บทที่ 208
ผู้อยู่เบื้องหลัง
แม้กู๋จื่อเช่าจะหวาดกลัว แต่การรักษาชีวิตคนย่อมสำคัญกว่า เขาขบฟันทำใจดีสู้เสือ ก่อนเงยหน้าพูดขึ้นกับเย่เย่อย่างเปิดเผย
“เถ้าแก่เย่ ตอนนี้ท่านพี่ลู่จุ้นกำลังตกอยู่ในอันตราย ได้โปรดช่วยเหลือเขาด้วยเถอะ!”ระหว่างพูด กู๋จื่อเช่าก็คุกเข่าลงอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ว่าโทษทัณฑ์อะไรข้ายินดีชดใช้ให้ท่าน แต่ได้โปรดไปช่วยท่านพี่ลู่ก่อนเถอะ” เขาอ้อนวอนต่อเย่เย่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
ด้วยท่าทีลนลานของกู๋จื่อเช่านั้นทำให้เย่เย่ยังไม่วางใจเสียทีเดียว เขาสะบัดมือข้างหนึ่งขึ้น ร่างของชายหนุ่มเบื้องหน้าก็ถูกคลื่นพลังปราณที่มองไม่เห็นดึงขึ้นมาจนขาลอยขึ้นเหนือพื้น
“เกิดอะไรขึ้นกับลู่จุ้น? บอกข้ามาช้าๆชัดๆ”
เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากเขา เย่เย่ก็ไม่รอช้ารีบบึ่งไปที่หอเทพศาสตราในทันที ปล่อยให้กู๋จื่อเช่ายังคงยืนงงอยู่ตรงนั้น
ด้วยความเร็วที่ฝึกปรือมาเป็นอย่างดี ไม่นานนักเย่เย่ก็ไปถึงหอเทพศาสตรา ก่อนรีบเดินไปยังส่วนลึกด้านหลังหอตามคำบอกเล่าของกู๋จื่อเช่า
เบื้องหน้าของเย่เย่ปรากฏให้เห็นเวรยามระดับเทพอสูรสองนาย เฝ้าอยู่ที่ทางลงไปยังชั้นใต้ดิน เมื่อทั้งสองสังเกตเห็นเย่เย่ ก็ไม่รอช้าตั้งท่าพร้อมสู้ในทันใด
“ถอยไป!” เย่เย่แผดเสียงดังออกมา ก่อนใช้ขาซ้ายขวาเตะทั้งสองเทพอสูรกระเด็นออกไป
เสียงดังโครมครามจากภายนอกทำให้ฉางเซี่ยรู้ตัว แต่กว่าที่เข้าจะตั้งตัวได้ทันเย่เย่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
เมื่อเย่เย่ชายตามองไปที่ลู่จุ้น ก็พบว่าร่างของเขามีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง สติก็เริ่มเลือนรางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติเย่เย่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างทันท่วงที
ฟิ้ววววววววว
กายหยาบของเย่เย่แปรเปลี่ยนเป็นสายลม พุ่งผ่านร่างของฉางเซี่ย ตัดโซ่ตรวนทั้งสี่ที่พันธนาการลู่จุ้นอยู่ด้วยการตวัดมือเพียงคราเดียว ทันใดนั้นร่างที่หนักอึ้งของลู่จุ้นก็ล้มลง แต่ทว่า เย่เย่ก็คว้าปีกของเขาเอาไว้ได้ทัน
“กินยานี่ แล้วรีบเดินพลังซะ!” เย่เย่หยิบน้ำเต้ายาออกจากแขนเสื้อ ก่อนเทยาเม็ดสลายแผลกายให้ลู่จุ้น พลางชำเลืองมองชายผู้ที่ทำร้ายพรรคพวกของเขา
“เจ้าก็คือ ฉางเซี่ยผู้จัดการของหอเทพศาสตราสินะ?” เย่เย่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยจิตสังหารที่ล้นเอ่อออกมา
แม้เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เย่โดยตรง จะทำให้ฉางเซี่ยหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่อเขานึกถึงผู้ที่หนุนหลังเขาอยู่ก็ทำให้เขาสงบใจลงได้ ถึงแม้จะน่าเสียดายที่ไม่สามารถหาคำตอบของแหล่งที่มาของสินค้าหอการค้าหยูเย่ได้ แต่เขาก็มั่นใจว่าเย่เย่ไม่กล้าลงมืออะไรไปมากกว่านี้
“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง ข้าไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดการของที่นี่ แต่ข้ายังเป็นบริวารของสกุลเจียงอีกด้วย นายท่านข้าอยากจะพบท่านเย่เป็นการส่วนตัวมานานแล้ว ดังนั้นข้าขอถือโอกาสนี้เรียนเชิญท่านเย่เลยก็แล้วกัน”
ในเมื่อเย่เย่มาเยือนที่หอเทพศาสตราด้วยตัวเอง ฉางเซี่ยก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป
แม้ว่าสกุลเจียงนี้จะไม่คุ้นหูเย่เย่สักเท่าไหร่ แต่สีหน้าของลู่จุ้นกลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขารีบเดินลมปราณเพื่อรักษาตัวเองและอธิบายเกี่ยวกับสกุลเจียงให้เย่เย่ฟัง
ตระกูลเจียงนั้นเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ในหวางตู้ ทหารยศใหญ่หลายคนต่างเป็นสมาชิกของตระกูลเจียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมุขเจียงเยว่ผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง แต่รากฐานอำนาจของพวกเขามาจากการที่จักรพรรดิเหิงโปรดปรานในตัวเจียงเหยียน ธิดาสกุลเจียง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อิทธิพลของสกุลเจียงยิ่งใหญ่ไม่เป็นสองรองใคร เป็นรองเพียงราชสกุลวงศ์เท่านั้น
“ท่านเย่ ข้าว่าเราถอยก่อนเถอะ การเป็นปรปักษ์กับสกุลเจียงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่!” แม้ลู่จุ้นจะแค้นฉางเซี่ยเข้ากระดูกดำ แต่เมื่อรู้ว่าสกุลเจียงเป็นฐานอำนาจของหอเทพศาสตรา จึงทำให้เขาระงับอารมณ์ชั่ววูบลงได้
แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ทั้งสองก็ถูกปิดล้อมด้วยกำลังคนจำนวนมาก ฉางเซี่ยรู้ดีว่าเขาไม่สามารถปะทะกับเย่เย่ด้วยวรยุทธ์ตรงๆได้ จึงใช้วิธีคนมากรังแกคนน้อย
“ข้าขอพูดอีกครั้ง นายท่านของข้าอยากพบใครเขาก็ต้องได้พบ ตราบใดที่ท่านยอมเข้าร่วมกับสกุลเจียงและราชสำนัก ในอนาคตท่านจะได้รับผลตอบแทนที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว และมเหสีเจียงจะทรงปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างมาก แต่หากท่านยังดื้อดึงอยู่อีกล่ะก็พวกข้าก็คงต้องขอล่วงเกินท่านล่ะ!”
