ตอนที่ 543 คุ้นเคยให้มากเข้าไว้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ทางด้านเสี่ยวหงและอู๋ตี้ที่เฝ้าอยู้ส่วนด้านนอก

“เห…? แปลกนะ ปกตินายท่านไม่เคยใช้เวลานานขนาดนี้มาก่อน เจ้าว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นกับนายท่านรึเปล่าเจ้าหมูอ้วน ?” อู๋ตี้พึมพำ มันนั้นคิดอยากไปตรวจดูให้แน่ชัด แต่กลับถูกเงาร่างกลม ๆ สีแดงขวางไว้

“เจ้าแมวบ้า! เจ้าอย่าได้โง่เง่าเข้าไปทำลายช่วงเวลาดี ๆ ของนายท่านเชียว”

“ช่วงเวลาดี ๆ งั้นรึ ?” อู๋ตี้แผ่พลังวิญญาณออกมา จนในที่สุดก็ได้ยินเสียงจากด้านในนั้น ถึงจะได้ยินเพียงเล็กน้อยแต่ก็พอจับใจความได้

ในพริบตา อู๋ตี้ก็โมโหพลางกล่าวว่า “อ๊าก! ไอ้ชายสารเลวนั่นรังแกนายท่านอีกแล้ว ทั้งที่โดนคำสาปอันตรายเสียขนาดนั้น เขายังจะ… หึ! เขาจะเลิกทำตัวให้นายท่านเกิดความรู้สึกดีบ้างจะได้ไหมนี่ ?!” เสี่ยวหงกล่าว “เจ้าโง่! เหตุใดเจ้าจึงเรียกว่ารังแก นี่เรียกว่าทั้งสองมีใจให้กันต่างหากเล่า มันเป็นความสมัครใจของทั้งคู่  แต่ก็นั่นแหละ แมวโง่เช่นเจ้าจะไปเข้าใจอะไร”

“เออ! ข้ามันไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจ! ตกลงเจ้าเป็นสัตว์พันธสัญญาใครกันแน่ เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าชายผู้นั้นอันตรายเพียงใด ?”

“ไม่ใช่ว่ายังมีท่านผู้พิทักษ์นิรันดร์แล้วก็นายท่านอยู่อีกรึ ? เจ้านี่ทำตัวเหมือนขันทีที่ตื่นตูมแทนจักรพรรดิเสียจริง”

“เจ้าน่ะสิขันที คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าเป็นขันทีจริง ๆ” ในเมื่อมีจิ่วเยี่ยอยู่ พวกมันทั้งสองคงมิต้องยื่นมือเข้าไปจัดการ หากมีผู้ใดไม่ดูตาม้าตา เรือกล้าเฉียดกรายเข้าใกล้มู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยก็สามารถทำให้มันผู้นั้นกลายเป็นกระดูกสีขาวได้ในชั่วพริบตา  ดังนั้น เสี่ยวหงและอู๋ตี้จึงได้เริ่มเปิดศึกกันอย่างจริงจัง

“เฮ้ย! พวกเจ้าดูนั่น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนั้นไปแล้ว เหตุใดเราไม่ไปดูแม่นางคนงามผู้นั้นกันเสียหน่อยล่ะ ?!”

“เอ้อ! จริงด้วย แม่นางงามเสียขนาดนั้น ยลโฉมเสียหน่อยคงไม่เสียหลายหรอก”

และก็มีพวกคิดชั่วย่างกรายเข้ามาจริง ๆ เพียงแต่ทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้ กระแสพลังอันเย็นยะเยือกและน่าสะพรึงกลัวก็จู่โจมเข้ามา โครงกระดูกขาวสองร่างร่วงกองลงที่พื้นในทันทีทันใด และในฉับพลัน เกิดเสียง ‘แกรก!’ ขึ้นมา จากนั้นโครงกระดูกทั้งสองร่างก็มลายไป

