ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 384 ในแปดพิภพ ผู้ใดจะสู้มันได้?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอลอยอยู่กลางอากาศ ปรับลมปราณในร่างตัวเองอยู่เงียบๆ

ในร่างกาย ปราณวิญญาณเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งราวกับน้ำทะเล โดยไม่จำเป็นต้องกระตุ้น

หากเป็นจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตคนอื่นๆ ปราณวิญญาณที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้ร่างพังทลายได้เลยทีเดียว

มีเพียงพลังของเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้นที่ประคับประคองเอาไว้ได้ ด้วยการสลายปราณวิญญาณอย่างต่อเนื่อง แล้วดูดซับไว้ใช้เอง

เส้นชีพจรทั่วทั้งร่างเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ก่อตัวขึ้นจากกลุ่มปราณนับไม่ถ้วน เหล่ากลุ่มปราณหมุนวนไม่หยุดหย่อน ก่อนจะซึบซาบาสู่ปราณวิญญาณธาตุน้ำที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในร่างของเขา

ในวินาที่สุดท้ายที่หลอมสร้างกระบี่สัตยาทะเลมรต ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดหมุนกลับด้าน ดึงดูดปราณธาตุน้ำของมหาสมุทรในรัศมีหมื่นลี้จนแทบว่างเปล่า

พลังที่ยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทรเติมเต็มตำหนักใจกลางเมืองทะเลมรกต มอบพลังเฮือกสุดท้ายในการสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์

ในฐานะที่เป็นต้นเหตุ ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะหลบได้ทันเวลา แต่ก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อย

การฝึกปรือญาณวรยุทธ์ของตนเองให้สำเร็จ ทำให้จิตรากลายเป็นญาณ ย่างเข้าสู่ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ มิใช่เรื่องที่ทำให้สัมฤทธิ์ผลได้โดยง่าย

ทว่าตอนนี้ เมื่อปราณวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เข้าสู่ร่าง จึงยึดรากฐานของเยี่ยนจ้าวเกอให้มั่นคงอีกครั้ง

การสั่งสมพลังในร่างกายเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ขอเพียงตนเข้าใจความลี้ลับของวรยุทธ์จนถึงระดับที่แน่นอน ก็จะเลื่อนสู่ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณได้

ปราณวิญญาณธาตุน้ำที่ยิ่งใหญ่เข้าสู่ร่าง หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อของเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่อง ทำให้กล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สิ่งนี้ไม่แตกต่างกับการชำระล้างที่ผลัดขนเปลี่ยนกระดูกนัก

การชำระล้างเช่นนี้ขึ้นอยู่กับวาสนา ยากจะควบคุมให้เกิดขึ้น

นอกจากการเติบเติมปราณวิญญาณแล้ว ในตอนที่สร้างกระบี่สัตยาทะเลมรกตสำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ถึงการกำเนิดของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ด้วย กระบวนการอันลี้ลับและสั้นกระชับนั้น เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ ย่อมได้รับการทดแทน นั่นก็คือมีพลังฝึกปรือเพิ่มขึ้น ถึงกับทำลายสภาวะคอขวดได้

ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมิใช่ผู้หลอมกระบี่สัตยาทะเลมรกต แต่ว่าในตอนนี้ก็รู้สึกได้เช่นกัน

จู่ๆ ฟ้าดินพลันเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เยี่ยนจ้าวเกอพลันดึงสติกลับมา เห็นแสงไฟเหนือศีรษะแตกกระจาย

ราชันปีศาจอัคคีเฉิงฮวงที่บ้าคลั่ง สุดท้ายก็เลือกวิธีสละตัวเอง โจมตีหยวนเจิ้งเฟิงและทะเลมรกตที่อยู่ข้างใต้

น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือหยวนเจิ้งเฟิง ซึ่งสวมเสื้อคลุมนภาอยู่

มือยักษ์พลิกฟ้าพลิกดิน กักเปลวไฟที่ระเบิดขึ้นในมุมหนึ่ง เพื่อไม่ให้ส่งผลอันตรายต่อบริเวณรอบๆ

เยี่ยนจ้าวเกอทำความเคารพหยวนเจิ้งเฟิงที่อยู่กลางอากาศ “ท่านอาจารย์ ดีที่ท่านมาทันเวลา”

