บทที่ 371 มีธุระอะไร

The king of War

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินยี สวุเจียสีหน้าเศร้าหมองทันที

เธอรู้ว่าบ้านของถังคุนสามารถจ่ายค่าเสียหายสิบสองล้านสามแสนนี้ได้ แต่ว่าคนที่ทำพอร์ซเลนสีฟ้าและสีขาวขวดนั้นแตกคือเธอ

ต่อให้ตระกูลถังชดใช้ค่าเสียหายแทนเธอ แต่พวกเขาจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ อย่างแน่นอน เธอเกรงว่าชีวิตที่เหลือคงต้องใช้หนี้ให้กับตระกูลถังแล้ว

คำว่าคนที่น่าสารนั้นย่อมเคยเป็นคนที่น่าเกลียดมาก่อน ซึ่งก็คือสวุเจียคนนี้

มีคนมากมาย แต่ไม่มีใครเห็นใจสวุเจียเลย หลักจากที่ฉินยีผลักสวุเจียออกไป ทุกคนถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้น

และในขณะนี้ ชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่วิ่งเข้าไปด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว

“สวัสดีครับคุณชายเหา ผมคือน้าชายของถังคุน เย่เหวินเซียงครับ เมื่อครู่นี้ผมได้ยินว่าหลานดื้อของผมสร้างปัญหาที่นี่ ผมก็เลยรีบเข้ามาครับ”

ทันทีที่เย่เหวินเซียงเข้ามาในเมืองเทียนฝู่ เขาก็เห็นเฉินอิงเหาและรีบวิ่งเข้ามาทักทายอย่างรีบร้อน

ตระกูลเฉินในทุกวันนี้ถือว่าอยู่ในช่วงเจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า ซึ่งก็แน่นอนว่าเย่เหวินเซียงไม่กล้าทำตัวหยิ่งทะนงต่อหน้าเฉินอิงเหาอยู่แล้ว

เฉินอิงเหาเหลือบมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “คุณคงรู้แล้วใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“ทราบแล้วครับ ผมทราบแล้วครับ!”

เย่เหวินเซียงรีบตอบทันที

ขณะที่เขาพูดอยู่ เขาเหยียดมือออกไปปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วหยิบบัตรธนาคารออกมาใบหนึ่ง จากนั้นยื่นให้กับเฉินอิงเหาด้วยสองมือของเขา “คุณชายเหาครับ ในบัตรนี้มีสิบห้าล้านครับ ส่วนเงินที่เหลือถือว่าเป็นการขอโทษคุณนะครับ!”

เฉินอิงเหาตอบอย่างเฉยเมยว่า “คุณคิดว่าตระกูลเฉินของผมขาดแคลนเงินสองล้านกว่าของคุณเหรอ?”

เดิมทีเย่เหวินเซียงตั้งใจจะซื้อใจเท่านั้น แต่คำพูดของเฉินอิงเหากลับทำให้เขารู้สึกใจหายทันที

ในขณะที่เขาทำตัวไม่ถูก เฉินอิงเหาก็ออกคำสั่งว่า “พอร์ซเลนสีฟ้าและสีขาวราคาเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวางเยี่ยนก็รีบรับบัตรธนาคารไปรูดสิบสองล้านสามแสนแล้วนำบัตรมาคืนให้กับเย่เหวินเซียง

“เราไปกันเถอะ!”

หยางเฉินหมดธุระที่นี่ เขาจึงหันไปพูดกับฉินยีที่อยู่ข้างๆ เขา

“ผมไปส่งพวกคุณนะครับคุณหยาง!”

เฉินอิงเหารีบพูดขึ้น

ในขณะนั้น เย่เหวินเซียงก็สังเกตเห็นหยางเฉิน และทันใดนั้น สองตาของเขาเบิกกว้างและสีหน้าก็เต็มไปด้วยความกลัว

“ทะ……ท่านประธานหยางครับ!”

เย่เหวินเซียงพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา

หยางเฉินขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เย่เหวินเซียง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนเรียกเขาว่าประธานหยาง

“คุณคือใคร?”

