แผดเผาเถิด
เฉินฉางเซิงบอกกับตัวเองอย่างสงบนิ่ง
สิ้นเสียงในใจสามคำ เกล็ดหิมะละอองดาว แนวป้องกันในร่างของเขาก็ถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว ด้วยความร้อนที่ใช้มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า พริบตาเดียวเกล็ดหิมะจึงถูกเผาผลาญจนแห้งสนิท ขณะเดียวกัน น้ำใสสะอาดในทะเลสาบรอบภูเขาแท่นวิญญาณก็สั่นไหว ก่อนจะเกิดเปลวไฟสีน้ำเงินขึ้น สวยงามเป็นอย่างยิ่ง
เกล็ดหิมะหลอมละลายกลายเป็นน้ำใส ระเหยเป็นไอหมอก แล้วกลั่นตัวเป็นน้ำอีกครั้ง ก่อนเปลี่ยนรูปเป็นไอ ซึ่งก็คือพลังปราณ มันแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงทั่วร่างของเขา ชะล้างสิ่งอุดตันตามเส้นชีพจร เปิดท่อลำเลียงที่แห้งขอด ไม่ว่าข้างหน้าเป็นป่าหินหรือหุบเหวลึก มันก็พุ่งเข้าใส่ถ่ายเดียว
พลังปราณที่บ้าคลั่งทำให้โลหิตภายในกายของเขาคุกรุ่น กระตุ้นการเผาผลาญของอวัยวะภายในและเส้นชีพจร ทำให้เขาเจ็บปวดสาหัสสากรรจ์ สีหน้าจึงซีดขาวสุดๆ แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับยิ่งใสกระจ่าง
เฉินฉางเซิงไม่ได้ตั้งใจบรรลุในระดับขั้นบำเพ็ญเพียรของตน เขายืนอยู่ตรงธรณีประตูระหว่างความเป็นความตาย นำชีวิตของตนเข้าเสี่ยง เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พลังปราณเพียงพอกับกระบี่สั้นในมือ เพื่อปลุกให้วิญญาณในตัวกระบี่ตื่นขึ้น
บนท้องฟ้าหน้าสุสาน มหาวิหคปีกทองมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่ยี่หระ ลมพายุและไอสีขาวตรงเส้นแสงที่ขอบปีกทั้งสองข้างของมันให้ความรู้สึกทั้งงดงามและน่าพิศวง ดวงไฟเทวาในดวงตาของมันก็เคร่งขรึมและน่ายำเกรงอย่างมาก มันจึงดูทั้งน่าเคารพและน่าชื่นชม
แม้ร่างของเฉินฉางเซิงจะเคยอาบโลหิตมังกรมาก่อน และมีสัญชาตญาณในการป้องกันตัวที่เกือบจะสมบูรณ์ แต่การเผาผลาญของละอองหิมะ ตามด้วยการเผาผลาญของน้ำในร่าง ทำให้พลังปราณที่ยากจินตนาการระเบิดออก ร่างกายของเขาจึงยากที่จะรับไหว และเริ่มปริแตก
ส่วนที่ปริแตกก่อนก็คือหางตา ต่อด้วยใบหู โลหิตไหลออกจากหู ตา จมูก ปาก ผิวหนังบนใบหน้าเริ่มแตก เส้นโลหิตปูมบวม ดูสยดสยองยิ่ง ในร่องโลหิตยังสามารถมองเห็นกระดูก และเปลวไฟอันรางเลือนคล้ายเป็นจุดดวงดาวพร่างพราว โลหิตที่ไหลออกจากใบหน้าและมือของเขาทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่ม ด้ามกระบี่เปียกชุ่ม โลหิตหยดลงบนแท่นหิน ขณะที่ร่างของเขายังคงเผาผลาญต่อ
