บทที่ 291 เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ยังไง

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ออกัสกางแขนอุ้มซารางที่โผเข้าหาอ้อมอกเขาด้วยแขนข้างเดียว ยกอาหารชุดครอบครัวที่อยู่ในมือขวาขึ้น “อยากกินไหมเอ่ย?”

ดวงตาของซารางเป็นประกาย เธอยกมือน้อยที่ทั้งขาวทั้งนุ่มทั้งสองข้างขึ้นสูงมาก เสียงของเธออ่อนวัยและดังกังวาน “อยากๆๆ!”

เขาอุ้มซารางก้าวไปข้างหน้าด้วยขายาว จากนั้นยืนนิ่งอยู่ข้างหลังเธอ คิ้วอันหล่อเหลาเลิกขึ้น “กินด้วยกันกับซารางไหม?”

“ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว ฉันยังมีเสื้อผ้าที่ต้องซัก” เธอหรี่ตาลงโดยไม่หันหลังกลับมา

ออกัสกลืนน้ำลาย เขาเบนสายตาออกจากตัวเธอพร้อมอุ้มซารางเข้าห้อง ห้องไม่ใหญ่ แต่อบอุ่นมาก บนโต๊ะมีช่อดอกไม้วางอยู่

ซารางนั่งอยู่ตรงนั้น มือจับขาไก่ทอดข้างละอัน เธอกินมันอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่งท้องกลมป่องกินไม่ไหวอีกแล้ว

ออกัสคลี่ยิ้มบางๆแล้วอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน มือใหญ่ลูบท้องของเธอเบาๆ

หลังจากกินดื่มจนอิ่มแล้ว ไม่นานซารางก็ผล็อยหลับไป ส่วนออกัสที่นอนไม่เต็มอิ่มมาหลายวัน ตอนนี้จึงกอดเด็กหญิงตัวเล็กแล้วก็หลับตาลงเช่นกัน

หลังจากที่เชอร์รีนซักเสื้อผ้าเสร็จ เดินเข้ามาก็เห็นภาพนี้ที่ดึงดูดสายตา

ฝ่ายชายนอนอยู่บนโซฟา โดยมีลูกสาวนอนอยู่บนหน้าอกของเขา ทั้งคู่หลับสนิท ส่งเสียงหายใจเบาๆออกมาบ้างเป็นบางครั้ง

ฝีเท้าเธอจึงอดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าอย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าจะเสียงดังจนปลุกให้ทั้งสองตื่น เธอหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่มให้ เธอไปที่ครัว เที่ยงนี้ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย เธอวางแผนจะทำก๋วยเตี๋ยว

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เธอจึงเตรียมการสอน มีข้อสอบบางส่วนที่ต้องแก้ไข

ทั้งสองหลับใหลเป็นเวลานาน จนกระทั่งตกกลางคืน พอไฟเปิดทั้งคู่ค่อยๆลืมตาขึ้น

แม้แต่อาหารเย็นแชร์รีนก็ทำเสร็จแล้ว มีโจ๊กลูกเดือยและเครื่องเคียงอีกสองสามอย่าง เพียบพร้อมไปด้วยสีสัน กลิ่นและรสชาติ เธอยืนตักข้าวอยู่หน้าโต๊ะ

ซารางไปล้างมือที่ห้องน้ำอย่างเฉลียวฉลาด จากนั้นก็มานั่งที่ข้างโต๊ะ มองหม่ามี๊ที่ตักข้าวเพียงสองชาม ชามใบสีชมพูเล็กๆเป็นของเธอ ชามใบสีฟ้าเป็นของหม่ามี๊ แล้วแด๊ดดี้ล่ะ?

