ถังซีได้ยินหมดทุกคำพูดและส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ฝูงชนนี่ช่างชื่นชอบการซุบซิบนินทากันเหลือเกิน พวกเธอซุบซิบกันตามใจปรารถนา เพราะคนที่ถูกนินทาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเธอ ถังซีเพียงกล่าวขอบคุณพนักงานต้อนรับ แต่ในสายตาของคนเหล่านี้เธอช่างเป็นคนสุภาพเหลือเกิน ส่วนเซียวจิ้นหนิงนั้นน่ารังเกียจมาก โดยตัดสินเอาจากความคิดเห็นของตนเองที่มีต่อเธอทั้งสอง… ถังซีจึงหันกลับไปยิ้มให้พวกเธอ แล้วหันหลังเดินตรงไปยังลิฟต์
ทันทีที่ถังซีเดินไปถึงประตูลิฟต์ก็เปิดออก เซียวจิ่งก็เดินออกมา เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นถังซียืนยิ้มอยู่ตรงหน้า และเมื่อมองไปด้านหลังก็เห็นบรรดาพนักงานกำลังจับจ้องมาที่พวกเขาด้วยความสนใจอย่างยิ่ง จึงเข้าใจในทันทีว่าทำไมน้องสาวจึงโทรเรียกให้เขามารับ แทนที่จะขึ้นลิฟต์ไปข้างบนด้วยตนเอง
พี่น้องเดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกัน เซียวจิ่งมองถังซียิ้มๆ “วันนี้สอบไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับจากโรงเรียนเร็วนักล่ะ แล้วมาที่นี่มาหาพี่เหรอ” เขามองถังซีอย่างสงสัย
ถังซียักไหล่ “สอบเสร็จแล้วค่ะ จะรู้ผลวันพรุ่งนี้” เธอชำเลืองมองเซียวจิ่งอย่างซุกซนและหัวเราะคิกคักในลำคอ “ก็มาหาพี่น่ะสิคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรหาพี่ จริงไหม”
“เดี๋ยวเถอะ” เซียวจิ่งใช้นิ้วจิ้มหน้าผากถังซี และกล่าวว่า “อย่าใช้พี่เป็นข้ออ้าง พี่รู้ว่าเธอโกหก เธอไปอยู่บ้านอื่นตั้งนาน ไม่เคยกลับมาเยี่ยมพวกเราเลย ยายตัวแสบ พี่ไม่เชื่อหรอกว่าเธอตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาหาพี่”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวจิ่ง ถังซีก็รู้สึกละอายใจ เธอสำนึกได้ว่าสิ่งที่เซียวจิ่งกล่าวนั้นถูกต้องทั้งหมด เธอมัวแต่ยุ่งมากตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ไม่ได้กลับบ้านไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่เลย มีแต่ท่านทั้งสองที่มาเยี่ยมเธอที่บ้านเซียวหงอี้ เมื่อนึกถึงว่าเซียวหงลี่กับหยางจิ้งเสียนมีเมตตาต่อเธอมากเพียงใด เธอก็คอตกอย่างสำนึกผิด
เซียวจิ่งไม่มีเจตนาจะกล่าวโทษถังซี เขารู้ดีว่าช่วงที่ผ่านมาถังซีต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เมื่อเห็นเธอรู้สึกผิดมากมายขนาดนี้ เขาก็อยากตบปากตัวเองแรงๆ เป็นที่สุด ที่พูดอะไรไร้สาระอย่างนั้นออกมา!
เซียวจิ่งยิ้มในเชิงขอโทษ ยื่นมือไปจิ้มที่ไหล่ถังซีเบาๆ “นี่ อย่าถือสาคำพูดพี่เลยนะ ถึงยังไงเธอก็กำลังจะย้ายกลับมาอยู่บ้านปลายเดือนนี้แล้ว พี่ล้อเล่นน่ะ อย่าคิดมากเลย คุณพ่อคุณแม่ก็หวังว่าเธอจะรักษาคุณป้าจนหายดี แล้วกลับมาอยู่บ้านเรา”
ถังซียิ้มให้เซียวจิ่ง “ฉันรู้ค่ะ พี่คิดว่าฉันอ่อนไหวขนาดนั้นเลยหรือ” เธอคล้องแขนเซียวจิ่งแล้วเอ่ยถามเสียงหวานว่า “พี่จิ่ง ช่วยอะไรฉันซักอย่างได้ไหม”
“ถ้างั้นเธอช่วยอะไรพี่สักอย่างด้วยได้ไหม น้องสาว”
ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก อันเฮาซึ่งยืนอยู่หน้าประตูจึงทันได้เห็นภาพนี้เข้า เธอยืนนิ่งอ้าปากค้าง จ้องมองพี่น้องคู่ประหลาดนี้อย่างมึนงง…
เมื่อเซียวจิ่งเห็นเธอก็รีบดึงแขนกลับ และลากถังซีออกจากลิฟต์ เขาถามถังซีเบาๆ ขณะเดินไปด้วยกัน “พี่ดูน่าสมเพชมากเลยไหม เมื่อกี้นี้”
ถังซีมองกลับด้วยความประหลาดใจกับคำถาม “ไม่เลยค่ะ พี่ดูแมนมาก พี่จิ่ง”
เซียวจิ่งมองถังซี แล้วหัวเราะเสียงขึ้นจมูก “จริง เห็นด้วยที่สุด เอาละ ไหนบอกมาสิว่าจะให้พี่ทำอะไรให้”
ถังซีหัวเราะคิก “ออกไปอยู่นอกห้องทำงานพี่สักห้านาที”
เซียวจิ่งประหลาดใจเมื่อได้ยินคำขอ “ทำไมเธอไม่ตรงไปที่ห้องทำงานเฉียวเหลียงเลยล่ะ”
