ตอนที่ 403 ในสายตาคนรักเป็นหญิงงาม
เฝิงเยี่ยไป๋ใจอยู่ที่บ้าน ยังไม่ถึงเที่ยงก็กลับไปถึงสุยหนิง ซู่อ๋องจะให้เขาอยู่กินข้าวต่อ เขาก็ปฏิเสธไป ตอนที่มาถึงหน้าศาลสุยหนิงก็เห็นที่ประตูมีคนตั้งท่าใส่กันอยู่ ฝั่งนั้นข้าวต้มก็ต้มเสร็จแล้ว กำลังแจกจ่ายกันอยู่ ฝั่งนี้เฉินยางและอวี่เหวินลู่ คนหนึ่งอยู่ในประตู คนหนึ่งอยู่นอกประตู เจ้าจ้องข้า ข้าจ้องใส่เจ้า สายตาจ้องใส่กันไม่ปล่อยอีกฝ่ายเลย
ที่แพ้ก่อนคือเฉินยาง เห็นเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาแล้ว สีหน้าบึ้งตึงก็กลายเป็นอ่อนโยนทันที นางโบกมืออยู่บนบันไดแล้วเรียกเสียงหวานว่า “ท่านพี่”
ตอนแรกเฝิงเยี่ยไป๋ยังคิดว่ากององครักษ์นั้นขวางอวี่เหวินลู่ไม่อยู่ จึงรีบกลับมาเก็บกวาดอยู่เลย ใครจะคิดว่าแม้แต่ประตูศาลเขาก็เข้าไม่ได้ เขามองไปตามเสียง แล้วกอดภรรยาไว้ เหลือบมองอวี่เหวินลู่ หัวเราะพูดว่า “นี่ไม่ใช่ท่านซื่อจื่อหรือ ไฉนเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ไม่อยู่เมืองเหมิงเฝ้าเมืองของเจ้าดี วิ่งมาที่นี่วุ่นวายอะไร?”
อวี่เหวินลู่แค้นจนกัดฟัน สองสามีภรรยาช่างเข้าคู่กันดีนัก สมแล้วกับคำพูดที่ว่า ของแบ่งตามประเภท คนแบ่งตามกลุ่ม ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูเดียวกัน เพียงแต่เขาสามารถกลับมาได้ไวเช่นนี้ คิดว่าฝั่งเมืองเหมิงนั่นก็คืบหน้าได้ราบรื่น ในเมื่อราบรื่นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องยกหินหล่นใส่เท้าตัวเอง เขาสะบัดแขนเสื้อ คิดจะกลับไปเลย
“สุยหนิงอยู่ในเขตเมืองเหมิงที่อยู่ในเมืองเป็นประชาชนของฮ่องเต้ ก็เป็นประชาชนของเมืองเหมิงข้า ข้าได้ยินว่าเมืองเหมิงมีข้าราชโกงกิน ย่อมต้องมาดูด้วยตัวเอง เพียงแต่ในเมื่อท่านอ๋องก็ได้กลับมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่แย่งผลงานของเจ้าแล้ว”
คนข้างล่างจูงม้ามา เขาขึ้นม้าไป ตอนจะไปกวาดตามองเฉินยาง พูดด้วยความเย้ยหยันว่า “นี่ก็คือภรรยาที่สวยยิ่งกว่านางฟ้าที่ท่านอ๋องว่ากระมัง ว่าแล้วในสายตาคนรักเป็นหญิงงาม ท่านอ๋องสายตาดีจริงๆ”
เฉินยางย่อมฟังความเย้ยหยันในคำพูดของเขาออก นางเชิดศีรษะขึ้น บ่นด้วยเสียงที่ไม่ดังไม่เบาว่า “ปีศาจสุนัขจิ้งจอก”
อวี่เหวินลู่หันม้ากลับไปอยู่นั้น ก็ได้ยินนางพูดประโยคนี้ด้วยความแค้น เขาถีบท้องม้ากำลังจะหันด่ากลับไป คนข้างล่างกลัวเขาจะก่อเรื่อง จึงทำใจกล้าตบไปที่ก้นม้าอย่างแรง เขาแก็ได้ทะยานออกไปกับม้าทันที
ตอนแรกเฝิงเยี่ยไป๋ก็คิดจะแก้แค้นแทนนาง เพียงแต่เห็นนางไม่เสียเปรียบเลย แถมยังด่าได้สะใจยิ่งนัก บนหน้าจึงเหลือแต่รอยยิ้มที่ชื่มชม เขาโอบไหล่นาง แล้วพานางเดินเข้าไปข้างในไปพลาง ถามเรื่องที่ตั้งลานข้าวต้มชั่วคราวนี้เกิดขึ้นอย่างไร
เฉินยางจึงเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้เขาฟัง แถมยังภาคภูมิใจ พูดเหมือนดั่งรีบแสดงผลงานว่า “ข้าบอกแล้วว่าข้ามาจะไม่สร้างปัญหาให้ท่าน ท่านดู ข้าไม่ได้สร้างปัญหาให้ท่านกระมัง!”
เขาลูบริมฝีปากของนาง เขากอดนางเอาไว้แล้วจูบ รอให้นางหายใจไม่ออกแล้วถึงแยกออกจากกัน ขูดไปที่ปลายจมูกนางเบาๆ ว่า “นึกไม่ถึงว่าสมองเล็กๆ ของเจ้านั้นก็ฉลาดเสียจริง ครั้งนี้ก็ได้ช่วยข้าไม่น้อย เพียงแต่…” จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มีสีหน้าที่เคร่งเครียด “จะกระฟัดกระเฟียดใส่เขาก็ต้องมีขอบเขต เขาเป็นผู้ชาย นั่งอยู่ข้างนอกตากลมคืนหนึ่งก็ไม่เป็นไร เจ้าเป็นผู้หญิง ในท้องยังมีลูกอยู่ ตอนแรกร่างกายก็ไม่ดีอยู่แล้ว หากกลางคืนป่วยขึ้นมาอีกจะทำอย่างไรดี จะประลองกันก็ต้องเลือกเวลา ตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้ามาดื้อดึงได้หรือ”
เฉินยางถูกชมแล้วก็ถูกตำหนิในคราวเดียว นางบุ้ยปากจ้องใส่เขา “ท่านยังมีหน้ามาว่าข้าอีก? เมื่อวานท่านไม่ใช่บอกข้าว่าไปซื้อข้าวสารหรือ ท่านไปซื้อข้าวสารเสียที่ใด ท่านไปเมืองเหมิงคนเดียว ยังโกหกข้าอีก คิดว่าข้าโง่หรือ!”
ตอนที่ 404 ตอนนี้ข้าน่าเกลียดใช่หรือไม่
ไม่ใช่แค่นาง แม้แต่กับกององครักษ์เขาก็พูดเช่นนี้ เรื่องนี้จากเจี่ยชีแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ ให้เจี่ยชีปิดบังนาง ปากนี้ไฉนถึงใช้ไม่ได้เช่นนี้!
เฝิงเยี่ยไป๋ยิ้มด้วยความเหนื่อยใจ ลูบผมยาวสีดำสลวยของนาง “นี่ไม่ใช่ว่ากลับเจ้าจะกังวลหรือ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพียงใด ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วงอีก”
เฉินยางรวบผมไว้ข้างหน้าไม่ให้เขาแตะ พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ท่านต้องมีเรื่องปิดบังข้าไม่อยากให้ข้ารู้”
ก็มีจริง เขาชูนิ้วขึ้นมาสาบานว่า “ไม่มี ซู่อ๋องเชิญข้าไปเมืองเหมิงบอกว่าเรื่องนกพิราบครั้งที่แล้ว นกพิราบนั้นเป็นภรรยาเขาที่ปล่อยออกไป ปล่อยไปผิดตัว จึงเรียกข้าไปถาม”
นางถามเขาด้วยความกังวลว่า “อ๋องซู๋เป็นขุนนางกบฏ พวกเราดูจดหมายของเขา เขาคงไม่ฆ่าคนปิดปากกระมัง”
“ไม่ถึงขั้นนั้น” เขาประคองตัวนางให้ตรงกำลังจะจูบ เฉินยางหลบออกไป “เจ้า… มีหนวด แทงเจ็บ”
เมื่อครู่แทงจนนางเจ็บหน้า เศษหนวดก็เหมือนดั่งมีดสั้นแทงไปที่ใบหน้าของนาง นางยื่นมือไปนวด เจ็บจนขมวดคิ้ว
เฝิงเยี่ยไป๋ลูบรอบๆ ปาก หนวดนี้ก็ไม่ได้โกนมาหลายวันแล้ว ขึ้นอยู่รอบปาก ก็แทงเจ็บอยู่จริง คิดว่าเมื่อครู่จูบนางอย่างดูดดื่นทำเอานางเจ็บแล้ว จึงได้แต่ล้มเลิก เขาเรียกซั่งเหมยไปเอาถาดน้ำมา คิดจะจัดการเสียหน่อย
“ตอนนี้ข้าน่าเกลียดใช่หรือไม่” เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย “เจ้าคงไม่รังเกียจข้ากระมัง”
“ไม่น่าเกลียด ยังดูดีอยู่”
คำพูดนี้ไม่ได้ปลอบเขา เพียงแต่รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เขามีใยหน้าที่อ่อนเยาว์ ดูเพียงภายนอก ยากจะเดาอายุจริงได้นัก และตอนนี้รอบปากมีหนวดขึ้นมา ดูไปแล้วก็มีความงามที่ยากจน กลับยิ่งรู้สึกห้าวหาญเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เพียงไม่น่าเกลียด แถมยังดูดีอีก
จู่ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกที่เศร้าหมองขึ้นมา “เช่นนั้นหากมีวันใดข้าน่าเกลียดแล้ว ไม่ได้ดูดีดั่งเช่นนตอนนี้ เจ้ายังยอมอยู่ข้างกายข้าหรือไม่”
“จะน่าเกลียดกว่าข้าหรือ” นางพูดเชิงล้อเล่น แล้วก็จริงจังว่า “หากข้ารักเพียงใบหน้านั้นของท่าน ปีศาจสุนัขจิ้งจอกเมื่อครู่ก็สามารถทำข้าหลงได้แล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋กอดนางแล้วยิ้ม ที่อกกระตุกเบาๆ “ครั้งแรกที่ข้าเห็นเขาก็รู้สึกว่าเขามีหน้าตาดั่งสุนัขจิ้งจอก ดั่งเช่นผู้หญิง ไฉนเจ้าถึงรู้สึกว่าเขาเป็นปีศาจสุนัขจิ้งจอก”
เฉินยางพิงอยู่ที่อกอย่างสบาย “ผู้ชายเรียกผู้หญิงที่สวยงามว่าปีศาจสุนัขจิ้งจอก เช่นนั้นแล้วผู้ชายที่ดูดีก็วรจะเรียกสุนัขจิ้งจอก เพียงแต่คนหนึ่งเป็นจิ้งจอกตัวเมีย คนหนึ่งเป็นจิ้งจอกตัวผู้”
“แล้วข้าล่ะ” เขาวางมือบนท้องนางแล้วนวดเบาๆ “ข้าเป็นอะไร”
“ท่านเป็นเทพเซียน! เขามีความเป็นปีศาจอยู่เต็มตัวไปหมด ท่านไม่เหมือนกัน ท่านเป็นกลิ่นไอเทพเซียนล้อมรอบเหมือนดั่งเทพเซียนกลับชาติมาเกิดเช่นนั้น”
จู่ๆ นางก็นึกถึงท่าทางไม่จริงจังในละครที่เหล่าลูกคนรวยเย้าแหย่ผู้หญิง นางหันกลับไปเชิดคางเขาขึ้นมา “ท่านดูดีกว่าเขา ดูดีกว่ามาก คนนั้นอารมณ์ไม่ดี แย่ยิ่งกว่าท่านอีก เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมีความเป็นเด็กอยู่ ข้าไม่ชอบเขา”
เฝิงเยี่ยไป๋นอนลงไปข้างหลัง นางไม่มีที่พิง ก็คิดจะลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่ง จู่ๆ ก็ถูกเขากอดเอวเอาไว้ นางหมุนไปรอบหนึ่ง พอมองไปอีกที นางก็ได้นั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา
เฉินยางหน้าแดง เอาสองมือยันอกเขาจะลงมา สองมือเฝิงเยี่ยไป๋ว่างเปล่า จึงคว้าข้อมือนางให้นางนั่งตัวตรง “ลงมาทำไมหรือ เช่นนี้ไม่ดีหรืออย่างไร ข้าเป็นที่รองนั่งให้เจ้า สบายเพียงใด”
“ถูกคนเห็นเข้าจะไม่ดีเอา ข้า… ข้าจะลงไป”
เขาแยกขากอดไปที่น่องของนางแล้วขยับสะโพก “ไม่มีใครเห็น นั่งให้ดีๆ”