ส่วนที่ 2 ภาคถนนสายนี้ไม่มีผู้มาก่อน ตอนที่ 58 รวมกันเป็นหนึ่ง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

มังกรทองหนึ่งตัวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน มันส่งเสียงคำรามหนึ่งครา ก่อนเลื้อยไปมา ลมหายใจมังกรบดขยี้ที่ราบทุ่งหญ้าทั้งผืน

สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนหมอบราบกับพื้น ตัวสั่นเทาไม่กล้าขยับ แม้ตัวที่แข็งแกร่งสุดและยโสสุดอย่างยักษ์ล้มภูเขาก็เช่นกัน ตัวที่พยายามจะเงยหน้าร่างก็ระเบิดกลายเป็นกองโลหิตในเวลาต่อมา กระทั่งอสรพิษวารีที่โชคดีรอดชีวิตจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็ยังหวาดกลัวจนตัวกระตุกไปหมด คล้ายจะสามารถขบกัดตัวเอง ฆ่าตัวตายแสดงความภักดีได้ทุกเมื่อ

เพราะนี่คือมังกร ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามหาวิหคปีกทอง ดำรงอยู่ในจุดสูงสุดอย่างแท้จริง และมีความใกล้เคียงกับทวยเทพมากสุด

ดวงไฟเทวาในดวงตาทั้งสองข้างของมหาวิหคปีกทองยังคงลุกโชน แต่กลับเงียบงันอย่างน่าประหลาด มันมองดูมังกรขนาดใหญ่ที่บินขึ้นจากสุสาน แล้วระเบิดเจตจำนงการต่อสู้อย่างแรงกล้าออก ตัวมันเองถือกำเนิดจากแสงสว่าง เหตุใดจึงต้องกลัวแสงจ้าที่แสบตาด้วย มันมีชีวิตอยู่เพื่อท้าทายพลังอำนาจของมังกรและหงส์อยู่แล้ว ทำไมต้องกลัวพลังที่เปล่งออกจากมังกรทองนั่นด้วย อีกทั้ง…หมื่นกระบี่กลายเป็นมังกร มันคือมังกรจริงๆ หรือ?

เสียงร้องอย่างดุร้ายดังก้อง มหาวิหคปีกทองกู่ร้องแหวกอากาศไปทางสุสาน ทำให้ท้องฟ้าบางส่วนในทุ่งหญ้าสั่นสะเทือนจนเปลี่ยนรูปไป พอมันกางกรงเล็บคู่ออก พื้นดินของทุ่งหญ้านับสิบลี้ก็คล้ายถูกมันจับขึ้น! มันคิดจะใช้กรงเล็บที่สามารถฉีกผืนฟ้าตัดแผ่นดินกรีดแทงไปที่ศีรษะมังกรทอง!

กระบี่หมื่นเล่มที่รวมตัวกันเป็นมังกรทองเหาะขึ้นด้านบนด้วยแววตาไม่ยี่หระ หยิ่งยโสและเย็นชา มังกรต้องเลื้อยไปมา และจัดการทุกสิ่งอย่างที่เปล่งแสงบนท้องฟ้าให้กลายเป็นเศษธุลี มันมีพลังข่มขวัญและแสงเจิดจ้าอันไร้เทียมทาน แต่ที่แปลกก็คือ ลมหายใจของมันกลับเย็นยะเยียบ พริบตาเดียว ท้องฟ้ารอบสุสานพลันมีหิมะตกลงมาอย่างหนัก

ทันใดนั้น ดวงไฟเทวาที่ตาของมหาวิหคปีกทองก็สั่นไหว จากความเย็นที่แผ่ซ่านเข้ามาของลมหายใจมังกรทอง รวมทั้งการที่มันพลันพบเรื่องจริงที่น่าตกใจเรื่องหนึ่ง เจตจำนงมังกรที่เกิดจากกระบี่หมื่นเล่มมารวมตัวกัน เป็นเจตจำนงของมังกรจริงๆ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ในมังกรกระบี่นี้มีพลังมังกรขนาดใหญ่สองชนิด! มังกรยักษ์ทองคำและมังกรยักษ์น้ำค้างแข็ง! ซึ่งถือเป็นเผ่าพันธุ์มังกรที่แข็งแกร่งสุด สูงส่งสุด และศักดิ์สิทธิ์สุด ขณะเดียวกันก็เป็นพลังมังกรสองชนิดที่เข้ากันไม่ได้ แต่กลับรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ในมังกรกระบี่ตัวนี้!