บังอาจแอบดูซี ความตายเช่นนี้ถือว่าบุญสำหรับพวกมันแล้ว แววตาสีฟ้าทอประกายแสงเย็นเยือก จนน้ำพุที่แสนงดงามแทบจะจับตัวเป็นน้ำแข็งเสียให้ได้

“หวงจิ่วเยี่ย คนชั่ว ข้าชดใช้ไปหมดแล้วแท้ ๆ แต่เจ้ากลับ…” “ซีสามารถทวงหนี้จากข้าได้” จิ่วเยี่ยยิ้มกริ่มอย่างหาดูได้ยาก เขากางแขนออกและแสดงออกทางใบหน้าว่าแล้วแต่มู่เฉียนซีจะเลือกกระทำ

แต่อย่างไรก็ตาม โดนงูกัดครั้งหนึ่งกลัวเส้นเชือกไปสิบปี มู่เฉียนซีจึงได้ไม่ยอมทำอะไรเขาเลย แต่นางพูดขู่เขาว่า “เหอะ! จิ่วเยี่ย หากข้าเอาจริง เจ้านับหนี้ไม่ถูกแน่”

“เช่นนั้นข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” จิ่วเยี่ยประทับจุมพิตบางเบาบนใบหน้ามู่เฉียนซี

“อ๊ะ! ข้าอึดอัดนะ อย่า…”

“จื่อโยวบอกให้ข้าทำความคุ้นชินกับร่างกายซีให้มาก ๆ ภายหลังข้าจะได้ไม่ทำซีเจ็บ” จิ่วเยี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“เจ้าบ้านั่นอีกแล้วรึ ? ข้าจะกรีดแทงจื่อโยวเป็นพันรอยแผล ข้าจะฆ่าเขา!”

ทำความคุ้นชิน นางให้จิ่วเยี่ยทำความคุ้นชินไปตั้งกี่ครั้ง นั้นยังไม่พออีกหรือ ? “ต่อหน้าข้าห้ามเอ่ยชื่อชายอื่น!” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงแข็ง หลังจากนั้น… ก็เป็นการทำความคุ้นชินอย่างลึกซึ้งอีกครั้งจนมู่เฉียนซีรู้สึกว่าทั้งร่างกายนางไร้เรี่ยวแรง

ตกดึก ดาวตกดวงหนึ่งร่วงหล่นตัดเส้นขอบฟ้า บนผืนน้ำทะเลก็ปรากฏเงาเลือนรางของเรือสีดำสนิทแล่นรอบเกาะวิญญาณมรณะ

กาลเวลาทิ้งร่องรอยเป็นบาดแผลลึกไว้ที่ตัวเรือ ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นมันเป็นอันต้องรู้สึกเสียวสันหลังขนลุกขนพองขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“นั่นเป็นเรือวิญญาณมรณะ เรือวิญญาณมรณะได้ปรากฏขึ้นแล้ว!”

“รีบไปรายงานท่านผู้นำเร็วเข้า!”

“รายงานท่านผู้อาวุโสด้วย เร็ว!” เหตุที่เกาะแห่งนี้ได้ถูกขนานนามว่าเกาะวิญญาณมรณะ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเรือวิญญาณมรณะลำนี้ เรือลำนี้ราวกับว่ามันแล่นออกมาจากนรก ทุกครั้งที่มันปรากฏขึ้นมา จะต้องมีพายุฝนคาวโลหิตเสมอ

ค่ำคืนแห่งเกาะวิญญาณมรณะดูเหมือนกับว่าจะไม่สงบเงียบ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น จิ่วเยี่ยกลับอุ้มร่างของมู่เฉียนซีที่กำลังหลับกลับเข้าไปในที่พักของนางโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะตามมารบกวน

จู่ ๆ บนเกาะแห่งนี้กลับปรากฏกลิ่นอายบางอย่างที่เขาคุ้นเคย ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเริ่มสนใจมัน

“จื่อโยว!” “ได้ ข้าจะไปตรวจสอบประเดี๋ยวนี้ ขอให้เยี่ยลุ่มหลงในตัวหญิงงามต่อเถิด เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ให้ข้าไปจัดการเอง” จื่อโยวรับคำสั่งและจากไป

……

วันต่อมา มู่เฉียนซีลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าคนข้างกายในตอนนี้หายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายของเขาที่ด้านข้างกายนาง  มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติไปของเกาะวิญญาณมรณะ จึงเอ่ยถามออกมา “โม่จิ่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นรึ ?”

