บทที่ 939 อยากแต่งงานกับใคร / บทที่ 940 เจ้านาย ช่วยด้วย!

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 939 อยากแต่งงานกับใคร

เยี่ยหวันหวั่นเองก็จนใจ เธอไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายไปกี่ครั้งแล้ว ทำไมทุกคนเอาแต่คิดว่าเธอลืมกู้เยว่เจ๋อไม่ได้?

ถ้าไม่ใช่ว่านานๆ ครั้งเขาจะโผล่หน้ามาให้เห็น เธอแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำเถอะว่าคนคนนี้เป็นใคร

สีหน้าของเยี่ยมู่ฝานดูสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เขาจำได้ขึ้นใจว่าในอดีตน้องสาวเคยหลงรักกู้เยว่เจ๋อหัวปักหัวปำขนาดไหน

เยี่ยหวันหวั่นอธิบายอย่างเบื่อหน่าย “จริงๆ นะ ฉันไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอก…”

เยี่ยมู่ฝานได้ยินอย่างนั้นก็ถามว่า “ถ้างั้นแกบอกพี่มา อนาคตแกอยากแต่งงานกับผู้ชายแบบไหน?”

เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยน้ำเสียงสื่อว่าแน่อยู่แล้ว “ฉันก็ต้องอยากแต่งงานกับแฟนฉันน่ะสิ!”

เยี่ยมู่ฝานถลึงตาจ้องหน้าเธอ “แกช่วยพูดแบบมีอุดมคติหน่อยได้ไหม ช่วยมาตรฐานสูงหน่อยเถอะ ไหนบอกมาซิว่าผู้ชายในอุดมคติที่แกอยากแต่งงานด้วยเป็นแบบไหน! ไม่ว่าแกอยากได้แบบไหน อนาคตพี่จะช่วยให้สมหวังให้ได้!”

“อืม…ผู้ชายในอุดมคติของฉันเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นแกล้งทำท่าทางขบคิด

เยี่ยมู่ฝานพยักหน้า “ใช่! ไม่ว่าจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น!”

คำพูดนี้ไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด ถ้าเขาชิงตระกูลเยี่ยกลับมาได้ ด้วยคุณสมบัติของน้องสาวเขา หากอยากเลือกคุณชายน้อยจากบ้านไหนมาจะไม่ได้เชียวหรือ?

เยี่ยหวันหวั่นคิดอยู่นาน สุดท้ายท่ามกลางสายตารอคอยของเยี่ยมู่ฝาน เธอก็ตอบว่า “อ้อ…ถ้างั้นก็ซือเยี่ยหานแล้วกัน!”

เยี่ยมู่ฝานเงียบงัน

เอ่อ…

เยี่ยมู่ฝานโดนสวนจนปากกระตุก อึ้งไปนานก็ยังพูดไม่ออก

เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว “ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย?”

เยี่ยมู่ฝานกลืนน้ำลาย ตบไหล่น้องสาวตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงหวังดีว่า “น้องพี่เอ๋ย พี่ว่าแกควรจะแยกแยะให้ออกระหว่างอุดมคติกับความฝันนะ…รีบกลับบ้านไปอาบน้ำนอนเถอะ อ๊า!”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกแล้ว

……

ก่อนกลับ เยี่ยหวันหวั่นแวะไปซูเปอร์มาร์เก็ตก่อน

ตอนแรกแค่ตั้งใจจะซื้อเสื้อผ้าสองสามชุดกลับไปให้ถังถังเปลี่ยนใส่ ปรากฏว่าเผลอแป๊บเดียวเธอก็ซื้อของมาเยอะ ตั้งแต่แปรงสีฟันจนถึงแก้วน้ำ ชุดนอน ของเล่น แล้วยังมีผ้าปูเตียงกับผ้าม่านในบ้านอีก ขอแค่เป็นของน่ารักๆ ก็อดใจซื้อไม่ได้เลย…

สุดท้ายขนของไม่ไหว จึงทำได้แค่ให้พนักงานส่งของส่วนที่เหลือไปตามที่อยู่ของเธอ

คฤหาสน์กุหลาบ

ทหารรับจ้างห้าคนกำลังยืนเรียงแถวกันตัวสั่นงันงก

บนโซฟาด้านหน้า เนี่ยถังเซียวนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ในมือถือเอกสารปึกหนึ่งไว้ มีรังสีน่ากลัวที่ช่างไม่เข้ากับอายุแผ่อยู่รอบตัวของเขา