“ถ้ามีคนเห็นฉันไปหาเฉียวเหลียงที่ห้องทำงานเขา ก็ต้องมีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับเฉียวเหลียง จริงไหม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมามีความสัมพันธ์รักใคร่กัน พี่ก็รู้ฉันยังเป็นนักเรียนมัธยมอยู่เลย!” ถังซีหลิ่วตาให้เซียวจิ่ง โบกมือให้เขา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานเซียวจิ่งอย่างเบิกบาน
เซียวจิ่งมองตามหลังเธอ แม้จะสบถเบาๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ เขากดล็อกลิฟต์ชั้นไว้ที่ชั้นห้าสิบหก ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานเฉียวเหลียง
นี่เฉียวเหลียงตั้งใจจะไม่เข้ามาที่บริษัทอีกแล้วหรือยังไง เขาจะปล่อยให้เฉียวเหลียงละทิ้งหน้าที่แบบนี้ต่อไปได้อย่างไร นี่มันเป็นบริษัทของเฉียวเหลียง เขาเองทำได้แค่ช่วยเหลือเฉียวเหลียงให้ผ่านพ้นวิกฤติของบริษัท ช่วยต่อสู้กับศัตรูทางธุรกิจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยากแบกรับภาระหนักอึ้งทั้งหมดไว้แทนเฉียวเหลียง
เฉียวเหลียงซึ่งกำลังอ่านเอกสารอยู่ เห็นเซียวจิ่งเดินเข้ามาก็เอนตัวไปด้านหลัง วางปากกาและเอกสารในมือลง ถอดแว่นสายตาออก ยกนิ้วขึ้นถูระหว่างคิ้วเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า “มีอะไร”
“โหรวโหรวมา ตอนนี้อยู่ที่ห้องทำงานฉัน ไปหาเธอหน่อยสิ” เซียวจิ่งเดินเข้าไปหาที่โต๊ะทำงาน แล้วหยิบเอกสารขึ้นดูด้วยท่าทีสบายๆ กล่าวขึ้นว่า “นายทำงานล่วงเวลามาสองสามวันแล้ว ควรพักซะบ้าง ไปพักผ่อนกับโหรวโหรวก่อน ไม่ต้องรีบเร่งมากนักหรอก นายบอกว่าคนที่เรียกมาเขามาถึงแล้วไม่ใช่หรือ เมื่อเขามาแล้ว เรื่องต่างๆ ก็ย่อมแก้ไขได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลหรอก”
เฉียวเหลียงวางมือลง ขยับผ่อนคลายกล้ามเนื้อคอที่ปวดเมื่อย ก่อนจะลุกยืนขึ้น “ตกลง ฉันให้นายช่วยจัดการต่อก็แล้วกัน ฉันจะออกนอกเมือง A สักสองวัน นายช่วยตัดสินใจเรื่องทุกอย่างในบริษัทแทนฉันด้วย ส่วนเรื่องที่หลู่ลี่บอกฉันจะจัดการเอง”
เซียวจิ่งยักไหล่ “ได้”
เฉียวเหลียงหยิบเสื้อโค๊ทจากเก้าอี้ เตรียมจะเดินออกไปข้างนอก แต่เซียวจิ่งเรียกไว้ เฉียวเหลียงจึงเอี้ยวตัวกลับมามองเซียวจิ่งซึ่งขมวดคิ้วถามว่า “ถ้าแก้ไขเรื่องทุกอย่างที่นี่ได้เรียบร้อย นายจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศไหม”
เฉียวเหลียงยิ้ม ตอบว่า “ไม่”
เซียวจิ่งจึงเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับยิ้มให้กับคำตอบนั้น “ถ้างั้นนายไปเถอะ”
เฉียวเหลียงยิ้มให้เขา เปิดประตู แล้วเดินจากไป
…
“คุณบอกว่าให้คนของคุณสืบเรื่องนี้แล้วงั้นเหรอ” ถังซีซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา มองเฉียวเหลียงอย่างประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่าเฉียวเหลียงจะจัดการสืบหาคนที่แอบติดตามคุณปู่ก่อนที่เธอจะขอร้องเขาเสียอีก และยังสืบพบแล้วด้วย! นี่เขามีโทรจิตติดต่อกับเธอได้หรือเปล่า
เฉียวเหลียงนั่งลงข้างๆ และยิ้มให้เธอ แต่ในดวงตาฉายประกายเย็นเยือก “หล่อนอยู่ตรงนั้นตอนที่ผมไปส่งคุณปู่ คงจะให้คนแอบติดตามเฝ้าดูคุณปู่! แต่ไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง วางใจเถอะ”
ถังซีขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นอย่างนั้น ตระกูลฉินก็กำลังจ้องทำลายเอ็มไพร์กรุปด้วยเหมือนกัน ตอนที่ไปเมืองหลวงคุณช่วยทำอะไรให้ฉันสักอย่างได้ไหม” แต่ทันใดนั้นหลังจากที่ถามออกไปเธอก็สั่นศีรษะ “ไม่ได้สิ ถังซีเท่านั้นที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ ฉันจะไปเมืองหลวงกับคุณ”
ถึงเวลาแล้วที่ถังซีจะต้องจัดการเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ให้สิ้นซาก
เฉียวเหลียงมองเธอพลางขมวดคิ้ว “คุณจะกลับไปที่นั่นในฐานะอะไร ในฐานะเซียวโหรว อย่างนั้นเหรอ”