยืนบิดเล็กน้อยและดูเหมือนจะงงๆด้วย

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม “สวัสดีเสี่ยวเฟ่ย ถ้าเธอไม่รังเกียจจะเรียกฉันว่าเสี่ยวเสวี่ยก็ได้นะ!” เธอมักจะมอบความจริงใจให้กับคนอยากเข้ามาเป็นเพื่อนด้วยความจริงใจเสมอ

“ได้เลยมู่หรง ฉันอยากจะคุยกับเธอมาตลอดเลย” เธอเดินตรงเข้ามาจับมือมู่หรงเสวี่ยอย่างมีความสุข

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไรและอยากที่จะปล่อยมือออกแต่เธอก็ต้องทนไว้เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่อย่างมากเธอจึงยังไม่ค่อยอยากที่จะคุยด้วยเท่าไร “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เดี๋ยวมีเวลาเราค่อยคุยกันเพิ่มนะ ว่าแต่ตอนนี้เธอน่าจะไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวก็จะได้เวลานอนแล้ว เดี๋ยวฉันก็จะไปอาบด้วยเหมือนกัน”

“งั้นฉันไปอาบก่อนนะ” ฮวงเสี่ยวเฟิงหยิบเสื้อผ้าอย่างมีความสุขและเดินเข้าห้องน้ำไป

หลังจากที่เห็นว่าฮวงเสี่ยวเฟิงออกไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็หันหัวกลับมามองสีหน้าซีดเซียวของพี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงและถามออกมาเสียงอ่อนโยน “พี่สี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?! มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือเปล่า? หรือว่ามีเรื่องอะไร?”

พี่สี่เผยรอยยิ้มซีดเซียวพร้อมพูดออกมาเสียงเบา “ฉันไม่เป็น เธอไม่ต้องห่วงหรอก!”

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจ “ถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้มก็ได้นะ หน้ายิ้มเธออย่างกับจะร้องไห้งั้นฉันไม่ถามแล้ว งั้นถ้าเธอพร้อมจะพูดเมื่อไรฉันจะรอฟังนะ อย่าลืมนะว่าเราเป็นเพื่อนกัน…”

พี่สี่พยักหน้า “ขอฉันอยู่เงียบๆสักพักนะ!”
มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าตอนนี้พี่สี่ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะพูดเท่าไรเหมือนกัน เมื่อมองไปรอบๆเธอก็รีบเก็บของทันที ไม่งั้นมันคงแย่แน่ถ้าครูฝึกเข้ามาเช็ก
เมื่อตอนบ่ายครูฝึกโม่พูดไว้แล้วเรื่องความสะอาดภายในหอพัก หอพักจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความสะอาดอีก ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สองคนเข้ามาทำความสะอาดทุกวันโดยจะดูเรื่องการเรียงรองเท้า, เก็บที่นอนและล้างจานเพื่อเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ที่พื้นจะต้องไม่มีฝุ่นโดยเฉพาะเส้นผม

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกงงนิดหน่อย ยังไงซะเธอก็แทบจะไม่เคยต้องดูแลความสะอาดของหอพักแบบนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องอยู่ในหอพัก ความคับแคบของหอพักทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไรแต่มันก็ไม่มีทางเลือก ในระหว่างการฝึกทหารนี้เธอจะขออะไรพิเศษไม่ได้

ไม่นานฮวงเสี่ยวเฟิงก็อาบน้ำเสร็จและเดินออกมา เมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยกำลังทำความสะอาดอยู่คนเดียว เธอก็รีบเข้ามาช่วย “เสี่ยวเสวี่ย ให้ฉันช่วยนะ?! แต่ทำไมอีกสองคนไม่มาช่วยทำล่ะ? ทำไมเธอต้องมาทำคนเดียว”

“ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้จ๊ะ” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดถึงพี่สี่ วันนี้เป็นเวรเธอที่ต้องทำความสะอาด แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าพี่สี่ขี้เกียจ เธอมองออกว่าพี่สี่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรราวกับว่าเธอสามารถที่จะล้มลงมาได้ตลอด

ฮวงเสี่ยวเฟิงเผยรอยยิ้ม เธอดูน่ารักและเป็นมิตร “ทำสองคนจะเร็วกว่านะ รีบเก็บของกันเถอะ เธอยังไม่ได้ซักผ้ามาถูใช่ไหม! เดี๋ยวฉันทำเองนะ ไม่งั้นเดี๋ยวครูฝึกต้องเข้ามาดูแน่ๆ”

มู่หรงเสวี่ยเห็นเห็นว่าฮวงเสี่ยวเฟิงกำลังจะเอาผ้ามาถูกพื้น เธอหัวเราะและรีบเก็บข้าวของ อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกประทับใจกับเพื่อนใหม่คนนี้มาก ส่วนคนที่เหลือนั่งกันอยู่อีกฝั่งกำลังนั่งคุยกันเอง เธอเห็นว่าพวกเธอไม่ได้ถามอะไร มู่หรงเสวี่ยจึงไม่อยากที่จะบอกให้พวกเธอช่วยแต่เธอมีความรู้สึกและรู้ว่าบางคนก็สามารถที่จะสนิทด้วยได้ คนพวกนั้นเพียงแค่พยักหน้า

โชคดีที่หอพักไม่ได้ใหญ่มากจึงใช้เวลาทำความสะอาดไม่นานเท่าไร มู่หรงเสวี่ยเองทำความสะอาดธรณีประตูหน้าต่าง, กระจกและเช็ดโต๊ะด้วย ในตอนนี้ฮวงเสี่ยวเฟิงเองก็กำลังถูกพื้น

มู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไปและพูดอย่างขอบคุณ “ขอบคุณนะเสี่ยวเฟิง”
ฮวงเสี่ยวเฟิงหัวเราะและพูดออกมา “ขอบคุณอะไรกัน?! นี่แค่เรื่องเล็กน้อย ยังไงซะฉันก็ชินกับการทำความสะอาดที่บ้านอยู่แล้ว ฉันชินแล้วแหละ เธอยังไม่ได้อาบน้ำเลย รีบไปอาบเถอะ!”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า “ฉันจะไปอาบน้ำก่อนแล้วพอว่างแล้วค่อยมาคุยกันนะ” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เวลา นี่ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เธอต้องรีบไปอาบน้ำก่อน

เธอแตะไปที่พี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงและพูดเสียงอ่อนโยน “พี่สี่ ได้เวลาไปอาบน้ำแล้วนะ! ดึกแล้ว…”

พี่สี่ที่นั่งอยู่บนเตียงยังคงไม่พูดอะไร มู่หรงเสวี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากถอนหายใจเสียงอ่อนแล้วจึงหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำ ชุดทหารจะมีทั้งหมดสามเซตเพื่อสำหรับเปลี่ยนและไว้ซัก ในเขตพื้นที่การฝึกทหารทุกอย่างจะต้องทำด้วยมือ ที่นี่ไม่มีเครื่องซักผ้า เสื้อผ้าทั้งหมดจึงต้องซักด้วยมือ

มู่หรงเสวี่ยยังคงสวมชุดทหารอยู่หลังจากที่อาบน้ำแล้ว อันที่จริงนักศึกษาทุกคนจะต้องสวมชุดฝึกทหารเพราะเช้าวันถัดไปจะไม่มีเวลาที่จะแต่งตัว วันนี้ครูฝึกโม่บอกว่าเมื่อระฆังดังในวันรุ่งขึ้น พวกเธอจะต้องมาถึงที่สนามฝึกภายใน 10 นาที และ 10 นาทีแค่ล้างหน้ายังไม่พอเลย ดังนั้นพวกเธอจึงประหยัดเวลาโดยการสวมชุดไว้ซะเลย

พี่สี่นอนนอนอยู่บนเตียงและมู่หรงเสวี่ยก็เข้านอน ทันทีที่เธอกำลังจะพูดอะไรกับพี่สี่ เธอก็เห็นว่าครูฝึกหน้าโหดมาเคาะที่ประตู “ตรวจรอบดึก!” ครูฝึกพูดอยู่ด้านนอกประตูและผลักเปิดประตูเข้ามา

เพราะวันนี้ครูฝึกโม่บอกว่าเขาจะเข้ามาตรวจรอบดึกดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้แปลกใจอะไร นักศึกษาทุกคนยกเว้นพี่สี่ต่างก็ยืนกันอย่างพร้อมเพรียงพร้อมทั้งตะโกนออกไปพร้อมกันว่า “สวัสดีค่ะครูฝึก!”

อย่างไรก็ตามครูฝึกโม่ไม่ได้ดูเย็นชามากเหมือนเมื่อตอนบ่าย จึงพูดตอบรับออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วก็เริ่มเดินตรวจหอพัก ไม่นานเขาก็เห็นพี่สี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงพร้อมทั้งหันหลังให้พวกเธอ สีหน้าเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย
มู่หรงเสวี่ยรีบเดินไปอยู่ตรงหน้าและพูดออกมา “ขอรายงานครูฝึกค่ะ พี่สี่ไม่ค่อยสบาย! เธอเลยเข้านอนเร็วหน่อย”

ครูฝึกโม่ไม่รู้ว่าจะคิดอะไรจึงพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา “นี่แค่วันแรก! แล้วต่อไปจะฝึกได้ยังไง?! ดูแลร่างกายให้ดีๆกว่านี้หน่อย!”

