บทที่ 352 ผมจะรอคุณ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“จากท่าทีในการขอยืมเงินของพวกคุณ ผมมั่นใจได้เลยว่า ถึงจะยืมเงินให้พวกคุณจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้คืน!”

คำพูดของเย่เทียน พูดแทนใจของสองแม่ลูกอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่ก็เป็นแผนของทุกคนที่อยู่ที่นี่ พวกเขาไม่เคยคิดที่จะคืนเงินหลังจากยืมมันไป

ครอบครัวของหยูฝานรวยแล้ว พวกเขาแค่อิจฉาตาร้อน และต้องการแบ่งเงินในนามของการยืมเงิน

ณ ขณะนั้น ไม่ต้องพูดถึงหยูเต๋อยี่ แม้แต่คนอื่นๆที่ต้องการเอาเปรียบก็พูดไม่ออกสักคำ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เย่เทียนด้วยสายตาที่โกรธจัด ราวกับว่าพวกเขาต้องการกลืนกินเขาทั้งเป็น

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเย่เทียนกล้าที่จะยืนออกมา แล้วเขาจะแคร์สายตาอาฆาตของพวกเขาได้อย่างไรล่ะ?

“ท่าทีของพวกคุณในการยืมเงิน มันไม่ต่างจากการแย่งเงินเลยนะ!”

“ที่น่าขยะแขยงกว่านั้นคือ พวกคุณยังไปแย่งเงินของญาติ ผมสงสัยจริงๆว่าใจของพวกคุณมันดำไปหมดแล้ว!”

ไม่ว่าหยูฝานจะเป็นเด็กดีแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็นวัยรุ่นที่อายุยังน้อย เห็นเย่เทียนซึ่งเป็นคนนอกก็กล้าที่จะก้าวออกมา เขาจะนิ่งเงียบได้อย่างไร

“วันนี้ ผมขอประกาศไว้ที่นี่ ไม่ว่าพวกคุณจะพูดดีแค่ไหน ถ้าพวกคุณต้องการเงิน เว้นแต่พวกคุณจะฆ่าผม!”

คนมายืมเงินอย่งกับพี่ใหญ่ แต่คนให้ยืมกลับเหมือนกับลูกน้อง ทำไมต้องให้ยืมด้วยล่ะ? ถ้าให้ยืมจริงๆ มันต่างอะไรกับคนโง่?

“เก่งนักมึงก็พูดอีกครั้งซิ!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หยูเต๋อยี่ก็กลับมารู้สึกตัวและจ้องไปที่หยูฝานด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

“แม้ว่าคุณต้องการให้ผมพูดอีกพันครั้ง หมื่นครั้ง ผมก็จะพูดแบบนี้!”

หยูฝานผู้ซึ่งถูกปลุกเร้าด้วยเลือดเนื้อไม่ต้องการน้อยหน้า และจ้องไปที่หยูเต๋อยี่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ต้องการเงินไม่มี ต้องการฆ่าก็มา!”

ทัศนคติที่แข็งของหยูฝาน ทำให้หยูเต๋อยี่ทำอะไรไม่ถูกในทันใด เขาเป็นเพียงนักเลง ให้กลั่นแกล้งผู้อ่อนแอเขาไม่มีความกดดันใดๆ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะฆ่าคนจริงๆ!

ตอนนี้ หยูฝานได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขาตั้งใจที่จะไม่ให้ยืมเงิน จะฆ่าเขาจริงๆก็ไม่ใช่ใช่ไหม?

“เป็นเพราะไอ้เด็กเวรนั่นแหละที่ออกมาวุ่นวาย วันนี้กูจะทำให้มึงรู้ว่า คนที่ชอบมายุ่งเรื่องคนอื่นไม่มีจุดจบที่ดี!”