กลิ่นหอมอันไม่สามารถบรรยายได้มาพร้อมกับโลหิตของเขา แผ่กำจายไปรอบสุสาน แต่เพราะมันผ่านการเผาผลาญมาก่อน กลิ่นจึงเปลี่ยนเป็นเข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่า และกระจายออกไปไกลจนเกือบถึงชายขอบทุ่งหญ้าด้วยซ้ำ
สัตว์อสูรย่อมมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นหอมนี้ก่อนใคร ทะเลสีดำรอบสุสานจึงเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงขึ้นมา สัตว์อสูรที่ถูกพลังเทพของมหาวิหคปีกทองข่มขวัญจนไม่กล้าโงหัวขึ้น ถึงกับอดรนทนไม่ได้ต่อกลิ่นหอมอันเย้ายวนใจที่คล้ายจะมาจากอวัยวะอันลึกล้ำของสิ่งมีชีวิต พวกมันต่างพากันเงยหน้ามองไปยังสุสาน พลางหอบหายใจแรง ส่งเสียงฮึมฮัม น้ำลายหยดเป็นทาง ดวงตาแดงก่ำ ด้วยความตื่นเต้นและตะกละตะกลาม
มหาวิหคปีกทองก็ได้กลิ่นหอมนี้เช่นกัน เงาดำทะมึนของมันยังคงปกคลุมท้องฟ้า แต่ดวงตาที่เหมือนดวงไฟเทวาของมันกลับกลอกไปมา ในตอนนี้เอง ดวงไฟเทวาทั้งสองดวงก็ลุกโชนขึ้นพร้อมเสียงดังเปรี้ยง สัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่แยแสสนใจสิ่งใดอย่างมัน ในที่สุดก็เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
เป็นอารมณ์ชื่นชมต่อความงดงามของชีวิต เกิดความหวังในวันข้างหน้า กระหาย และ…ปรารถนา
นี่เป็นอารมณ์ที่เฉินฉางเซิงกลัวที่สุด เพราะมันเกิดจากเรื่องที่เขากลัวที่สุด แต่ตอนนี้เขาไม่กลัว เพราะกำลังยืนอยู่บนธรณีประตูระหว่างความเป็นความตาย ถ้าต้องการแผดเผาตนเองเพื่อปลุกวิญญาณกระบี่ให้ตื่นแล้ว ไยต้องสนใจสายตาเหล่านี้ด้วย?
เงาดำทะมึนของมหาวิหคปีกทองปกคลุมสุสาน ปีกทั้งสองข้างที่กางออกของมันครอบคลุมพื้นที่ในทุ่งหญ้าไม่รู้กี่พันลี้ มืดมนไปทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน แสงสว่างในสุสานทั้งหมดถูกบดบัง เหมือนกลางคืนอันมืดมิดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน กระบี่หมื่นเล่มสั่นน้อยๆ เริ่มต้านไม่ไหว บางเล่มเหมือนกับจะหล่นลงอยู่รอมร่อ
พลังคุกคามเบ็ดเสร็จในจุดสูงสุด หลอมรวมกับสิ่งที่เย้ายวนที่สุดชนิดนั้น อีกทั้งความโลภความปรารถนาที่มีอยู่เป็นทุนเดิม คล้ายจะกลายเป็นพลังธรรมชาติบางอย่าง แล้วตกลงบนร่างของเฉินฉางเซิงที่อยู่หน้าประตูสุสาน
พริบตานั้น โลหิตที่หลั่งไหลอยู่บนร่างของเขาพลันหยุดลง เปลวไฟที่กำลังเผาร่างดับวูบ ผมดำที่ชี้ตั้งอยู่ด้านหลังตกลง ปลายผมเริ่มแห้งและเหลือง ก่อนกลายเป็นสีเทา แล้วค่อยๆ ร่วงลง
ตื่นสิ
เขาคิดพลางมองดูกระบี่สั้นในมือ
ตื่นขึ้น
เขาพูดในใจเงียบๆ