และตอนนี้ กระบี่หมื่นเล่มรวมตัวกันเป็นมังกรได้ ก็ย่อมมีความแข็งแกร่งกว่ามังกรยักษ์ทองคำและมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งเป็นไหนๆ!

มังกรทองปะทะกับมหาวิหคปีกทองบนท้องฟ้า ท่ามกลางหิมะตกหนัก!

บนฟ้าเกิดเสียงแผดร้องอย่างโกรธแค้นจากความไม่พอใจ กับเสียงคำรามอย่างโกรธเคืองที่เจือไปด้วยความเจ็บปวด!

กรงเล็บข้างขวาของมหาวิหคปีกทองแตกหักในทันใด เงาดำทะมึนที่ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าถูกมังกรกระบี่ฟันออกจากกัน!

ลำตัวของมังกรกระบี่ก็ถูกกรงเล็บมหาวิหคปีกทองตะปบจนเป็นรอยแผลเหวอะหวะ!

แสงจากกระบี่หมื่นเล่มกะพริบติดๆ ดับๆ ขณะที่โลหิตหลั่งไหลออกจากร่างมหาวิหคปีกทอง หยกเหลวกลายเป็นสีทองเมื่อหยดลง ทำให้ทุ่งหญ้าติดไฟ เผาสัตว์อสูรนับพันตกตาย บางหยดกลายเป็นพายุพิโรธ ทำลายผืนดินจนกระจัดกระจาย

พายุหิมะและทะเลเพลิง โหมเข้าใส่ฟ้าดินพร้อมกัน

มังกรทองคำรามพลางอ้าปากขนาดใหญ่พุ่งเข้าหามหาวิหคปีกทอง คล้ายคิดกลืนกินฟ้าดินลงไปในท้อง!

เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!

แสงสีทองแผ่กระจายทั่วฟ้า ความมืดมิดเลือนหายไป

พื้นดินในทุ่งหญ้าหน้าสุสานยุบลง กินบริเวณกว้างนับสิบลี้ ลึกราวสิบจั้ง

สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนตายอยู่ในนั้น

ก้อนหินรอบๆ แหลกลาญ

แม้ผาหินที่อยู่สูงสุดของสุสาน ก็ยังมีหินร่วงหล่นลงไปนับไม่ถ้วน เสียงที่ดังลั่นปานสายฟ้าฟาด สะเทือนจนทุ่งหญ้ามีแต่เสียงปริแตก ได้ยินเสียงร้องเจี๊ยกๆ ที่ยากรับได้ลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมด คลอไปกับเสียงต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งของพลังเทพ เสียงร้องโหยหวนของสัตว์อสูร จนกระทั่งสุดท้ายค่อยได้ยินเสียงแผดร้องดังสนั่นของมังกร!

เสียงแผดร้องดังชัดเจนแม้อยู่ห่างไกล คล้ายมาจากบรรพกาล แต่ก็คล้ายเกิดขึ้นตรงหน้า ให้ความรู้สึกเย่อหยิ่งอหังการสุดจะเปรียบ!

มังกรกระบี่หมื่นเล่ม กลืนฟ้าดิน กินมหาวิหคปีกทองลงไปแล้ว!

……

……

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด พายุหิมะจึงเบาบางลง ละอองหิมะลอยละล่อง เสียงต่างๆ นานาที่ดังสนั่นก็ค่อยๆ เบาลงเช่นกัน ทุ่งหญ้ากลับคืนสู่ความสงบพอควร สัตว์อสูรที่ดิ้นรนให้รอดชีวิตนับหมื่น เงยหน้าขึ้นมองพลางรู้สึกกลัวและไม่สบายใจ พวกมันเห็นเพียงท้องฟ้าสดใส แม้หิมะยังตกอยู่ แต่กลับไม่มีเมฆ และไม่เห็นเงาดำทะมึนที่ปกคลุมอยู่นาน