หยางเฉินถามอย่างเย็นชา

“ท่านประธานหยางครับ ผมคือผู้จัดการใหญ่ของต้าเหอกรุ๊ป ชื่อเย่เหวินเซียงครับ ก่อนที่ประธานลัวจะไป เขาเคยให้พวกผมดูรูปถ่ายของท่านด้วยครับ”

เย่เหวินเซียงรีบอธิบาย

เมื่อได้ยินเย่เหวินเซียงเอ่ยนามของหยางเฉิน ถังคุนที่อยู่ด้านข้างหน้าซีดลงทันที

เย่เหวินเซียงเป็นถึงรองประธานของต้าเหอกรุ๊ป และคนที่ถูกเขาเรียกว่าประธานหยางนั้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือผู้บริหารสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังของต้าเหอกรุ๊ป

หยางเฉินเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าเย่เหวินเซียงคนนี้จะเป็นประธานของต้าเหอกรุ๊ป

ทันใดนั้น เขาก็หันมองไปที่ถังคุนที่กำลังแสดงสีหน้าแปลกประหลาดและตัวสั่นไปทั้งตัว

“คุณคือรองประธาน แล้วเขาล่ะ?”

หยางเฉินถามเย่เหวินเซียงแล้วชี้ไปที่ถังคุน

เย่เหวินเซียงถึงกับผงะและตอบอย่างงงงวยว่า “เขาเป็นหลานชายของผมครับ!”

“ผมถามว่า มันดำรงตำแหน่งอะไรในต้าเหอกรุ๊ป?” หยางเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“หืม?”

เย่เหวินเซียงดูสับสนมาก เขายังสงสัยว่าทำไมหยางเฉินถึงต้องถามแบบนี้

“พรึบ!”

ในเวลานี้ ถังคุนไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของหยางเฉินได้อีก เขาจึงคุกเข่าลงกับพื้นทันที

“คุณหยางครับ ผมผิดไปแล้วครับ ผมเอาตำแหน่งของน้าชายผมมาอ้างเองครับ!”

ถังคุนรีบวิงวอน

หยางเฉินเพิ่งตระหนักได้ว่า ที่แท้ไอ้หมอนี่ไม่ใช่ผู้จัดการของต้าเหอกรุ๊ป

เย่เหวินเซียงเบิกตากว้างแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “ไอ้คนเหลือขอ แกกล้าแอบอ้างตำแหน่งของข้างั้นเหรอ! ยังกล้าทำผิดต่อประธานหยางอีกด้วย แกมันเบื่อโลกแล้วใช่ไหม?”

หลังจากนั้น เย่เหวินเซียงก็พุ่งเข้าไปหาถังคุนแล้วง้างเท้าเตะถังคุนด้วยความแรง

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเย่เหวินเซียงใช้แรงเตะอย่างไม่มีความปรานีเลย

แต่หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาได้แต่ยืนดูอยู่เฉยๆ

การที่เย่เหวินเซียงลงไม้ลงมืออย่างไม่ยั้งมือแบบนี้ แน่นอนว่าเขาต้องตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้

แต่เย่เหวินเซียงเป็นคนฉลาดมาก การที่เขาเตะถังคุนอย่างไร้ความปราณีนั้น อันที่จริงแล้วเขากำลังปกป้องถังคุนมากกว่า อีกทั้งยังปกป้องตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเองด้วย

ผู้คนรอบข้างต่างก็ตะลึง เตะอย่างไม่ยั้งเท้าแบบนี้ นั่นเขายังเป็นญาติกันอยู่หรือ?

สวุเจียเองก็ยิ่งตกใจและรู้สึกไม่คาดคิด

นั่นคือคู่หมั้นที่สมบูรณ์แบบของเธอ คนที่เธอโอ้อวดความมั่งคั่งของเขาต่อหน้าทุกคน

แต่ตอนนี้ แม้แต่น้าชายของเขายังไม่กล้าเงยหน้ามองหยางเฉินเลย แล้วนับประสาอะไรกับถังคุน?

ตอนนี้เธอรู้ตัวแล้วว่า ในชาตินี้เธอไม่มีวันเทียบกับฉินยีได้อีก

และในขณะนี้ หยางเฉินได้พาฉินยีเดินออกไปจากเมืองเทียนฝู่แล้ว

ต่อให้เย่เหวินเซียงจะฆ่าถังคุนต่อหน้า มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

เพราะสำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นถังคุนหรือเย่เหวินเซียง พวกเขาก็เป็นได้แค่มดตัวน้อยที่เดินอยู่บนท้องถนนเท่านั้น

“พี่เขยคะ เมื่อกี้พี่เห็นสีหน้าของสวุเจียไหม แดงเหมือนตับหมูเลย!”

“ทีนี้ลำบากเลยสิ ชาตินี้เธอไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ ทำพอร์ซเลนสีฟ้าและสีขาวของเขาแตก แล้วให้น้าชายของถังคุนเป็นคนชดใช้ให้ สงสัยชีวิตที่เหลือเธอคงต้องใช้หนี้อย่างเดียวเลยล่ะ”

“พี่ชายคะ พี่น่าทึ่งจริงๆ พี่เป็นไอดอลของหนูเลยล่ะ!”