ร่างของพี่สี่สั่นเทอมเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ขยับ
สีหน้าของครูฝึกโม่เย็นชาขึ้นกว่าเดิมและดูน่ากลัวกว่าเมื่อตอนบ่ายซะอีก มู่หรงเสวี่ยยังอยากที่จะอธิบายต่อ อย่างไรก็ตามครูฝึกโม่พูดออกมาเสียงเบา “คืนนี้ก็พักผ่อนกันก่อน การฝึกจะเริ่มพรุ่งนี้เช้าและถ้ารู้สึกไม่สบายก็ให้ไปหายาที่ห้องพยาบาล…” หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

เวลาห้าทุ่มตรงระฆังให้เข้านอนดังขึ้น หอพักทั้งหมดปิดไฟและทุกคนก็เอนตัวลงนอนโดยไม่กล้าที่จะส่งเสียง ตอนที่ครูฝึกเข้ามาตรวจเขาบอกไว้ว่าถ้ามีใครถูกหักหนึ่งคะแนน คนนั้นจะต้องถูกฝึกต่ออีกครึ่งชั่วโมง วันนี้เธอเหนื่อยจากการฝึกท่ายืนมาแล้วและไม่อยากที่จะต้องฝึกล่วงเวลาอีก
มู่หรงเสวี่ยนอนอยู่บนเตียง หัวใจรู้สึกเป็นห่วงพี่สี่ คืนนี้เธอเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ พี่สี่และครูฝึกโม่ต้องรู้จักกันแน่ๆ เธอคิดว่าไม่น่าจะใช้การรู้จักกันธรรมดาด้วย บางทีอาจจะมีอะไรบางอย่าง ไม่งั้นพี่สี่ที่ปกติจะสงบและเยือกเย็นคงจะไม่หน้าซีดขนาดนี้หรอก คืนนี้เธอไม่อยากที่จะเจอหน้าเขาถึงขนาดยอมหันหลังให้ครูฝึก

ช่วงเที่ยงคืนโดยไม่รู้ตัว มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าพี่สี่ลุกออกจากเตียงและเดินออกไปเงียบๆ ทันทีที่ประตูปิดลง มู่หรงเสวี่ยก็รีบลุกขึ้นด้วยเหมือนกัน

พี่สี่ออกไปทำอะไรกลางดึกแบบนี้?! เธอรู้สึกเป็นห่วงมาก จะปล่อยเธอไปคนเดียวไม่ได้จึงรีบตามออกไปอย่างเร็ว

พี่สี่เดินห่างออกไปหน่อยแล้ว มู่หรงเสวี่ยรีบวิ่งตามเธอไปแต่ก็ไม่กล้าที่จะตะโกนเรียนเพราะคำสั่งของครูฝึกที่บอกว่าห้ามพวกเธอออกมานอกหอพักในยามวิกาล ถ้าเธอตะโกนออกไปก็จะทำให้ครูฝึกกะดึกได้ยิน มู่หรงเสวี่ยทำได้เพียงรีบวิ่งไปเพื่อตามให้ทันแต่เธอก็เห็นว่าพี่สี่วิ่งเร็วมากจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวิ่งตามให้ทัน
ในที่สุดมู่หรงเสวี่ยก็เห็นพี่สี่หยุด สถานที่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นหอพักของครูฝึกโม่ หอพักของครูฝึกจะแตกต่างจากหอพักของนักศึกษา หอพักของครูฝึกจะเป็นห้องพักเดี่ยว

เธอเห็นว่าพี่สี่เคาะที่ประตูของหอพักครูฝึกโม่แล้วประตูห้องก็เปิด หลังจากนั้นก็เหมือนว่าพวกเขาจะทะเลาะกันแต่เสียงเบามากจนมู่หรงเสวี่ยได้ยินไม่ชัด เธอรีบเดินเข้าไปอีก ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ควรที่จะซ่อนตัวในระยะที่มองเห็นได้แบบนี้

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้เข้าไปใกล้แต่เห็นว่าพี่สี่และครูฝึกโม่เดินเข้าไปในหอพักและปิดประตู

มู่หรงเสวี่ยมองอย่างสับสน นี่เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอต้องอยู่คนเดียว ตอนนี้เธอสับสนอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าควรที่จะเดินเข้าไปเคาะประตูดีหรือเปล่า อีกด้านหนึ่งเธอก็กลัวว่าพี่สี่จะถูกรังแก แต่อีกด้านเธอก็กลัวว่าจะเข้าไปรบกวนพี่สี่