จุดสีดำเล็กๆ จุดหนึ่งหล่นลงจากฟากฟ้า คล้ายใบไม้ใบหนึ่ง สักพักจึงตกถึงพื้นดิน แต่เสียงเบาอย่างมาก เมื่อเทียบกับเสียงการเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งของการต่อสู้ก่อนหน้า เสียงนี้แทบไม่ทำให้รู้สึก

หนานเค่อนั่นเอง นางตกลงมาอย่างแรง กระอักโลหิตสดๆ ออกมามากมาย ตรงหัวถนนเสินหน้าสุสาน

เฉินฉางเซิงมองดูนาง เป็นการมองลงต่ำอย่างไม่ตั้งใจ

เขารู้ว่าหลังจากเอาชนะมหาวิหคปีกทองตัวนั้นแล้ว หมื่นกระบี่ย่อมมีบ้างที่จะแตกหักและอ่อนล้าเต็มที แต่เรื่องบางอย่างจำต้องมีบทสรุป

เขาจึงยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปยังหนานเค่อที่อยู่ด้านล่างถนนเสิน พลางพูดคำว่า ‘ไป’ เงียบๆ ในใจ

ท้องฟ้าบนสุสานพลันสว่างขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การนำของกระบี่สั้น หมื่นกระบี่หันเหทิศทาง พุ่งเข้าจู่โจมหนานเค่อ พวกมันยังคงเป็นมังกรตัวหนึ่ง เพียงแต่สีอ่อนกว่าเมื่อครู่

สองสามีภรรยาขุนพลมารยืนอยู่หน้าร่างหนานเค่อ ทั้งสองสบตากัน ต่างเห็นความเด็ดเดี่ยวและคำขอโทษของกันและกันในดวงตา ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่สระกระบี่ปรากฏ และกระบี่หมื่นเล่มลอยอยู่กลางอากาศรอบๆ ตัวเฉินฉางเซิงนั้น พวกเขาก็สบตากันครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนั้นในดวงตาก็มีเพียงคำขอโทษและความเด็ดเดี่ยวเช่นกัน ตอนนั้นพวกเขารู้กลายๆ แล้วว่า แผนการที่กุนซือวางไว้ในสวนโจวล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่ากุนซือทำนายได้แม่นยำแค่ไหน ไม่ว่าองค์หญิงหนานเค่อแข็งแกร่งเพียงใด หรือซ่อนกลวิธีอะไรอยู่ ก็ล้วนไม่มีทางจัดการกับเหตุไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนนี้ไม่หยุดหย่อนไปได้

ไม่เกี่ยวกับความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขา นี่คือโชคชะตา

พวกเขารู้สึกว่าเฉินฉางเซิงนั้นโชคดีมาก

แววตาแสดงความเด็ดเดี่ยวขณะที่พวกเขาสบตากัน นั่นหมายความว่าถึงเวลาแล้ว พวกเขาต้องออกจากที่นี่ให้ได้ มีเพียงการฟื้นฟูพลังให้เท่ากับพลังที่แท้จริงเท่านั้น จึงจะทำให้พวกเขาพอจะมีโอกาสชนะบ้าง แต่ในสวนโจวแห่งนี้ หากพวกเขาฟื้นฟูพลังเมื่อไหร่ ก็ย่อมต้องตายเมื่อนั้น

กระบี่หมื่นเล่มดุจมังกร พุ่งจากฟากฟ้าสู่แดนดิน

พวกเขายืนอยู่หน้าหนานเค่อ เกร็งพลังปราณเต็มที่ น่าเกรงขามขึ้นในพริบตา เหมือนอยู่บนยอดเขาจริงๆ นี่เป็นพลังสูงสุดในขั้นรวบรวมดวงดาว แม้อยู่ในที่ราบหิมะเมืองเสวี่ยเหล่า พวกเขาก็ไม่ได้เรียกขานกันเช่นนี้

ชุดเกราะสีดำสวมลงบนร่างของพวกเขา แต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาไม่ใช่สามีภรรยาวัยกลางคนธรรมดาๆ อีก พวกเขาไม่ใช่เถิงเสี่ยวหมิงกับหลิวหวั่นเอ๋อร์ แต่เป็นขุนพลมารที่ยี่สิบสามและยี่สิบสี่