ในใจคืออะไร? คือแดนลี้ลับ แดนลี้ลับอยู่ไหน? อยู่บนภูเขาแท่นวิญญาณ
แดนลี้ลับของเฉินฉางเซิงเปิดนานแล้ว บนภูเขาแท่นวิญญาณไม่มีใบไม้ร่วงสักใบ แต่ถูกทะเลสาบที่กึ่งสมจริงกึ่งมายาห่อหุ้มไว้ ภูเขาอยู่ในทะเลสาบ
น้ำในทะเลสาบที่แขวนตัวอยู่บนท้องฟ้าสะอาดใสแจ๋ว บนผิวน้ำมีเปลวไฟสีน้ำเงินลุกโชนอยู่ ก้นบึ้งที่ลึกสุดของทะเลสาบ วิญญาณมังกรดำกำลังลอยล่องอยู่อย่างเงียบๆ พอเสียงในใจเฉินฉางเซิงดัง พลังสายหนึ่งก็สั่นเล็กน้อย แล้วจึงเคลื่อนจากแดนลี้ลับมาสู่ทางเดินบนภูเขาแท่นวิญญาณ จากนั้นก็ค่อยเคลื่อนไปยังทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบเริ่มกระเพื่อมเล็กน้อย และสาดใส่ร่างมังกรดำเบาๆ คล้ายลูบมันอย่างอ่อนโยน คล้ายบิดาขณะที่ยังไม่ได้ออกจากบ้าน และทุกเช้าจะเข้ามาเรียกให้มันลุกจากเตียง
มังกรดำค่อยๆ ลืมตาขึ้น แววตาของมันปรากฏความกังวลใจให้เห็น ขณะมองดูก้อนน้ำแข็งรอบๆ ตัวในทะเลสาบ สักพักจึงนึกได้ว่าก่อนที่ตัวมันเองจะหลับลึกนั้นเกิดอะไรขึ้น จากนั้นมันก็รู้สึกว่าเกิดแรงสั่นสะเทือนในแดนลี้ลับก้นบึ้งทะเลสาบ แล้วจึงได้ยินเสียงของเฉินฉางเซิง อีกสักพักจึงค่อยเข้าใจว่าตอนนี้ด้านนอกกำลังเกิดอะไรขึ้น กระทั่งมองเห็นมหาวิหคปีกทองบนท้องฟ้า
พลังเย็นชาสายหนึ่งแผ่ออกจากดวงตาของมัน ให้ความรู้สึกหยิ่งทะนงและดูแคลน แม้ตอนนี้มันเป็นเพียงวิญญาณตนหนึ่ง แต่ก็รับไม่ได้กับการท้าทายของมหาวิหคปีกทอง ดังนั้นอาการหยิ่งทะนงและดูแคลนของมันจึงหมายความว่ามันโกรธเคืองมาก
เสียงคำรามอย่างเดือดดาลของมังกรดำดังขึ้นจากก้นบึ้งทะเลสาบ แต่ยังไม่ทันแผ่ไปไกล น้ำในทะเลสาบก็กระเพื่อมไม่หยุด ผิวน้ำถูกแผดเผาอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังเปรี้ยง มังกรดำพุ่งตัวขึ้นจากทะเลสาบ ออกจากแดนลี้ลับ บินข้ามที่ราบหิมะที่ถูกเผาไหม้ไปจนหมด ไปตามแม่น้ำพลังปราณที่ก่อตัวขึ้นจากไอหมอกและน้ำใส บินข้ามท่อลำเลียงที่ไม่แห้งผากอีก บินข้ามช่องเขาขาดและเหวลึก จากนั้นก็ทำตามจิตใต้สำนึกของเฉินฉางเซิง บินเข้าไปในแขนของเขา เข้าสู่โลกใบใหม่
วิญญาณมังกรดำเข้าไปในกระบี่สั้น สำหรับมันแล้ว นี่เป็นโลกที่แปลกแยกอย่างสิ้นเชิง มีแสงสีทองเต็มไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้จู่ๆ มันก็รู้สึกสนิทสนมขึ้นมาก็คือ ในโลกใบนี้ มันรู้สึกได้ถึงพลังสองสายที่คุ้นเคย ซึ่งแข็งแกร่งมาก จนทำให้มันรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ก็ไม่อาจแสดงอาการขัดขืน เพราะพลังทั้งสองสายล้วนเป็นผู้อาวุโส
ไม่มีใครรู้ กระทั่งเฉินฉางเซิงเองก็ยังไม่รู้ว่าระหว่างกระบี่สั้นเล่มนี้กับเผ่าพันธุ์มังกรมีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นเพียงไหน
ในวัดเก่าแก่ของเมืองซีหนิง อวี๋เหรินมอบกระบี่สั้นเล่มนี้ให้กับเขา และเขาก็ใช้มันต่อสู้มาแล้วหลายครั้งหลายหน ความคมของมันทำให้โลกตกตะลึงมานักต่อนัก แต่ความจริงแล้ว มันยังมิได้สำแดงพลังอันแท้จริงออกมา
เพราะเขาบำเพ็ญเพียรอยู่ในขั้นที่ธรรมดามาก และไม่มีทางไปถึงขั้นที่คู่ควรกับเจตจำนงของกระบี่สั้น และเพราะเมื่อสิบห้าปีก่อน ตอนที่มันถูกตีสำเร็จ ก็ต้องอยู่กับอารมณ์ที่ไม่เต็มใจมาตลอด มันจึงไม่ยอมตื่น
จนถึงตอนนี้ วิญญาณมังกรเข้ามาในตัวมัน แล้วได้พบกับเจตจำนงกระบี่มังกรครวญ มันจึงตื่นขึ้น
ตื่นขึ้นแล้วอย่างแท้จริง
เฉินฉางเซิงไม่รู้ว่ากระบี่สั้นมีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่เขารู้ว่ามันตื่นแล้ว
วิญญาณกระบี่ของมันตื่นแล้ว
เขาเงยหน้ามองไปยังมหาวิหคปีกทองบนท้องฟ้าของสุสานอย่างสงบนิ่ง แววตาใสกระจ่าง เต็มไปด้วยเจตจำนงในการต่อสู้
แววตาของเขาทำให้กระบี่หมื่นเล่มรอบๆ สุสานค่อยๆ หันเข้าหามหาวิหคปีกทอง เตรียมออกศึก
ไปเถิด เขาพูดกับกระบี่สั้นในใจ แต่กลับไม่รู้ว่าสองคำนี้ได้เปล่งออกจากปากของตนแล้ว
“ไปเถิด!”
เขาโยนกระบี่สั้นในมือไปบนฟ้า!
กระบี่สั้นกลายเป็นแสงสีทองสายหนึ่ง พุ่งออกจากแท่นหินหน้าประตูสุสานเข้าหามหาวิหคปีกทอง! เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หน้าสุสานปรากฏแสงสีทองหมื่นสาย กระบี่หมื่นเล่มส่งเสียงดังพร้อมๆ กัน เสียงที่ทั้งคมกริบทั้งแหบแห้ง!
พวกมันพุ่งแหวกอากาศเสียงดังเฟี้ยวฟ้าว ตามกระบี่สั้นไป! พลางเปล่งแสงเจิดจ้า!
ร่มกระดาษทองในมือเฉินฉางเซิงสั่นไหวเบาๆ คล้ายอวยพรและให้กำลังใจ
กระบี่สั้นวาดเส้นตรงเส้นหนึ่งบนท้องฟ้าที่มืดมิด
ลำแสงหนึ่งเดียวของหมื่นกระบี่ตามติดอยู่ด้านหลังมัน จึงกลายเป็นเส้นแสงยาวราวสิบลี้เส้นหนึ่ง!
หมื่นกระบี่มาถึงจุดสูงสุดบนท้องฟ้า ที่ที่ขอบปีกมีแสงทั้งสองข้างของมหาวิหคปีกทองปกคลุมพวกมันอยู่
แสงที่เปล่งออกจากหมื่นกระบี่แวววาวไม่หยุดดุจเกล็ดกิเลน
หมื่นกระบี่จึงดูเหมือนหมื่นเกล็ดกิเลนรวมตัวกันอยู่บนฟ้า หน้าสุดของพวกมันคือกระบี่สั้น
กระบี่สั้นเปล่งพลังคุกคามและแสงอันเจิดจรัสชนิดยากจินตนาการ
ท่ามกลางความขมุกขมัว ในแสงสว่างของเทพศักดิ์สิทธิ์ คล้ายปรากฏศีรษะสีทองของมังกรให้เห็น
นั่นคือศีรษะของมังกรทองขนาดใหญ่หนึ่งตัว มังกรที่เหาะเหินเริงระบำ แหวกว่ายทะลวงท้องฟ้ากว้างไกล