หยวนเจิ้งเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ไม่ ดีที่เจ้ามาต่างหาก มิเช่นนั้นต่อให้ข้ามาถึงก็คงไม่ทันกาล”

ชายหนุ่มมองทิศทางที่ซ่งอู๋เลี่ยงและอันชิงหลินตามราชันปีศาจอัคคีหายไป “อีกเดี๋ยวท่านจะไปแล้วหรือขอรับ”

หยวนเจิ้งเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยังวางใจไม่ได้ ปีศาจอัคคีที่ทะเลชั้นนอกเหมือนจะรุกเข้ามาใกล้เมืองมหานทีแล้ว ข้าต้องรีบไปดู”

ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ทางด้านเมืองมหานทีกลายเป็นสนามรบหลักแล้วจริงๆ

แต่เมื่อมีหยวนเจิ้งเฟิงที่นำเสื้อคลุมนภามาด้วย ซ่งอู๋เลี่ยงที่สู้ด้วยกระบี่สัตยาทะเลมรกต ผนวกกับหวงกวงเลี่ยที่ไปถึงที่นั่นแล้ว สมควรประคับประคองสถานการณ์ไว้ได้ อาจถึงขั้นพลิกเป็นฝ่ายโจมตีได้เช่นกัน

ถ้าหากปีศาจอัคคีไม่เพิ่มกำลังรบ พวกมันก็ยากจะชนะในสงครามนี้ได้

‘แต่ก็ควรค่าแก่การระวัง สงครามนี้โดยพื้นฐานต้องเป็นการรวมตัวกันของยอดฝีมือระดับสุดยอดทั้งหมดของมหาอำนาจแปดพิภพ ถึงจะยับยั้งการโจมตีของอีกฝ่ายได้’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ

อีกทางด้านหนึ่ง ทุกคนในเมืองทะเลมรกตก็ทำความเคารพหยวนเจิ้งเฟิงเช่นกัน ต่างขอบคุณที่เขามาช่วยเหลือ

ครั้งนี้ปีศาจอัคคีมาอย่างกะทันหัน ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการช่วยเหลือจากเขากว่างเฉิง เกรงว่าเมืองทะเลมรกตคงยากจะผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้

หลังจากหยวนเจิ้งเฟิงทำความเคารพพวกเขาตอบแล้ว ก็ไม่หยุดรั้งรีรอ มุ่งไปทางตะวันออกทันที

ทุกคนในเมืองทะเลตะวันออกเข้าใจสถานการณ์ดี แต่ว่าตอนนี้พวกเขากลับมิอาจติดตามพวกเจ้าเมือง หยวนเจิ้งเฟิง และอันชิงหลิงไปได้

ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดพังทลายลงแล้ว ตัวเมืองทะเลมรกตเองก็ประสบกับการโจมตีในระดับหนึ่ง เรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องได้รีบจัดการ

ไม่เช่นนั้นหากมีอันตรายร้ายแรงมาอีก เมืองทะเลมรกตย่อมต้องพังทลายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

โดยเฉพาะตอนนี้ปีศาจอัคคีบางพวกสามารถหลบรอดสายตาของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ในระดับเดียวกันได้ แอบเคลื่อนไหวอย่างเป็นความลับ เพราะเหตุผลบางประการ

สถานการณ์ในปัจจุบันของเมืองทะเลมรกต ซ่งอู๋เลี่ยงออกไปด้านนอก ถ้าหากว่าพลิกกลับเป็นถูกสังหาร เช่นนั้นคงจะสนุกแน่

แต่นอกจากราชันปีศาจสองตัวที่หนีไปแล้ว ในน่านน้ำที่อยู่ใกล้เมืองทะเลมรกตก็ยังมีปีศาจอัคคีตัวอื่นอยู่เช่นกัน ในจำนวนนี้มียอดฝีมือระดับจ้าวปีศาจอัคคีอยู่ด้วย จำเป็นต้องให้พวกผู้เฒ่าอวี๋จัดการพวกมัน

ซ่งเฉามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ศิษย์น้องเยี่ยน ต่อจากนี้เจ้าคิดจะทำอะไร”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ข้าจะไปที่เมืองมหานทีเช่นกัน จะลองทำความเข้าใจปีศาจอัคคีอีกครั้ง ยิ่งเข้าใจในตัวพวกมันเท่าไร ก็ยิ่งรับมือได้ง่ายเท่านั้น”