หลังออกจากเมืองเทียนฝู่ ใบหน้าเล็กๆ ของฉินยีก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอเกาะแขนของหยางเฉินและพูดอย่างไม่หยุด

เดี๋ยวเรียกพี่เขย เดี๋ยวเรียกพี่ชาย เอาซะหยางเฉินทำตัวไม่ถูกเลย

และหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ ทั้งสองก็เดินเที่ยวกันทั้งบ่าย

จนเวลา 16:30 น. หยางเฉินถึงจะส่งฉินยีกลับไปที่หน้าประตูโรงแรมโอเอซิส

“เธอไปประชุมก่อนเลยนะ ประชุมเสร็จก็กลับบ้านก่อนเลย ไม่ต้องรอพี่นะ!”

หยางเฉินพูด

การประชุมแลกเปลี่ยนที่ฉินยีจะเข้าร่วมนั้นเริ่มเวลาห้าโมงเย็น

ส่วนการประชุมแลกเปลี่ยนที่เขาจะเข้าร่วมนั้น เริ่มในเวลาสองทุ่ม

การประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ไม่ได้สบายกว่าที่คิด เกรงว่าจะจบในเวลาสั้นๆ ไม่ได้

“อ้อ!”

ฉินยีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าอยากอยู่กับหยางเฉินอีกสักพัก

“รอวันหยุดของเธอก่อน ถ้าอยากไปไหน เดี๋ยวพี่ค่อยพาไปนะ!”

หยางเฉินจะมองไม่เห็นอาการน้อยใจจากสายตาเธอได้อย่างไร เขาจึงอดเห็นใจเธอไม่ได้

และแน่นอน หลังจากหยางเฉินพูดคำนี้ออกไป รอยยิ้มที่ตื่นเต้นก็แทนที่สีหน้าที่เศร้าใจของฉินยีทันที “พี่เขยพูดเองนะ! ถ้าหนูว่างเมื่อไหร่ หนูจะเรียกพี่นะ!”

จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในโรงแรมโอเอซิสอย่างมีความสุข

หยางเฉินส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและมุ่งหน้าไปที่โรงแรมจงโจว

ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนการประชุมแลกเปลี่ยนจะเริ่มขึ้น และก่อนที่จะเริ่มการประชุมนั้น เขายังต้องพบกับใครบางคน

“คุณผู้ชายครับ กรุณาแสดงบัตรเชิญของท่านด้วยครับ!”

ทันทีที่หยางเฉินเดินเข้าไปในประตูโรงแรม เจ้าหน้าที่สองคนก็เดินเข้ามาหาเขา

การประชุมแลกเปลี่ยนในวันนี้มีความสำคัญมาก ดังนั้นงานด้านความปลอดภัยก็เข้มงวดมากด้วยเช่นกัน

“ขอบคุณคุณหยางที่ให้ความร่วมมือครับ เชิญด้านในเลยครับ!”

หลังจากตรวจสอบบัตรเชิญของหยางเฉินแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็กล่าวด้วยความเคารพ

ขณะที่หยางเฉินเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นจากด้านหลังเขา “คุณคือหยางเฉินใช่ไหม?”

หยางเฉินขมวดคิ้วแล้วหันกลับไป เขาเห็นชายวัยกลางคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

และข้างๆ ชายวัยกลางคน เขายังเห็นร่างที่คุ้นเคยอีกคน นั่นก็คือเมิ่งหงเย่ หัวหน้าครอบครัวของตระกูลเมิ่ง

นอกจากนี้ยังมีหญิงวัยกลางคนอีกคน

เมื่อเห็นผู้คนเหล่านี้ หยางเฉินก็เดาสถานะของพวกเขาได้ทันที

หญิงวัยกลางคนคนนี้ควรเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเมิ่งเทียนเจียว ชื่อหวงเหมย

ส่วนชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือพ่อของหวงอัน ชื่อว่าหวงจง เป็นทายาทผู้สืบตระกูลคนต่อไปของตระกูลหวง และยังเป็นเบื้องหลังของหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเย็นตูในอนาคต

หยางเฉินถามอย่างเฉยเมยว่า “มีเรื่องอะไร?”

“ลูกชายผมตายในน้ำมือคุณ คุณยังถามผมว่ามีเรื่องอะไร?”

หวงจงเลิกคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต