ตอนที่ 1702 ทั้งรักทั้งเกลียด

Monster Paradise

ตอนที่ 1702 ทั้งรักทั้งเกลียด

 

ศูนย์ใหญ่ของวังเผ่าคณานับตั้งอยู่ในเขตดาวท้องฟ้าภายในเขตหลักของแดนเทพ

 

มันห่างจากวิหารเทพนักรบไม่ถึงสามล้านปีแสง ถือได้ว่าใกล้กันพอสมควร

 

ไม่เหมือนเผ่าเนฟิลิกที่พลังถูกจํากัดโดยประชากร ความโดดเด่นของวังเผ่าคณานับอธิบายได้ว่าเหมือนดวงอาทิตย์ยามกลางวัน ท่ามกลางองค์กรระดับหกชั้นนํา พลังโดยรวมของพวกเขามั่นคงสุด

 

แม้บนผิวเผินจะมีแค่สามถึงจ้าวเทวะ แต่วังเผ่าคณานับมีสมาชิกอยู่ทั่ว พวกเขามีจํานวนสมาชิกมากกว่าเคียวแห่งความตายอย่างน้อยสามเท่า

 

ก่อนใต้สวรรค์จะเป็นจ้าวเทวะ และก่อนเคียวแห่งความตายจะเป็นองค์กรระดับเจ็ด ในสายตาของทุกคนในแดนเทพ ความสามารถโดยรวมของวังเผ่าคณานับไม่ได้ต่ํากว่าเคียวแห่งความตายเลย

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมหลินฮวงถึงไม่เคยกล้าใช้ตัวตนจริงตลอดหลายปีที่มายังมหาพิภพ

 

เห็นได้ชัดว่าอัตราการเติบโตของเขาน่าตกใจแค่ไหน

 

หลินฮวงในปัจจุบันทรงพลังพอจะทําลายวังเผ่าคณานับได้ด้วยการพลิกฝ่ามือ

 

ขณะน่ากลุ่มมอนสเตอร์ผ่านประตูทุกอาณาจักร กลุ่มของหลินฮวงก็ปรากฏเหนือดาวเคราะห์ที่วังเผ่าคณานับตั้งอยู่โดยตรง

 

เหล่ากึ่งจ้าวเทวะที่พิทักษ์วังเผ่าคณานับสัมผัสได้ถึงการมาของพวกเขาทันที

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

คลื่นเสียงจิตเทวะของถึงจ้าวเทวะกวาดออกมา

 

แม้พวกเขาจะสัมผัสไม่ได้ถึงพลังชี้ชัดของพวกหลินฮวง แต่สิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้ก็พอจะบอกว่าการมาของพวกเขาเพื่อสร้างปัญหา

 

ผู้พิทักษ์วังเผ่าคณานับเริ่มตึงเครียด

 

แต่ทว่า แม้กระทั่งตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใคร

 

“พวกเจ้าโจมตีได้เลย อย่าทําร้ายคนบริสุทธิ์ก็พอ”หลินฮวงไม่เสียเวลาและออกคําสั่งโดยตรง

 

เขาไม่ลืมย้ําเตือนว่าอย่าทําร้ายคนบริสุทธิ์เพราะมีผู้บ่มเพาะไร้ฝักฝ่ายค่อนข้างเยอะที่อาศัยบนดาวดวงนี้

 

แลนเซล็อตนําทัพโจมตีทันที่ที่หลินฮวงสั่ง

 

มันยื่นมือไปในอากาศ และผู้พิทักษ์ถึงจ้าวเทวะสี่คนก็โดนทรงกลมดําห่อหุ้มทันที

 

ไม่ต้องพูดถึงพวกชาโคล แม้กระทั่งหลินฮวงก็ยังตกตะลึงกับวิชานี้

 

“เป็นวิชาที่สุดยอดมาก”หลินฮวงตระหนักว่ามันคือกระจกนั่นเอง

 

กระจกมักถูกใช้เป็นวิชาป้องกัน คอยสะท้อนการโจมตีของศัตรู

แต่ครั้งนี้ แลนเซล็อตกลับใช้กระจกด้สองด้านเพื่อกักขังผู้พิทักษ์วังเผ่าคณานับไว้

 

ไม่เพียงมันจะป้องกันการโจมตีภายนอก แต่ยังมีชั้นป้องกันภายในด้วย

 

มันใช้กระจกเป็นกรงเพื่อจับศัตรู

 

เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงได้บอกตั้งแต่ต้นว่าอยากจับเป็น แลนเซล็อตจึงทําตามคําสั่งของหลินฮวง

 

มอนสเตอร์ที่เหลือตะลึงงัน

 

การต่อสู้เริ่มได้ไม่ถึงวินาที ถึงจ้าวเทวะสี่คนจากฝั่งศัตรูก็โดนจับเป็นแล้ว

 

แล้วจะเหลืออะไรให้พวกมัน?!

 

ตอนพวกมันกําลังวิ่ง เสียงสวดมนตร์ก็ดังขึ้นข้างหูพวกมัน

 

พวกมันหันไปมอง เห็นคู่หรงที่ดูเหมือนรูปปั้นพระพุทธเจ้ามีดวงอาทิตย์ทรงกลดลอยอยู่เหนือหัว

 

คู่หรงกลับตาสนิท และประสานมือสองข้าง เสียงสวดมนตร์ที่มีทํานองแปลกๆดังออกจากปากมัน

 

ตอนเหล่ามอนสเตอร์กําลังงงว่ามันทําอะไร ผู้บ่มเพาะหลายคนในวังเผ่าคณานับก็เริ่มบินขึ้นมาหาพวกเขากันแล้ว ทั้งหมดต่างประสานฝ่ามือเข้าด้วยกันและดูจริงใจ พวกเขาเหมือนพระที่ละทางโลกมาเป็นเวลาหลายปี

 

พวกมันยิ่งอึ้งกว่าเดิม

 

แล้วพวกมันจะสู้กับใคร?!

 

ผู้บ่มเพาะทั้งหมดโดนจับเป็น

 

โดยธรรมชาติ หลินฮวงรู้ว่าคู่หรงใช้วิชาแบบไหน มันแค่ว่าเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้กระบวนท่าทรงพลังขนาดนั้นในสถานที่แบบนี้

 

ต้องรู้ว่าศีลของพุทธศาสนาจัดเป็นอาวุธทําลายล้างสูงในสนามรบ ตราบเท่าที่วิญญาณเทพทรงพลังพอ แม้กระทั่งฝูงแมลงที่มีจํานวนนับพันล้านก็ยังต้องยอมจํานนนต่อบทสวด

 

คู่หรวงได้จับเป้าหมายทั้งหมดด้วยจิตเทวะของมันแต่แรกก่อนใช้วิชานี้ มันไม่ได้ส่งผลต่อผู้บริสุทธิ์ทั่วไปบนดาวนี้

 

ทุกคน รวมถึงหลินฮวงไม่คิดว่าการต่อสู้จะจบลงเร็วขนาดนี้

 

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ แลนเซล็อตกับคู่หรงได้โจมตีติดต่อกันและ..

 

พวกมันก็ปราบศัตรูทั้งหมดในทันที

 

มอนสเตอร์ที่เหลืออีก 19 ตัวได้แต่ยืนอึ้ง

 

พวกมันต่างคิดว่าจะได้อวดฝีไม้ลายมือกัน ตอนนี้พวกมันรู้สึกพ่ายแพ้

 

“แลนเซล็อต.เจ้าทําเกินไปแล้ว!”ชาโคลอดระบายความพอใจใส่แลนเซล็อตไม่ได้

 

“นายท่านอยากจับเป็น นี่คือทางที่ดีสุดแล้ว”แลนเซล็อตตอบอย่างจริงจัง

 

หลินฮวงไม่พูดอะไร เขาปรากฏตัวในศูนย์ใหญ่ของวังเผ่าคณานับโดยตรง

 

เขากวาดมองสิ่งก่อสร้างรอบตัวที่ค่อนข้างฟุ่มเฟือยและเดินตรงไปยังวังด้านหน้าเขา เขาเดินตรงไปที่นั่งหลักตรงข้ามประตู

 

“พาพวกเขามาที่นี่”หลินฮวงพูดกับพวกแลนเซล็อตหลังจากนั่งลงบนที่นั่ง

 