โม่จิ่นกล่าว “แม่นางมู่ตามข้ามา ตอนนี้เกาะวิญญาณมรณะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

มู่เฉียนซีตามโม่จิ่นไปจนกระทั่งถึงผิวทะเลของเกาะวิญญาณมรณะ ภาพตรงหน้าปรากฏเรือสีดำสนิทที่มีสภาพผุพังแก่สายตา  เรือนั้นทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกถึงความมืดมน

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นในทันใด “เรือภูต!”

โม่จิ่น “เรือภูตรึ ? นี่เป็นชื่อที่เจ้าตั้งให้เรือลำนั้นหรือ ? แต่เรือนั่นมันไม่ได้ชื่อว่าเรือภูต มันชื่อว่าเรือวิญญาณมรณะ” มู่เฉียนซี “เรือวิญญาณมรณะ มันเหมือนกับชื่อของเกาะแห่งนี้ มีเรื่องเกี่ยวข้องกันเช่นนั้นหรือ ?”

โม่จิ่นตอบ “ใช่แล้ว เพราะเรือลำนี้จะมาโผล่ที่รอบเกาะวิญญาณมรณะอยู่ตลอดกาล  เช่นนั้นแล้วเกาะแห่งนี้ถึงได้ถูกเรียกว่าเกาะวิญญาณมรณะ”

“ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่เกี่ยวข้องกับข้า ภารกิจที่ข้าต้องทำ พวกเจ้าคงจะไม่มาทำให้ข้าเสียเวลาเพราะเรือลำนี้ปรากฏออกมาหรอกนะ”

“ข้าไม่ทำให้เสียเวลาแน่นอน แต่เจ้าไม่มีความสนใจในเรือวิญญาณมรณะนี้เลยหรือ ?”

“สนใจ…? สนทำไม บนเรือลำนั้นมีสมบัติล้ำค่ารึ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม

“สมบัติ… แน่นอนว่าบนเรือลำนั้นต้องมีไม่น้อยแน่ ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่มันปรากฏให้เห็น คงไม่เกิดการนองเลือดขึ้น และที่ด้านบนนั้นก็อันตรายอย่างมากเช่นกัน” โม่จิ่นกล่าวเสียงขรึม

“แล้วเจ้าคิดจะเข้าไปเสี่ยงหรือไม่ ?”

“เรือวิญญาณมรณะลำนี้ ถึงต่อให้ถูกขังอยู่บนเกาะนี้เป็นร้อยปี ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถพบเจอมันได้ มาวันนี้โชคดีได้เจอมันเข้าแล้ว แน่นอนว่าข้าไม่ยอมปล่อยมันไปเป็นแน่แท้ ได้ยินมาว่าที่ด้านบนนั้นมีของล้ำค่าที่สามารถทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ด้วย”

“ฟื้นคืนชีพ…” มู่เฉียนซีพึมพำ ถึงแม้จะมีสมบัติที่สามารถฟื้นคืนชีวิตจริงดั่งตำนาน แต่มู่เฉียนซีก็ยังรู้สึกว่ายาหยินหยางอู๋จี๋ของเจ้าหม้อเทพนิรันดร์ขี้โอ่ใบนั้นน่าเชื่อถือกว่ามาก

แต่ที่โม่จิ่นกล่าวมาก็ไม่ผิดเช่นกัน ร้อยปียังยากที่จะเจอเรือวิญญาณมรณะ หากแป็นเช่นนั้นจริง ลองลุยบุกเข้าไปสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร

— พรึ่บ!–

ขณะนี้มีคนเข้าไปใกล้เรือวิญญาณมรณะแล้ว แต่เกิดเรื่องแปลกพิกลขึ้น เพราะราวกับว่าเรือลำนั้นเป็นแค่ภาพลวงตาบนทะเล เมื่อมองเห็นแล้วพวกเขาจึงเข้าไปใกล้มัน ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้มัน มันก็กลับหายไป

ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะลึงงัน “หายไปแล้ว! เรือลำนี้เป็นแค่ภาพลวงตาหรอกรึ ?”

“หายไปได้อย่างไรกัน ? เรือวิญญาณมรณะของจริงนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ ?”

“มันต้องอยู่รอบเกาะนี้แน่ พวกเรารีบส่งคนไปหาเร็ว!”

ผู้คนบนเกาะวิญญาณมรณะ ต่างพากันพยายามคิดหาวิธีที่จะค้นหาตำแหน่งของเรือวิญญาณมรณะ แต่เขตทะเลในระยะร้อยลี้ของเกาะทำให้พวกเขารู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบบ้า พวกเขาหาเรือลำนั้นจนแทบพลิกเกาะทั้งเกาะแต่กลับไม่พบมัน

ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องหลอกลวงหรืออย่างไร ?

หรือแท้จริงแล้วเรือวิญญาณมรณธนั้นไม่มีอยู่จริง ?

ผู้ที่ดูเหตุการณ์อยู่ต่างเริ่มรู้สึกสงสัยในความจริงของเรือลำนี้  ขณะเดียวกัน มู่เฉียนซีกล่าวกับโม่จิ่นว่า “หากบนผืนน้ำไม่มี  ถ้าอย่างนั้นใต้ทะเลล่ะ พวกเจ้าได้ลองหาหรือยัง ?”

“ใช่แล้ว ใต้ทะเล!”

ถึงแม้พละกำลังของพวกเขาจะไม่ได้จัดว่าอ่อนแอ แต่การที่จะลงไปใต้ทะเลเพื่อตามหาเรือวิญญาณมรณะก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากอยู่พอสมควร

มู่เฉียนซีให้เสี่ยวหงและอู๋ตี้จัดการกับสัตว์ทะเลทรงพลังในทะเลนี้ก่อนจะจับมันขึ้นมา

โม่จิ่นกล่าวขึ้น “แม่นางมู่ เจ้าคงไม่คิดจะใช้สัตว์ทะเลพวกนี้ช่วยพวกเราหาหรอกนะ พวกมันหยิ่งยโสยิ่งนัก หากปล่อยพวกมันกลับไป ไม่ใช่แค่พวกมันจะไม่ช่วย แต่ข้าเกรงว่ามันจะกลับมาแก้แค้นเสียด้วย”

มู่เฉียนซี “สัตว์ทะเลที่ไม่มีเจ้านาย มันไม่มีทางเชื่อฟังคำสั่งผู้ใดง่าย ๆ หรอก แต่หากมันมีเจ้านายแล้ว เห็นทีมันคงต้องเชื่อฟังคำสั่งนายของมันอย่างหลีกหนีไม่ได้  เจ้าว่าไหมล่ะ ?”

โม่จิ่น “เจ้าหมายความว่าให้ใครสักคนทำพันธสัญญากับพวกมันงั้นหรือ ? แต่ทั้งเกาะวิญญาณมรณะแห่งนี้ไม่มีผู้ฝึกสัตว์เลย”

ผู้ฝึกสัตว์ นักปรุงยา ถึงแม้มีความผิดต้องโทษหนัก แต่ก็ไม่มีใครคิดจะทิ้งกำลังพลให้เสียเปล่าด้วยการส่งคนมาที่เกาะแห่งนี้

“ใครบอกว่าไม่มีกันเล่า” รอยยิ้มมุมปากน้อย ๆ ของมู่เฉียนซีปรากฏขึ้นมา

.