“แม้ข้าจะเข้าไปในสนามต่อสู้หลักของท่านอาจารย์ ท่านเจ้าเมืองซ่ง และผู้คุมหออันไม่ได้ แต่ยังมีปีศาจอัคคีตัวอื่นอีก”

ซ่งเฉากล่าว “เสียดายที่ข้าไปกับเจ้าไม่ได้ ทว่าหากจัดการเรื่องที่นี่เสร็จ ลูกศิษย์สำนักข้าจะไปที่แนวหน้าเมืองมหานทีด้วย ตอนนั้นอาจจะได้พบกันอีก”

ชายหนุ่มพลันพยักหน้า “หากเป็นเช่นนั้น เดี๋ยวเราคงได้พบกันขอรับ”

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอจากไป ทุกคนในเมืองทะเลมรกตต่างมองหน้ากันเอง ขณะที่ซาบซึ้งและชมเชย สีหน้าก็ค่อยๆ กลายเป็นซับซ้อน

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งถอนใจ ทวนคำพูดที่ตนเคยกล่าว “หากผ่านไปอีกหลายปี ในมหาอำนาจแปดพิภพนี้ จะมีผู้ใดจะสู้กับเขาได้”

มีคนมองซ่งเฉาที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วง

ซ่งเฉากลับมีใบหน้าเรียบเฉย สั่นศีรษะ “ข้าคงไม่ไหว”

ทุกคนถอนใจกันอีกครั้ง

ผู้อาวุโสวัง ผู้อาวุโสระดับหนึ่ง ผู้จัดการเรื่องส่งเยี่ยนจ้าวเกอฝ่าวงล้อมไปก่อนหน้า กล่าวด้วยพลางยิ้มเฝื่อน “มองปัญหาอีกมุมหนึ่งเถอะ พวกเราสมควรดีใจมากกว่าที่คนเช่นนี้ถือกำเนิดขึ้นที่เขากว่างเฉิง ไม่ใช่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”

คนอื่นได้ยินดังนั้น ต่างยิ้มเฝื่อนเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอจากไปครั้งนี้ ไม่ได้อันตรายเหมือนการฝ่าวงล้อมก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นนอกจากตัวเขาเอง ยังมีคนผู้หนึ่งอยู่ด้วย นั่นก็คือซือคงจิงที่ก่อนหน้านี่อยู่ในเมืองทะเลมรกต

บนเรือบินเหยียบคลื่นที่เมืองทะเลมรกตจัดเตรียมไว้ให้ เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ครั้งนี้ความรุนแรงที่ปีศาจอัคคีบุกเข้ามาในแปดพิภพร้ายแรงกว่าที่คาดไว้ ทำให้ศิษย์น้องซือคงเสี่ยงอันตรายเสียแล้ว”

การฝ่าวงล้อมเพื่อดึงดูดความสนใจของราชันปีศาจอัคคีก่อนหน้านี้ ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะเตรียมแผนไว้พร้อมสรรพ แต่ก็ต้องเสี่ยงอันตราย

ถ้าไม่ใช่เพราะราชันปีศาจอัคคีที่มีระดับเทียบเท่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ขั้นสองมาถึง ความจริงแล้วซือคงจิงรออยู่ที่เมืองทะเลมรกตย่อมปลอดภัยกว่า

แต่ได้ยินว่าที่เมืองมหานทีมีราชันปีศาจที่มีพลังเช่นนี้ เข้าสู่มหาอำนาจแปดพิภพไม่น้อยกว่าหนึ่งตัว เยี่ยนจ้าวเกอคิดว่าสถานการณ์ที่เมืองทะเลมรกต กลับอันตรายยิ่งกว่า

ซือคงจิงสั่นศีรษะ “ศิษย์พี่เยี่ยนพูดอะไรเช่นนั้น ข้าเพียงรู้สึกถึงความอ่อนแอและความไร้พลังของตัวเองอีกครั้ง มิอาจทำตัวมีประโยชน์ในสถานการณ์อันตรายเช่นศิษย์พี่เยี่ยนได้”

“ส่วนเรื่องปีศาจอัคคีโจมตีเมืองทะเลมรกต ผู้ใดก็คาดคิดไม่ถึง”

เยี่ยนจ้าวเกอมองน่านน้ำที่อยู่ไกลออกไป แววตาหม่นลงเล็กน้อย “ไม่มีใครคาดคิด…เลยหรือ”