ออกัสย่อมมองเห็นอย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาอยู่กินข้าวด้วย

แต่ทว่าการมองออกนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง จะทำอย่างไรนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เขาไม่คัดค้าน เขาไปห้องครัวโดยไม่บอกไม่กล่าว พอเดินกลับมา ในมือใหญ่ของเขาก็มีชามติดมาด้วยหนึ่งใบ ตักข้าว นั่งลง คีบอาหาร การกระทำต่อเนื่องอย่างคล่องแคล่ว

เชอร์รี่เหลือบมองดูเขาสองทีโดยไม่ได้พูดอะไร เธอเคาะชามข้าวของซารางเบาๆให้เธอรีบกิน

ซารางกินขาไก่ทอดเมื่อตอนเที่ยงมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยหิวมากเท่าไร ร่างน้อยบิดตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้ ข้าวครึ่งชามก็ยังเหลือเช่นเดิม

เมื่อเห็นดังนั้นเชอร์รีนก็ไม่ได้บังคับเธอ เชอร์รีนยื่นมือออกไปยกโจ๊กที่เหลืออีกครึ่งชามมาดื่มจนหมด

ออกัสมองการกระทำของเธอโดยไม่ส่งเสียง ดวงตาที่ลึกของออกัสนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกรักทะนุถนอม เบา อ่อนโยน

ตอนเที่ยงได้กินบะหมี่ไป เมื่อกี้ก็กินหมั่นโถวไปเยอะมาก พอตอนนี้มองดูชามโจ๊กที่อยู่ตรงหน้า คิ้วของเธอก็ขมวดเล็กน้อย

ตอนนั้นเองแขนที่แข็งแรงของชายหนุ่มยกชามที่อยู่ข้างหน้าเธอมาจิบเบาๆโดยไม่บอกไม่กล่าว “รสชาติดีมาก”

หัวใจของเชอร์รีนผันผวนอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่ความรู้สึกที่ออกนั้นส่วนมากคือความเจ็บปวดและความขมขื่น

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เธออุ้มซารางกลับห้องเพื่อพาเข้านอน ขณะเดินออกมาอีกครั้ง เขาก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่มีท่าทีที่จะออกไป

“ดึกแล้ว พวกเราต้องพักผ่อน คุณก็ควรไปได้แล้วเหมือนกัน” เธอออกคำสั่งไล่แขก

ร่างกายสูงของออกัสเอนตัวนอนลงบนโซฟา มองเธอไม่ขยับ นิ้วเรียวยาวนวดคลึงบริเวณระหว่างคิ้ว “วันนี้ผมง่วงแล้ว ขอค้างคืนหนึ่งได้ไหม?”

เชอร์รีนปฏิเสธเขาอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้!”

“ไม่กินพื้นที่ของคุณเยอะ แค่นอนบนโซฟาก็พอ วางใจได้ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้าของคุณมีคำว่าตีคำใหญ่เขียนซะขนาดนั้น ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมแค่เหนื่อยแล้ว ไม่อยากขยับแค่นั้น…”

“ไม่ได้ คุณควรไปได้แล้ว” เธอยังคงยืนยัน ถ้าหากยังเขาเข้ามาพัวพันกับเธอเช่นนี้ต่อไป แนวป้องกันของเธอก็จะพังทลายลง

แต่ว่าเธอลืมพ่อไม่ลง ลืมไม่ลงว่าเขาตายยังไง และความแน่วแน่ของแม่ไม่ลงเช่นกัน มีความอบอุ่นบางอย่างอยู่ไม่ไกล แต่กลับไม่สามารถเอื้อมมือออกไปได้

หลังจากนั้นไม่นานออกัสก็ลุกขึ้นจากโซฟา ส่งเสียงถอนหายใจเบาๆจากลำคออย่างจนใจ “ราตรีสวัสดิ์”

ระยะห่างทั้งสองคนใกล้กัน พอเขาพูดลมหายใจร้อนก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเธอ ไอความร้อนนั้นร้อนเกินไป จนเธอรู้สึกถึงความผิดปกติ หรือว่าเขามีไข้?