ตอนแลนเซล็อตกับคู่หรงได้ยิน พวกมันก็ควบคุมผู้บ่มเพาะมากมายให้ลงมาที่วัง

 

มอนสเตอร์ที่เหลือรบตามเข้าวังมาด้วย

 

“ปล่อยพวกมันออกมา”หลินฮวงพยักหน้าให้แลนเซล็อตหลังกวาดมองทรงกลมที่ทรงกลมที่ทําจากกระจกดําสี่บาน

 

คู่หรงที่ยืนด้านข้างทําการประสานมือและหลับตาสวดมนต์

 

แลนเซล็อตปลดกระจกทันทีพอเห็นเช่นนั้น

 

ถึงจ้าวเทวะทั้งสี่เห็นแสงสว่างจ้าข้างหน้าพวกเขา แต่วินาทีต่อมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ของพระคัมภีร์ และสายตาก็กลายเป็นว่างเปล่า

 

หลินฮวงถามเมื่อเห็นแบบนั้น”คนไหนคือโซส?!”

 

ชายวัยกลางคนที่มีหนวดก้าวมาข้างหน้า ขณะที่ถึงจ้าวเทวะที่เหลือมองเขา

 

หลินฮวงเพ่งมองเขา

 

เขาดูเหมือนจะอายุ 40 ต้นๆ เขามีหน้าตาทั่วไป มีหนวดอยู่เหนือริมฝีปาก

 

พูดตามตรง นอกจากส่วนสูง 1.8 เมตรแล้ว หน้าตาของเขาดูไม่มีอะไรโดดเด่น

 

“4815162342 เจ้าควรจําเลขนี้ได้ใช่ไหม?”

 

“ข้าจาได้ มันคือหมายเลขของโลกขนาดเล็ก”โซสพยักหน้า

 

“ทําไมเจ้าถึงสั่งให้นิกายพันอสรพิษไปทําลายอารยธรรมบ่มเพาะของโลกนี้ซ้ําแล้วซ้ําเล่า?”หลินฮวงถาม

 

“เพราะโลกขนาดเล็กนี้วิวัฒนาการมาจากชิ้นส่วนเขตแดนเทพของอเล็กซ์”

 

“ใครคืออเล็กซ์?”หลินฮวงถาม

 

โซสดูอีกอัดไปสักพักตอนได้ยินคําถาม แต่ทว่า ไม่ช้าก็ตอบคําถามเขาเป็นน้องชายข้า…”

 

พอเวลาผ่านไป หลินฮวงกับคนอื่นก็ได้ฟังโซสพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

 

โซสกับอเล็กซ์เป็นลูกบุญธรรมของผู้บ่มเพาะคนหนึ่ง

 

โซสแก่กว่าสองปี แต่ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็อยู่ภายใต้เงาของน้องชายเขามาตลอด

 

เขาเริ่มบ่มเพาะเร็วกว่าอเล็กซ์หนึ่งปี แต่อเล็กซ์กลับตามเขาทันในสองเดือน ตั้งแต่นั้นมา ช่องว่างระหว่างพวกเขาก็ยิ่งมาก

 

ตอนอาจารย์ที่รับเลี้ยงพวกเขาตาย โซสที่อายุ 19 ยังไม่ก้าวเข้าสู่อาณาจักรเทพเสมือนเลย ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ที่อายุ 17 ตอนนั้นกลับเป็นเทพเสมือนขั้นแปดแล้ว

 

ตั้งแต่อาจารย์พวกเขาตาย ทั้งสองก็แยกทางกัน(มันเป็นโซสที่เสนอ)

 

เดิมที โซสคิดว่าเขาจะไม่อยู่ในเงาของน้องชายเขาอีกหลังแยกทาง

 

แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าอเล็กซ์จะโดดเด่นในมหาพิภพด้วย

 

เขาปรากฏชื่อบนกระดานเทพเสมือนและจากนั้นก็ทะลวงเป็นเทพแท้จริง

 

โซสไม่คิดว่าเงาของอเล็กซ์จะยิ่งใหญ่หลังแยกทางกัน

 