หยูเต๋อยี่ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห และสายตาของเขามองไปที่เย่เทียนผู้กระทำผิดก็ไร้ความปราณี

เขายอมรับว่า เขาพูดไม่เก่งเหมือนเย่เทียน

เพราะยังไงแล้ว เย่เทียนยืนอยู่บนคำว่า “เหตุผล” และเขาคือผู้แพ้ไม่ว่าจะไปที่ไหน

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อใช้คำพูดไม่ได้ ใช้กำลังก็ไม่แน่!

เดิมที อาจทำเงินได้ก้อนใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียน หยูฝานจะกล้าทำแบบนี้ไหม? เขาจะไม่โกรธได้ไงล่ะ?

“คุณเนี่ยนะ?”

เย่เทียนหรี่ตามองหยูเต๋อยี่ด้วยความดูถูก เบะปากของเขาและพูดว่า”อย่าบอกว่าแค่คุณคนเดียว เลย แม้ว่าพวกคุณจะลงมือพร้อมกัน ก็ไม่สามารถสู้กับผมได้เป็นเวลาสามนาที!”

“แหม คุณนี่มันหยิ่งจริงๆ!”

หยูเต๋อยี่โกรธมากจนหัวเราะออกมา พับแขนเสื้อขึ้นและเยาะเย้ย “จะบอกให้นะ กูป็นราชาตัวต่อตัวที่มีชื่อเสียงในพื้นที่แห่งนี้ สยบมึงก็เหมือนเล่นๆ!”

ทันทีที่คำพูดหายไป หยูเต๋อยี่ก็กระโดดออกไปทันทีและเริ่มทำท่าจะต่อสู้

“เถ้าแก่เย่!”

ป้าหยูฝานตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งนี้ เธอคิดไม่ถึงว่าหยูเต๋อยี่จะลงมือทันทีหลังจากพูดไม่ถูกคอกัน และเธอก็อดอุทานไม่ได้ในขณะนั้น

หยูฝานยิ่งไม่อ้อมค้อม หันกลับมาโดยไม่พูดอะไร และวิ่งเข้าไปในบ้าน อยากจะไปที่ห้องครัวเพื่อเอามีดออกมา

ไม่ว่ายังไง เย่เทียนก็มีบุญคุณต่อเขา ให้เงินเขาก่อน แล้วก็รักษาแม่ของเขา จะให้เรื่องในวันนี้ส่งผลต่อเขาได้อย่างไร?

คนที่อายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี มันเป็นช่วงเวลาที่ดื้อและไม่ยอมใคร หยูฝานแอบคิดในใจว่าแม้ว่าเขาจะฆ่าใครซักคนในวันนี้ เขาก็จะไม่มีวันให้เย่เทียนได้รับบาดเจ็บ!

สำหรับผู้ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกับหยูเต๋อยี่ พวกเขาถอยกลับโดยปริยาย เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับหยูเต๋อยี่

เช่นเดียวกับหยูเต๋อยี่พวกเขามีความเกลียดชังอย่างมากต่อเย่เทียน อีกอย่างไม่ใช่พวกเขาเป็นคนออกตัว ทำไมจะไม่ให้เรื่องเป็นแบบนี้ล่ะ?

“นี่คุณเล่นลิเกเหรอ?”

เมื่อเห็นหยูเต๋อยี่ทำเหมือนสมัยโบราณ ต้องโพสท่าก่อนการต่อสู้ เย่เทียนส่ายหัว ความดูถูกก็เผยในมุมปากของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ตามคำกล่าวที่ว่า สุนัขที่กัดคนไม่เห่า สุนัขที่เห่าไม่กัดคน

ถ้าหยูเต๋อยี่เป็นอย่างที่เขาพูด เขาเป็นที่รู้จักในนามราชาสู้อย่างตัวต่อตัวในพื้นที่นี้ คาดว่าเป็นเพราะเขายังไม่เคยเจอคนที่เอาเรื่องเขาจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขายังจะสามารถอยู่ที่นี่และหยิ่งผยองแบบนี้ได้ยังไง

“ล้มลงไปเถอะ!”