“น่าเสียดายมาก คุณสมบัติของพวกคุณทั้งห้าคน ไม่มีใครผ่านมาตรฐานเลยสักคนเดียว”

ห้าคนที่ยืนกันอยู่ตรงนั้นไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

เอกสารในมือของเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าบันทึกรายละเอียดประวัติความเป็นมาของพวกเขาทุกคนเอาไว้ ทั้งความสามารถพิเศษและทักษะต่างๆ กระทั่งทุกภารกิจที่พวกเขาได้รับตั้งแต่เป็นทหารรับจ้างมา…

เรื่องเหล่านี้เป็นข้อมูลลับสุดยอดที่แม้แต่องค์กรข่าวกรองระดับโลกก็ยังหามาไม่ได้

ทั้งห้าคนมีสีหน้าร้อนรน ถ้าหากไม่มีเจ้านายคอยคุ้มครอง พวกเขาต้องถูกไล่ล่าอีกแน่

“พะ…พวกเรารู้ดีว่าไม่มีคุณสมบัติอยู่ข้างกายเจ้านาย…ตะ…แต่ว่าพวกเราจะพยายาม…”

“ผมก็ด้วย ผมก็ด้วยครับ!”

เนี่ยถังเซียวดันสมุดปกดำมาตรงหน้าพวกเขา “นี่คือตารางฝึกของพวกคุณ ถ้าภายในสามเดือนยังทำให้ผมพอใจไม่ได้ จะมีคนอื่นเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของพวกคุณ”

ทั้งห้าคนรีบหยิบสมุดปกดำขึ้นมา ปรากฏว่าพออ่านจบก็แทบจะเป็นลม

พอเห็นตัวหนังสือสีทองขนาดใหญ่สี่ตัวนั้นแล้ว ดวงตาของเจ้าอ้วนแทบถลนออกจากเบ้า “ฉิบหาย! นี่ฉันกำลังเห็นอะไรเนี่ย…”

———————————————————–

บทที่ 940 เจ้านาย ช่วยด้วย!

“หือ โรงเรียนชื่อเยี่ยนคืออะไร?” เจียวเจียวจ้องตัวหนังสือสีทองบนสมุดปกดำ พึมพำอย่างไม่เข้าใจ

เหล่าเจียงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจียวเจียว เธอยังอายุน้อย อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าฉันจำไม่ผิด โรงเรียนชื่อเยี่ยนก็คือหนึ่งในสามสุดยอดโรงเรียนฝึกทหารรับจ้างของโลก ถังหลงจบมาจากที่นั่น ทหารรับจ้างที่ผ่านการฝึกปีศาจของโรงเรียนชื่อเยี่ยนมาได้ล้วนเป็นทหารรับจ้างเกรด A ขึ้นไปทั้งนั้น…”

ซ่งเฉียงกลืนน้ำลาย “ละ…ล้อเล่นหรือเปล่า! สามเดือน จะทำสำเร็จได้ยังไง…”

บนโซฟา เนี่ยถังเซียวบอกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “นี่ยังไม่ใช่การฝึกขั้นสูงสุด เป็นแค่ระดับเริ่มต้นเท่านั้น”

ถังปินทำหน้าหวาดกลัว “ระ…ระดับเริ่มต้นก็น่ากลัวมากเหมือนกันเถอะ…”

ด้วยระดับฝีมือของพวกเขาห้าคน ไม่แน่ว่าแม้แต่การสอบเข้าก็อาจไม่ผ่านด้วยซ้ำ

ภายในสามเดือนต้องพัฒนาฝีมือให้เทียบเท่ากับระดับเริ่มต้น นี่มันจะฆ่ากันชัดๆ!

ในตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางประตู

“ฉันกลับมาแล้ว ช่วยฉันถือของหน่อยสิ!”

เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นกลับมา คนทั้งห้าเหมือนเห็นนางฟ้าก็ว่าได้ รีบพุ่งตัวไปหาเจ้านายตัวเองด้วยความดีใจประหนึ่งนกน้อย บ้างช่วยถือของ บ้างช่วยถอดรองเท้า แม้แต่น้ำผลไม้ก็พร้อมเสิร์ฟถึงที่เลยทีเดียว…

“เจ้านาย กลับมาแล้วเหรอ!”

“เจ้านาย เหนื่อยแย่เลย!”