กระบี่หมื่นเล่มมาถึงเป้าหมาย แล้วฟันใส่หนานเค่อทันที

สามีภรรยาขุนพลมารยืนอยู่ตรงหน้าหนานเค่อ

ศีรษะมังกรพ่นลมหายใจมังกร ทำให้เกิดแสงเจิดจ้า

ในแสงอันเจิดจ้า มองไม่เห็นอะไร ทำได้เพียงฟังเสียงเท่านั้น

ได้ยินเสียงเคร้งๆ ดังขึ้นมากมาย นั่นเป็นเสียงคมกระบี่กระทบกับชุดเกราะ กระทบกับคานหาบเหล็กและกระทะเหล็กใบใหญ่

ลมหายใจมังกรก็คือความคมของกระบี่

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด มังกรทองจึงส่งเสียงร้องลากยาวที่ยากเข้าใจออกมา ก่อนหันกายเหาะกลับสุสานเสร็จสิ้นการจู่โจม

เถิงเสี่ยวหมิงกับหลิวหวั่นเอ๋อร์ยืนอยู่หน้าร่างหนานเค่อ จ้องตากันเงียบๆ

ชุดเกราะสีดำบนร่างของพวกเขาขาดวิ่น ร่างอันแข็งแกร่งดุจหินผาของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากกระบี่

เถิงเสี่ยวหมิงมองหลิวหวั่นเอ๋อร์พลางพูดอย่างสงบนิ่ง “ขอโทษด้วย ไม่สามารถกลับบ้านเกิด ทำนา ดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนเจ้าได้แล้ว”

หลิวหวั่นเอ๋อร์ตอบ “ข้าควรเป็นฝ่ายขอโทษเจ้ามากกว่า หากไม่ใช่เพราะข้าต้องการกลับบ้านเกิด เวลานี้เราคงอยู่แนวหน้ากันแล้ว ไม่ใช่จู่ๆ ก็มาถูกมังกรฆ่าตายเช่นนี้”

เถิงเสี่ยวหมิงไม่ได้พูดอะไร

หลิวหวั่นเอ๋อร์จึงว่า “พระอาทิตย์ตกดินที่บ้านเกิดข้าสวยกว่าที่นี่เยอะ แต่ดูบ่อยๆ ก็เบื่อเหมือนกัน”

เถิงเสี่ยวหมิงกล่าวเสริม “จริงด้วย ตอนกระบี่หมื่นเล่มกลายเป็นมังกรก่อนหน้านี้ก็น่าดูมาก”

ระหว่างสนทนา บนท้องฟ้าก็ปรากฏสายฟ้าขึ้นมากมาย

เพราะต้องการปกป้องหนานเค่อจากการจู่โจมอย่างรุนแรงของมังกรหมื่นกระบี่ สามีภรรยาขุนพลมารคู่นี้จึงยกระดับขั้นวิชาของตนให้อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาวพร้อมกัน กฎเกณฑ์ในสวนโจวจึงเกิดปฏิกิริยา และเริ่มต้นการโจมตีโดยธรรมชาติ พวกเขามิได้หลบ เพราะพวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อต้านมังกรหมื่นกระบี่ พวกเขาใช้วิชามหายุทธ์สลายร่าง ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าต้องตาย

อัสนีสวรรค์ยังคงฟาดลงมาไม่หยุด ชัดเจนว่าโง่เขลาอย่างยิ่ง

……

……

กระบี่หมื่นเล่มกลับถึงสุสาน ในแสงอันเจิดจ้า เฉินฉางเซิงยื่นมือออกจับกระบี่สั้น

แต่กระบี่หมื่นเล่มยังคงไม่แยกย้าย พวกมันพุ่งเข้ามาหาเขา คล้ายจะฆ่าเขาอย่างไรอย่างนั้น

พวกมันส่งเสียงร้อง และไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด

เขาจึงตัดสินใจหลับตาลง

สักพัก เสียงกระบี่ก็จางหาย ความเงียบเข้าแทนที่

พอเขาลืมตาขึ้น กระบี่หมื่นเล่มก็หายไปแล้ว

มีเพียงกระบี่สั้นเท่านั้นที่ยังอยู่ในมือเขา