หยูเต๋อยี่ที่กำลังโพสท่าได้ยินคำพูดนั้น ตัดสินใจและพุ่งไปที่เย่เทียน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาวิ่งไปหาเย่เทียนที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งเมตร และกำลังจะลงมือ ดวงตาของเขาก็มืดลงอย่างกะทันหัน และรูม่านตาของเขาก็หดตัวลงโดยไม่รู้ตัว

มันคือฝ่ามือ!

หยูเต๋อยี่มองเห็นได้ชัดเจน เขาต้องการจะหลบ แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถตอบสนองได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูฝ่ามือที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ผัวะ!

เสียงตบที่คมชัดดังขึ้น เย่เทียนตบหยูเต๋อยี่และบินออกไป ล้มลงอย่างหนักต่อหน้าญาติๆที่กำลังดูความสนุกอยู่

“หา!”

ในเวลานี้ หยูเต๋อยี่เพิ่งรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แก้มของเขา และอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคร่ำครวญที่น่าสังเวชออกมา

เห็นเพียงแก้มขวาของเขาบวมเพราะการตบของเย่เทียน มีรอยนิ้วมือสีแดงชัดเจนห้านิ้วถูกพิมพ์ลงบนแก้ม

เงียบ! เงียบกริบ!

ญาติเหล่านั้นตะลึงมากจนยืนนิ่งอยู่ที่นั่น และไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงหยูเต๋อยี่

แม้ว่าหยูเต๋อยี่จะไม่มีความสามารถแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็นผู้ชายที่แข็งแรง อย่างน้อยเขาต้องหนักเจ็ดแปดสิบโล แต่เขาถูกเย่เทียนตบจนบินออกไป มันต้องมีพลังมากแค่ไหน?

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขารู้สึกเพียงดวงตาพร่ามัว หยูเต๋อยี่ก็บินออกไป และพวกเขามองไม่เห็นว่าเย่เทียนลงมืออย่างไร นี่ความเร็วมันต้องเร็วแค่ไหนกัน?

น่ากลัว! มันน่ากลัวมาก!

ชั่วขณะหนึ่ง ญาติเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และมีแววตาหวาดกลัวเมื่อมองไปยังเย่เทียน!

หยูฝานออกมาจากครัวพร้อมกับมีดในเวลานี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะเห็นฉากดังกล่าว เขาจึงตะลึงงงอยู่ที่เดิม

สถานการณ์คืออะไร? หยูเต๋อยี่ต้องการชกต่อยเย่เทียนไม่ใช่เหรอ? เขาล้มลงได้อย่างไร?

“ความสามารถแค่นี้ของคุณ ยังมีหน้ามาอ้างว่าเป็นราชาตัวต่อตัว?”

“บอกว่าคุณหาเรื่องใส่ตัวคุณยังไม่เชื่อ ต้องให้คนอื่นทุบตีคุณ ต่ำทรามจริงๆ!”

เย่เทียนไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาคิด มองไปที่หยูเต๋อยี่ซึ่งนอนอยู่บนพื้นและร้องโหยหวน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

เมื่อหยูเต๋อยี่ได้ยินคำพูดนี้ เกือบจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนในขณะที่จับแก้มร้อนๆ มองที่เย่เทียนด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองอย่างยิ่ง

“ไอ้หนู อย่าคิดว่ากูจะจัดการมึงไม่ได้!”

หยูเต๋อยี่หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าของเขา กดหมายเลขแล้วเริ่มพูดคุย

เขาพูดภาษาถิ่นของหมู่บ้านในชนบทที่จ๊กกลาง เย่เทียนไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

อย่างไรก็ตาม เย่เทียนสามารถมั่นใจได้ว่า จากท่าทีของหยูเต๋อยี่ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหาคนมาช่วย

“โอเค! ผมจะรอดูว่าคุณมีความสามารถแค่ไหน! ผมจะรอคุณ!”

เย่เทียนพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้านและไม่ใส่ใจ…