ความรู้สึกนึกคิดของเธอยังคงวนเวียน เขาเปิดประตูแล้วเดินออกไป ทิ้งเงาของร่างสูงหนาไว้ให้เธอ

เธอเก็บความคิดเหล่านั้นคืนกลับมา เชอร์รีนทำความสะอาดห้อง

ออกัสมีไข้จริงๆ หน้าผากร้อนมาก เขาแข็งแรง ในหนึ่งปีจำนวนครึ่งที่ป่วยมีน้อยครั้งจนนับได้

เขารู้สึกราวกับมีไฟลุกโชนในร่างกาย เขาขมวดคิ้ว ริมฝีปากบางเม้มขณะนั่งในรถ เขาสตาร์ทรถแล้วขับรถจากไป

เขามีไข้ค่อนข้างสูง ขณะขับรถก็รู้สึกร้อน มือซ้ายถือพวงมาลัย มือขวาดึงเนกไทตรงคอ

ทันใดนั้นลำแสงที่สว่างแสบตาจนผิดปกติส่องเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม มือซ้ายเขาลื่นไถล รถพุ่งไปทางด้านขวาชนเข้ากับรั้วเต็มๆ…

ขณะเธอได้รับสายจากผู้ช่วยเตโช เชอร์รีนหลับไปแล้ว หลังจากที่รับสาย เธอกลับรีบลุกขึ้น อุ้มซารางขึ้นรถแล้วสตาร์ทรถ

รถขับมาอย่างค่อนข้างเร็ว ใบหน้าของเธอค่อนข้างซีด มือก็ค่อนข้างตื่นตระหนก กัดฟันเพื่อให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลง

ผู้ช่วยเตโชบอกว่าเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างทาง เธอไม่สามารถหยุดความโกลาหลได้

พอเธอไปถึงที่เกิดเหตุ พื้นที่ตรงนั้นก็ถูกกั้นไว้แยกแล้ว หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างบ้าคลั่ง รถตำรวจก็ยังส่งเสียงร้อง

เธอวิ่งโซซัดโซเซจากฝูงชนเข้าไป เชอร์รีนคว้าเสื้อของตำรวจ เสียงของเธอสั่น “คนในรถคันนี้อยู่ที่ไหน”

เธอกลัว เสียใจที่เมื่อกี้ขณะที่เขาเสนอขออยู่ต่อ ทำไมเธอถึงไล่เขาไป?

“ทำแผลอยู่ตรงนั้น พวกเรายังต้องจัดการกับที่เกิดเหตุ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่” ตำรวจชี้อย่างไม่ใส่ใจ

เชอร์รีนรีบเดินไปอย่างรวดเร็วตามทิศทางที่เขาชี้ไป พอเธอเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคย เธอก็รีบวิ่งไป “บาดเจ็บตรงไหนบ้าง? ร้ายแรงไหม?”

อย่างน้อยเขาก็ยังยืนได้ สั่งนี้ทำให้เธอโล่งใจ หัวใจที่แทบจะกระโดดออกจากอกก็ค่อยๆสงบลง แขนขาที่เย็นจนไร้ความอบอุ่นก็ค่อยๆอุ่นขึ้น

แขนซ้ายของออกัสได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณหมอกำลังใส่ยาให้เขาแล้วพันผ้าพันแผล พอได้ยินเสียงเขาก็ลืมตาขึ้น “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

“ผู้ช่วยเตโชโทรหาฉัน เขาบอกว่าคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉัน…แค่กๆ…” เธอกังวลมากจนเกินไปตลอดทาง ทำให้หายใจไม่คงที่ พูดไม่ทันจบก็ยังไอไม่หยุด

มือขวาตบหลังเธอเบาๆเพื่อให้เธอหายใจสะดวกขึ้น ใบหน้าของออกัสเคร่งขรึม แต่ผู้ช่วยเตโชเริ่มทำอะไรกำเริบเสิบสานขึ้นเรื่อยๆแล้ว!”

“คุณหมอคะ เขาเป็นอะไรมากรึเปล่า?” เชอร์รีนมองคุณหมอ

“แขนซ้ายของประธานออกัสได้บาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง ช่วงนี้พยายามอย่าขยับมาก อีกอย่างกำลังมีไข้สูง อุณหภูมิสูงมาก”