แต่คำตอบของเย่เย่กลับไม่เป็นไปอย่างที่ฉางเซี่ยคาดหวัง เมื่อเขาพูดจบ เย่เย่ก็ไม่ลังเลที่จะตอบปัดไปอย่างไร้เยื่อใย
“ช้าไม่รู้หรอกนะว่าสกุลเจียงลูกชิ้นปลาของเจ้าจะใหญ่มากจากไหน แต่มาหาเรื่องข้าแบบนี้คงจะเตรียมใจเอาไว้แล้วสินะ!”
“น่ะ นี่เจ้า!? บังอาจหยามเกียรติสกุลเจียงงั้นรึ!?” ด้วยไฟโทสะ ทำให้ฉางเซี่ยเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เขาใช้ดรรชนีพุ่งทะยาน จู่โจมเย่เย่อย่างรวดเร็ว
เย่เย่เบี่ยงตัวหลบเพียงเล็กน้อยก่อนใช้ฝ่ามือตวัดไปที่ข้อแขน ก่อนไล่ขึ้นมาหักนิ้วของศัตรู
กร๊อบบบบบบบ!
“อ๊ากกกกกกกกกก!”
“ทะ ท่านฉาง!?”
“แกบังอาจลงมือกับท่านฉางงั้นรึ ท่านเจียงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
เมื่อฉางเซี่ยล้มลง กุมนิ้วมือที่แตกละเอียด เหล่าสมุนที่อยู่ด้านหลังเขาก็รีบพยุงฉางเซี่ยกลับไปแนวหลัง เมื่อเห็นตัวอย่างพวกเขาก็กล้าๆกลัวๆไม่มีใครอาจหาญเปิดฉากการโจมตีกับเย่เย่อีก
“เย่เย่ ฝากไว้ก่อนเถอะ! ท่านหญิงไม่เอาเจ้าไว้แน่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าฉางเซี่ยขอไม่อยู่ร่วมโลกกับคนอย่างเจ้า!” ฉางเซี่ยกัดฟันพลางพูดขึ้นด้วยความคับแค้น เย่เย่นั้นพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา นอกจากแย่งชิงลูกค้าแล้ว ยังทำลายดรรชนีอันเป็นที่ภาคภูมิใจของเขาจนสิ้นอีกด้วย
“ท่านเย่ อย่าผลีผลาม สกุลเจียงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน” ลู่จุ้นที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ก็พูดเตือนสติเย่เย่ด้วยสีหน้าอิดโรย
แต่คำพูดของลู่จุ้นนั้นดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงเย่เย่ เขาเดินแหวกเข้าไปในกองทหาร กองทหารก็แตกฮือเป็นสองฟาก จนไปถึงตัวฉางเซี่ย
“เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้ากล้าต่อต้านสกุลเจียงงั้นรึ!? ข้าบอกเจ้าไว้เลยนะ ผลที่ตามมามันเกินกว่าที่หอการค้าเล็กๆของเจ้าจะรับไหว!”
เย่เย่ได้ยินดังนั้นก็ลดมือลง ก่อนเดินหันหลังกลับไป
“เจ้าโง่! ไม่มีใครสอนรึว่าอย่าหันหลังให้ศัตรู บรรพชนสกุลเย่คงขายหน้าแย่!” ฉางเซี่ยเงยหน้า พลางชักกระบี่จากข้างเอวของทหารออกมาหมายปลิดชีวิตของเย่เย่ภายในคราเดียว
แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ร่างของเขาก็ถูกพลังปราณที่มองไม่เห็นซัดกระเด็นออกไปชนกับกำแพง อย่างรุนแรง เย่เย่นั้นไม่ได้เดินหันหลังให้เขาเพราะยำเกรงในอำนาจสกุลเจียง แต่เป็นเพราะการโจมตีของเขาจบลงตั้งแต่ก่อนที่ฉางเซี่ยจะได้ตั้งตัวเสียอีก…