“ยินดีต้อนรับเจ้านายกลับบ้าน!”

เยี่ยหวันหวั่นถูกพวกเขาห้อมล้อมจนงุนงง ทำไมวันนี้จู่ๆ ก็กระตือรือร้นกันขนาดนี้ล่ะ?

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้คิดอะไรมาก ถามถึงเนี่ยถังเซียวก่อนเป็นอันดับแรก “วันนี้ถังถังอยู่บ้านเป็นยังไงบ้าง เขาอยู่คนเดียวมีกลัวหรือไม่ชินบ้างไหม?”

ทั้งห้าคนพร้อมใจกันเงียบไปสามวินาที จากนั้นก็ส่ายหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง “มะ…ไม่เลย…”

“จริงเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างไม่ค่อยวางใจ

ทั้งห้าคนพยักหน้ารัวๆ “จริงครับ/ค่ะ! จริงแท้แน่นอนเลยครับ/ค่ะ!”

คนที่กลัวและไม่ชิน…คือพวกเขาต่างหากล่ะ ฮือออออ…

เยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนรองเท้า แล้วเดินไปที่ห้องรับแขก

“ถังถัง แม่กลับมาแล้ว!”

เด็กน้อยรีบวางของที่อยู่ในมือลงแล้วเดินไปหาเยี่ยหวันหวั่น ยืนแหงนมองอยู่ข้างหน้าเธอ ดวงตาสุกสกาวเหมือนมีดวงดาว “แม่ครับ!”

เยี่ยหวันหวั่นใจอ่อนยวบทันทีเพราะสายตาของเด็กน้อย เธอย่อตัวลงลูบหัวเด็กชาย “วันนี้ถังถังอยู่บ้านเป็นเด็กดีหรือเปล่า?”

เด็กน้อยทำตัวเหมือนสิ่งมีชีวิตขนฟู หรี่ตาพลางดุนศีรษะกับฝ่ามืออบอุ่นของผู้เป็นแม่ จากนั้นก็พยักหน้าแรงๆ “ครับ!”

เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกได้อย่างชัดเจน ความจริงเมื่อวานเด็กน้อยยังไม่ค่อยชิน แต่วันนี้สนิทกับเธอขึ้นมากแล้ว การค้นพบนี้ทำให้เธอยิ่งใจอ่อนกว่าเดิม

นี่สินะที่เขาเรียกว่าสายสัมพันธ์ทางสายเลือด…

เอ๊ะ ไม่ใช่สิ!

เธอลืมตัวอีกแล้ว เธอไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเขาสักหน่อย!

หน้าประตู ห้าคนนั้นยืนจ้องเจ้าหนูที่เชื่องเหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อยตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น…

“ขอโทษด้วยนะ แม่กลับบ้านช้า”

ขณะเยี่ยหวันหวั่นพูด หางตาเหลือบไปเห็นสมุดปกดำที่เขียนไว้ว่า ‘โรงเรียนชื่อเยี่ยน’ จึงถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “นี่อะไรน่ะ?”

เด็กน้อยตอบว่า “เป็นการบ้านครับ”

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “อ้อ เป็นการบ้านเหรอ ถังถังตั้งใจดีจริงๆ! ให้แม่ช่วยสอนไหมจ๊ะ?”

เด็กน้อยหันไปมองห้าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก่อนบอกว่า “ไม่ต้องหรอกครับ คุณแม่ทำงานเหนื่อยแล้ว พวกพี่ๆ จะสอนผมเอง!”

เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกตื้นตันขึ้นมาทันที “ก็ได้จ้ะ ถังถังรู้จักเอาใจใส่ดีจัง!”

ห้าคนที่ยืนขมขื่นอยู่ตรงหน้าประตูนิ่งเงียบ

เจ้านาย ช่วยด้วย…

นี่เป็นการบ้านก็จริง! แต่เป็นการบ้านของพวกเขาโดยเฉพาะต่างหากล่ะ!

แต่จนใจ เจ้านายของพวกเขาไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของพวกเขาเลยสักนิด เดินจูงมือกระต่ายน้อยขึ้นไปชั้นบนแล้ว

“ถังถัง มานี่ แม่ซื้อชุดนอนน่ารักๆ มาให้ลูกเยอะเลย แม่จะพาลูกไปดูว่าชอบหรือเปล่า!”

“ได้ครับคุณแม่!”

…………………………….