เขาบ่มเพาะอย่างหนักเพื่อไล่ตาม แต่ทว่า เขาก็ทําได้แค่มองแผ่นหลังของอเล็กซ์ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ

 

ตลอดเวลาหลายหมื่นปี โซสจะได้ยินชื่อของอเล็กซ์ตลอด

 

เขาเฝ้าดูอีกฝ่ายถูกจัดอันดับบนกระดานและคําชื่นชมต่างๆนาๆ ระดับพลังของเขาพุ่งทะยานเป็นเทพสวรรค์

 

จู่ๆวันหนึ่งก็มาข่าว

 

อเล็กซ์ล้มเหลวในการพยายามเลื่อนเป็นจ้าวเทวะและตายคาที่!

 

ตอนนั้น โซสทําได้เพียงบรรลุถึงระดับเทพสวรรค์

 

ตอนเขาได้ยินข่าว เขาขังตัวเองในห้องเป็นเดือนโดยไม่ก้าวออกไป

 

เขาไม่มั่นใจว่าเขามีความสุขหรือเศร้า

 

ในทางทฤษฎี เขาจะไม่ต้องใช้ชีวิตภายใต้เงาของอเล็กซ์อีก สุดท้ายเขาก็ได้เป็นอิสระและควรมีความสุข

 

แต่ทว่า โซสกลับไม่มีความสุข

 

อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้หลั่งน้ําตาสักหยดเช่นกัน

 

ในทางกลับกัน อารมณ์ผิดปกติที่เขากักขังไว้ข้างในกําลังเดือดพล่านตลอดหนึ่งเดือนที่เขาขังตัวเงอ

 

เขาเกลียดอเล็กซ์!

 

เขาเกลียดความจริงที่อีกฝ่ายทรงพลังกว่าเขาในทุกด้าน

 

หน้าตา เสน่ห์ ฐานบ่มเพาะ..อเล็กซ์เหนือกว่าเขาในทุกแง่มุม

 

เขาเกลียดที่เขารักและเคารพอเล็กซ์

 

เขาเกลียดที่อเล็กซ์มีคนรักกับคนติดตามนับไม่ถ้วน

 

เขาเกลียดที่อเล็กซ์ตายตั้งแต่หนุ่ม

 

ซึ่งทําลายโอกาสที่เขาจะตามอเล็กซ์ทัน…

 

ไม่นานหลังอเล็กซ์ตาย โซสก็ทุ่มกับการบ่มเพาะเพื่อทะลวงผ่านเป็นจ่าวเทวะ เขาอยากแซงระดับพลังสูงสุดของอเล็กซ์ตอนยังมีชีวิต

 

ระหว่างการบ่มเพาะ เขาได้รู้จักเพื่อนเทพสวรรค์มากมาย และสร้างวังเผ่าคณานับ

 

ไม่ช้าหลังวังเผ่าคณานับก่อตั้งโซสก็ได้รับข่าว

 

ตอนอเล็กซ์ตาย เขตแดนเทพของเขาพัง แต่มีบางชิ้นส่วนที่ไม่สลายไป

 

ตั้งแต่นั้นมา โซสก็ใช้เวลาหลายปีเพื่อค้นหาชิ้นส่วน

 

สุดท้าย เขาก็พบโลกขนาดเล็กหมายเลข4815162342 ซึ่งเขาสงสัยว่าเป็นเขตแดนเทพของอเล็กซ์

 

เขากังวลว่าอเล็กซ์จะมาเกิดใหม่ในนี้

 

เพื่อป้องกันเขาจากการโดนข่มอีก โซสจึงตัดสินใจ

 

“ข้าจะทําลายอารยธรรมบ่มเพาะของเจ้าซ้ําแล้วซ้ําอีก ต่อให้เจ้าเกิดใหม่ เจ้าก็จะทําได้แค่ดูขาก้าวแซงระดับพลังสูงสุดในชาติที่แล้วของเจ้า!”

 

แต่ทว่า โซสก็ไม่สามารถทําตามความปรารถนานั้นได้

 

หลายปีต่อมา เขาล้มเหลวในการเลื่อนเป็นจ้าวเทวะ เขาทําได้แค่เลือกทางเลือกที่สอง ซึ่งกลายเป็นกิ่งจ้าวเทวะ…