บทที่ 370 จบความสัมพันธ์

The king of War

หวางเยี่ยนก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอใช้เวลาสักพักกว่าจะตั้งสติได้ แต่ในขณะที่เธอกำลังจะรับการ์ดของหยางเฉินมา เฉินอิงเหาก็เข้ามาหยุดเธอไว้

“คุณหยางครับ คุณมาช้อปปิ้งในเมืองเทียนฝู่ ผมจะเก็บเงินคุณได้ไงครับ?”

เฉินอิงเหารีบพูดต่อ “อย่าว่าแต่แค่กำไลราคายี่สิบกว่าล้านคู่นี้เลยครับ ต่อให้เป็นของโบราณราคาร้อยล้าน ขอแค่คุณต้องการ เมืองเทียนฝู่ของเราก็จะเก็บเงินคุณไม่ได้นะครับ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินอิงเหา สวุเจียถึงกับอ้าปากค้าง เธอมองไปที่หยางเฉินอย่างเหลือเชื่อแล้วพึมพำในปาก “มันเป็นไปได้ไง?”

“ถึงตอนนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? เขาไม่ใช่ไอ้จ้อนกระจอกที่คุณคิด แต่เขาเป็นคนที่มีภูมิหลังที่ใหญ่ค้ำฟ้าไงเล่า!”

ถังคุนขึ้นเสียงกับสวุเจีย “เพราะคนโง่อย่างคุณไง มีตาหามีแววไม่ ตามความสัมพันธ์ของคุณกับผู้หญิงคนนั้น คุณชายเหาต้องปฏิบัติต่อพวกเราเหมือนพวกเขาอยู่แล้ว”

ลูกค้ารอบ ๆ ก็จ้องมองเช่นกัน

คนที่สามารถใช้จ่ายในนี้ ล้วนเป็นเหล่าเศรษฐีจากทุกเมืองในมณฑลเจียงผิง และหลังจากตระกูลเฉินกลายเป็นตระกูลเดอะคิงในเมืองโจวเฉิง ข้อมูลของคนสำคัญในตระกูลเฉินก็เป็นที่รู้จักของเหล่าเศรษฐีกลุ่มนี้มานานแล้ว

พูดได้อีกนัยหนึ่งคือ นอกจากสามตระกูลยักษ์ใหญ่แล้ว ตระกูลเฉินก็ถือว่าเป็นตระกูลที่มีสถานะสูงสุดในมณฑลเจียงผิง

และในฐานะทายาทรุ่นที่สามของตระกูลเฉิน หัวหน้าครอบครัวของเหล่าเศรษฐีคนดังที่เห็นเฉินอิงเหายังต้องโค้งคำนับเขาด้วยความให้เกียรติ

แต่ตอนนี้ เฉินอิงเหาผู้ซึ่งเป็นที่เคารพของเหล่าเศรษฐีกลับแสดงความเคารพนับถือต่อชายหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งตัวธรรมดาๆ

“คุณหยางรับไว้เถอะนะคะ!”

หวางเยี่ยนที่มีไหวพริบที่ดีก็เริ่มพูดแทนเฉินอิงเหา

เธอรู้ดีว่าเฉินอิงเหาอยากมอบกำไลคู่นี้ให้กับหยางเฉินมากแค่ไหน

“ใช่ครับคุณหยาง ถ้าคุณปู่ผมรู้ว่าผมกล้าเก็บเงินของคุณในเมืองเทียนฝู่ ผมต้องถูกหักแขนหักขาแน่เลยครับ”

เฉินอิงเหารีบอ้อนวอน

คำพูดนี้ก็ยิ่งทำให้ทุกคนต้องตกใจ

ฟังจากน้ำเสียงแล้ว แม้แต่หัวหน้าครอบครัวตระกูลเฉินยังต้องให้เกียรติหยางเฉินคนนี้?

ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเฉินอิงเหาแทบจะต้องขอร้องหยางเฉินให้รับกำไลคู่นี้ไว้

หยางเฉินยิ้มและส่ายหัวเบาๆ “กำไลคู่นี้ผมจะมอบให้คนของผมเป็นของขวัญ เดี๋ยวมันจะไม่มีความหมายนะครับ”

เมื่อฟังคำอธิบายของหยางเฉิน เฉินอิงเหาถึงรู้ตัวและไม่กล้าห้ามอีก เขาจึงรีบพูดว่า “หวางเยี่ยน ในเมื่อคุณหยางพูดขนาดนี้แล้ว คุณก็ทำตามที่คุณหยางพูดเลยนะ!”

“ค่ะ!”

จากนั้นหวางเยี่ยนถึงกล้ารับบัตรทองดำของหยางเฉินและรีบไปจัดการทันที

“คุณหยางคะ กำไลใส่กล่องเรียบร้อยแล้วค่ะ”

หวางเยี่ยนถือกล่องของขวัญเล็ก ๆ สองกล่องแล้วมอบให้กับหยางเฉินอย่างระมัดระวัง

แต่หยางเฉินก็หยิบกำไลหยกสีแดงออกมาแล้วมองไปที่ฉินยีอย่างนุ่มนวล “กำไลข้อมือนี้มอบให้คุณนะครับ!”

โดยที่ไม่รอให้ฉินยีตั้งตัว หยางเฉินก็จับมือของเธอต่อหน้าสาธารณะแล้วสวมกำไลข้อมืออันล้ำค่านี้ให้กับเธอ

“อื้ม เหมาะกับคุณดีนะ!”

หยางเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“ว้าว! ซื้อให้แฟนสาวนี่เอง!”

“คนสวยคนนี้โชคดีจัง ที่มีแฟนดีๆ แบบนี้!”

“นั่นสิ เอาซะฉันอยากไปทำศัลยกรรมที่ประเทศไทยเลย”

“คุณทำศัลยกรรมมาก็เท่านั้น คุณหยางไม่มีวันชอบคุณหรอก”

……

ผู้คนรอบๆ มองที่ฉินยีด้วยความอิจฉา

เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงแต่สวุเจียกับถังคุนเท่านั้นที่เข้าใจความสัมพันธ์ของหยางเฉินกับฉินยีผิด แต่ลูกค้าเหล่านั้นก็เข้าใจผิดด้วยเช่นกัน

เฉินอิงเหารู้สถานะของฉินยีดี นัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉาและแอบคิดในใจว่า “สมเป็นคุณหยางจริงๆ เอาทั้งพี่ทั้งน้อง! ประเด็นคือ สองพี่น้องนี้สวยทั้งคู่อีกด้วย!”

ถ้าหากหยางเฉินรู้ความคิดของเขา เขาต้องถูกอัดจนร่วงแน่

เพราะหลังจากที่เห็นกำไลข้อมือคู่นี้ สายตาของฉินยีเธอก็ไม่อาจขยับไปไหนได้อีก

แม้แต่หานเฟยเฟย หยางเฉินยังซื้อสร้อยข้อมือที่มีมูลค่าหลักสิบล้านให้เธอเลย แล้วนับประสาอะไรกับฉินยีล่ะ

ในสายตาของหยางเฉิน ฉินยีก็คือน้องแท้ๆ ของเขา แล้วมันผิดตรงไหนที่เขาจะซื้อกำไลข้อมือให้กับน้องสาวแท้ๆ ของเขา?

ฉินยีได้ยินเสียงซุบซิบของทุกคน ในเวลานี้ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เริ่มแดงขึ้น และดวงตาที่มองหยางเฉินก็เริ่มชุ่มชื้นขึ้นเล็กน้อย

หยางเฉินยิ้มพูดว่า “ส่วนอีกวงเอากลับไปให้เสี่ยวซีนะ หยกแดงและหยกเขียว เหมาะกับพวกเธอสองพี่น้องจริงๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ความหนักใจของฉินยีก็หายไป

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มีเสน่ห์มาก เขาเป็นสเปคในฝันของเธอเลย แต่เขากลับเป็นพี่เขยของเธอ

เรื่องนี้ฉินยีเข้าใจดี

ถึงกระนั้น ในเวลานี้หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าหยางเฉินคนนี้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอไปแล้ว

สวุเจียที่รู้สึกหมดหวังได้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนล้อมรอบไว้

ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่า ตั้งแต่แรกที่เธอเจอฉินยี เธอคุยโวว่าคู่หมั้นของเธอดีแค่ไหน และคู่หมั้นของเธอดีต่อเธอแค่ไหน

แต่ในตอนนี้ สามีที่สมบูรณ์แบบในใจเธอกลับทอดทิ้งเธอต่อหน้าสาธารณะ และยังบอกกับเธอต่อหน้าทุกคนว่าของขวัญที่เคยมอบให้เธอเป็นแค่ของก็อปเกรดเอที่มีราคาไม่เกินหลักพันเท่านั้น

ส่วนฉินยีในตอนนี้กลับสะดุดตาทุกคนเหมือนเจ้าหญิงคนหนึ่ง

ผู้ชายของเธอสถานะสูงส่ง แม้กระทั่งคนอย่างเฉินอิงเหายังต้องขอร้องให้เขาช่วยรับของขวัญที่มีมูลค่าหลายสิบล้านอีกด้วย

สวุเจียยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ตายใจ

“ฉินยี เธอตั้งใจใช่ไหม?”

“รู้ทั้งรู้ว่าแฟนเธอเป็นคนมีฐานะ แต่เธอยังปล่อยให้ฉันต้องเสียหน้า”

“เธอแค่อยากเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันใช่ไหม?”

“เธอทำไมใจดำขนาดนี้? เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าเราเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน!”

สวุเจียรีบวิ่งไปที่ฉินยีแล้วตะโกนพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ

“เพื่อนสนิทกัน?”

สีหน้าฉินยีก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ จากนั้นออร่าในตัวพุ่งสูงขึ้น และเธอพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าฉันไม่คิดว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่แรก แล้วฉันจะเสียเวลากับเธอนานขนาดนี้ทำไม?”

“ตั้งแต่ที่เธอเจอฉัน เธอก็อวดอย่างไม่หยุด เธออวดว่าคู่หมั้นของเธอดีแค่ไหน อวดว่าเครื่องประดับของเธอมันแพงแค่ไหน”

“เธอเอาแต่ประชดฉัน ประชดแฟนฉัน ทุกครั้งที่ฉันจะอธิบายให้เธอฟัง แต่เธอก็ขัดจังหวะฉันแล้วอวดเรื่องของเธออย่างไม่หยุด”

“แต่ในตอนนี้ เธอกลับหันมาโทษฉัน ว่าฉันไม่พูดความจริงกับเธอ เธอไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยเหรอ?”

ฉินยีในเวลานี้เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ทุกคำพูดของเธอเป็นไปตามความเป็นจริง และสวุเจียก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

เธอได้แต่ยืนทื่ออยู่กับที่แล้วนึกถึงการกระทำของตัวเอง อย่างที่ฉินยีพูดไม่ผิด ทุกครั้งที่ฉินยีพยายามจะอธิบาย เธอก็ขัดจังหวะตลอด

“ยียี ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ เธอยกโทษให้ฉันนะ จากนี้ไปฉันจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ!”

“ยียี กำไลหยกยี่สิบแปดล้านคุณชายเหายังจะยกให้เธอฟรีๆ เลย สำหรับเขาแล้ว เงินสิบกว่าล้านคงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”

“เธอช่วยฉันขอร้องคุณชายเหาหน่อยสิ เพื่อเห็นแก่ความเป็นเพื่อน อย่าให้ฉันต้องรับผิดชอบเลยนะ เงินตั้งสิบสองล้านสามแสน ต่อให้ฆ่าฉันทิ้ง ฉันก็ไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอก!”

ทันใดนั้นสวุเจียจับมือของฉินยีและพูดอย่างอ้อนวอน

บรรดาผู้ที่เห็นสถานการณ์ก็มองเธออย่างดูถูก พวกเขาเคยเห็นสตรีที่ไร้ยางอายมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นสตรีที่ไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน

แต่ฉินยีกลับผลักสวุเจียออกไปแล้วพูดอย่างเฉยเมย “ตั้งแต่วินาทีที่เธอไม่ยอมรับว่าฉันเป็นเพื่อน ความสัมพันธ์ของเราก็จบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!”